Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 11 ทะลวงเข้าอาคารเรียนศิลปะ

15นาทีต่อมา  พวกผมมาอยู่ที่พุ่มไม้ข้างๆอาคารเรียนศิลปะแล้ว  ผมเข้ามาเรียนที่นี่ตอนมัธยมปลาย เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดของพื้นที่เท่าไหร่  ดังนั้นอริสจึงต้องเป็นคนอธิบายให้ฟัง  อาคารเรียนศิลปะนั้น เป็นอาคารไม้3ชั้นซึ่งปรับปรุงขึ้นมาจากตัวอาคารเดิมที่ใช้งานมาตั้งแต่40ปีก่อนหน้านี้  ปรับปรุงงั้นเหรอ น่าจะเรียกว่าก่อสร้างขึ้นมาใหม่มากกว่านะ เพราะเล่นปรับปรุงทั้งอาคารเลย  เปลี่ยนวัตถุดิบชนิดไม้ที่หมดสภาพไปแล้วออก เริ่มจากเสาเอก ไม้ที่สามารถใช้ต่อไปได้ก็ใช้ต่อ จุดที่ไม่ไหวจริงๆก็ใช้เหล็กเข้าไปช่วยเสริม ปรับปรุงจากอาคารเดิมที่มี2ชั้นจนกลายเป็นอาคาร3ชั้น  ไฟฟ้า แก๊ส ประปา ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เครื่องปรับอากาศก็ถูกจัดเตรียมไว้ อุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ที่นี่นั้นดูดีกว่าทุกที่ในโรงเรียน  สำหรับพื้นที่ภายใน ดูใกล้เคียงกับสไตล์ยุโรปที่ปรากฏออกมาในหนังมากกว่าที่จะเรียกว่าเป็นอาคารของโรงเรียนซะอีก  เมื่อเข้าไปจากประตูทางด้านหน้าก็จะพบกับล็อบบี้ที่อยู่ทางขึ้นสู่2ชั้นสำหรับชั้น1จะเป็นห้องทำอาหารและห้องอาบน้ำ ส่วนชั้น2จะเป็นห้องแบบญี่ปุ่นที่ใช้สำหรับชงชาหรืออื่นๆ รวมถึงปาร์ตี้รูมขนาดเล็ก ส่วนชั้น3จะมีห้องประชุมขนาดใหญ่สำหรับใช้ในหลายๆงาน รวมถึงมีห้องพักชั่วคราวสำหรับแขกที่มาเยี่ยมด้วย  สำหรับห้องใต้ดินที่ปกติจะล็อคกุญแจเอาไว้นั้น มีเสบียงอาหารและเชื้อเพลิงสำหรับกรณีเกิดภัยพิบัติถูกเก็บกักเอาไว้ด้วย  เสบียงอาหารน่ะ จริงๆแล้วก็เหมือนกับน้ำที่ผมใช้เวทอัญเชิญเรียกมานั่นแหละ  แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น แถมMPยังสำคัญที่สุดด้วยก็เลยยังไม่ได้ลอง  แต่สำหรับเชื้อเพลิงนี่ผมยินดีนะ ในสภาพการณ์แบบนี้หากมีตะเกียงน้ำมันล่ะก็ ถือเป็นทรัพย์สมบัติที่สำคัญเลย  การหลบภัยในตึกเรียนศิลปะนั้น ต่อให้ไม่มีอริสมาเกี่ยวข้อง มันก็เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดเหมือนเดิม ในสภาพที่กลางคืนใกล้จะคืบคลานเข้ามา การหาสถานที่หลับนอนที่ปลอดภัยคือปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขให้ได้  จากที่อริสพูดมา ในตอนนี้คนที่อยู่ที่ตึกเรียนศิลปะมีประมาณ10คน  คนที่ใช้ห้องทำอาหาร5คน สมาชิกชมรมชงชาอีก5คน 「ประตูด้านหน้าบันไดชั้น3ถูกปิดตายเอาไว้ค่ะ เนื่องจากถูกล็อคกุญแจเอาไว้ ดังนั้นหากออร์คไม่ใช่กำลังพังเข้าไปล่ะก็ ไม่ต้องไปคิดถึงชั้น3ก็ได้ค่ะ」  ระหว่างที่หมอบตัวอยู่ อริสก็กระซิบบอกมา 「หากที่ระเบียงชั้น2มีออร์คอยู่ล่ะก็ จะสามารถรู้ได้ในทันที ……ดังนั้นก่อนอื่นถ้าไปถึงล็อบบี้ได้ล่ะก็ จะสามารถทำความเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้มากขึ้นค่ะ」 「ถ้าน้อยกว่า2ตัวล่ะก็ ไม่ต้องลังเล Go เลยนะ」 「ค่ะ」  ก่อนจะมาถึงที่นี่ พวกผมเจออร์คไป2ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งอริสก็จัดการอย่างรวดเร็วด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว  รวดเร็วขนาดที่อีกฝ่ายไม่สามารถส่งเสียงร้องได้ด้วยซ้ำ เป็นการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบ  อริสในตอนนี้เลเวล2 ตั้งแต่ที่เลเวลอัพมาก็จัดการไป4ตัวแล้ว  ถ้าค่าประสบการณ์ถูกแชร์ไว้สำหรับ2คนล่ะก็ เหลืออีก2ตัว หากจัดการออร์คได้อีก2ตัวก็จะเลเวลอัพแล้ว  ถ้าเลเวลอัพ จะสามารถประชุมแผนการที่ห้องสีขาวได้  แม้จะอยู่ในระหว่างการต่อสู้ก็ตาม สามารถใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการวางแผนที่ให้ผลดีที่สุดได้  นี่น่ะ สร้างความแตกต่างได้เยอะมาก  เพราะฉะนั้น ถ้ามีออร์คน้อยกว่า2ตัวล่ะก็ ไม่ต้องลังเลเลย Go เท่านั้น  ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด อย่างน้อยๆก็สามารถไปปรึกษากันสำหรับวิธีการในการหนีเพื่อไปตั้งหลักกันใหม่ได้  บริเวณนี้ไม่มีวี่แววของพวกออร์ค  ก่อนอื่นผมส่งอีกาออกไปบินสำรวจ  พออีกาบินไปถึงประตูหน้าของอาคารเรียนศิลปะที่ถูกเปิดอ้าทิ้งเอาไว้ มันก็บินเลียบพื้น เข้าไปด้านใน  เป็นอีกาที่น่าสงสัยจริงๆนะ  ไม่สิ จริงๆมันก็คือสปายอยู่แล้วนี่นา……  โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น  อีกาบินพั่บๆ กลับมา 「ออร์ค、2」  เสียงที่มีเฉพาะผมเท่านั้นที่ได้ยิน ดังขึ้นในหู 「ดีล่ะ ทำได้ดีมาก!」  ผมพยักหน้า แล้วหันไปมองหน้าอริส  อริสกลืนน้ำลายลงไปทีหนึ่ง แล้วถือหอกขึ้นมา 「ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะใส่เวทมนตร์ให้ก่อน」  Keen・Weapon、Physical・Up、Mighty・Arm、Grand・Attraction  ผมร่ายเวทตามลำดับที่เขียนไว้  ต่อให้ได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้ามีGrand・Attractionช่วยดูดHPของออร์คมาให้ล่ะก็ สามารถต่อสู้อย่างต่อเนื่องได้แน่  ถึงจะมีคำถามที่ว่า อริสที่มีร่างกายบอบบางขนาดนั้นจะสามารถรับการโจมตีของไอ้ก้อนเนื้อนั่นได้เหรออยู่ก็เถอะ……  อาเร๊ะ เวทมนตร์นี้ ไม่ชัวร์เหรอ?  ไม่สิ เอาเถอะ ก็แค่ตีตนไปก่อนไข้นั่นแหละ มีก็ดีกว่าไม่มีนั่นแหละเนอะ โชคยังดี MPมีเหลือเยอะอยู่  ตอนนี้ Max MPของผมหายไป1จากการอัญเชิญอีกา1ตัว ดังนั้นMPของผมจึงเหลืออยู่29  ใช้เวทมนตร์4อันข้างต้นให้อริสไปอีก MPที่เหลืออยู่ก็น่าจะ24แหละ  ……เอโต ตรงสินะ เป็น Grand・Attractionแรงค์2ด้วยสิ น่าจะใช้MPเท่าตัวล่ะมั้ง  หลังจากนี้ ผมจะใช้เวทมนตร์โดยผ่านการคำนวณ 「Summon・Puppet・Golem」  ตุ๊กตาไม้ขนาดตัวประมาณ150เซนติเมตรปรากฏตัวขึ้นข้างหน้าผม  อยากจะใส่ชื่อ พินอคคิโอ ให้มันจังแฮะ ตุ๊กตาไม้ที่เหมือนกับผ่านการแกะสลักหยาบๆมา ถึงจมูกจะแบนก็เถอะ  ตุ๊กตาตัวนั้น ถือไม้ตะบองในมือขวา ส่วนมือซ้ายถือโล่ไม้  ตุ๊กตาไม้หันมาก้มหัวให้ผม 「คะ คาวาอี้เดสสึ」  ดวงตาของอริสเป็นประกายระยิบระยับ นี่ๆ เธอน่ะหลังจากนี้จะต้องไปสู้เอาชีวิตกับพวกออร์คนะ  เอาเถอะ ร่าเริงไว้เป็นดีแหละ  จากนั้นผมก็ร่ายเวทมนตร์ให้Puppet・Golemด้วย 「Keen・Weapon、Physical・Up、Mighty・Arm」  Grand・Attractionคงไม่ต้องใช้มั้ง ถ้าอสูรรับใช้ถูกทำลายล่ะก็ เอาเถอะ ไว้เกิดขึ้นค่อยคิดแล้วกัน  สุดท้ายนี้ ผมใส่เวท3ใส่ให้ตัวเอง  เพราะเวทอัญเชิญแรงค์2ทำให้เสียMax MPไปอีก4แต้ม ดังนั้น……  MPปัจจุบัน/Max MP=14/25  น่าจะประมาณนี้แหละ อื้ม น่าจะตรง  ดูท่าการทำความเข้าใจว่าสามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกกี่ครั้งจะเป็นเรื่องสำคัญสุดๆแฮะ  ถ้าเป็นเหมือนเกมที่สามารถดูHPกับMPได้ตลอด ก็น่าจะสบายไปแล้วแท้ๆน๊า  น่าเสียดาย ที่ไม่มีหน้าจอแสดงสเตตัส  ถ้างั้น หลังจากนี้ก็คงมีแต่วิธีคำนวณว่าใช้MPไปเท่าไหร่แล้วเท่านั้นล่ะนะ  ฟื้นฟูขึ้นมาเท่าไหร่แล้ว จะให้คำนวณหมดนี้ยังไงก็มีพลาดอยู่แล้วนา……  พวกStop Watchอะไรพวกนี้ อาจจะจำเป็นต้องมีก็ได้มั้งเนี่ย  แล้ว MPที่เหลืออยู่นี่จะใช้เรียกPuppet・Golemอีกตัวออกมาดีรึเปล่า ก็คงต้องคิดดีๆสินะ  ถ้าถึงสถานการณ์คับขันจริงๆก็คงต้องเรียกออกมา แต่สำหรับตอนนี้ใช้1ตัวในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของผมไปก่อนแล้วกัน。 「Go!」  ด้วยสัญญาณของผม อริสพุ่งตัวออกไปจากพุ่มหญ้าทันที  ผมตามไปเหมือนกันแต่ออกตัวช้ากว่าหน่อยนึง ถ้ามีออร์คแค่2ตัวล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องใช้แผนการอะไรเลย  ไม่นานผมก็เข้ามาข้างในอาคารเรียนศิลปะ ปิดประตู เพื่อไม่ให้เสียงต่อสู้เล็ดลอดออกไป เพื่อไม่ให้พวกออร์คข้างนอกเข้ามาช่วยเหลือ ปิดประตูเอาไว้แต่แรกน่าจะเป็นวิธีการที่ฉลาดกว่าจริงมั้ย  Puppet・Golemตามมาในสภาพทุลักทุเลพอสมควร จากโครงสร้างร่างกายที่ไม่น่าจะวิ่งได้เร็ว แต่กลับต้องมาใช้ความเร็วเท่าๆกับผมก็เป็นเรื่องธรรมดาแหละ  อริสหยุดนิ่ง  ชั่วพริบตาหนึ่ง การเคลื่อนไหวของเธอก็ดูเกร็งขึ้นมา  เกิดอะไรขึ้น ตัวผมที่ตามหลังเธอมาไม่กี่ก้าวสงสัย ……  ชะเง้อมองเข้าไปดูล็อบบี้ของอาคารเรียนศิลปะ  ออร์คอยู่ที่นั่น  ตรงกลางล็อบบี้ที่มืดมิด ออร์ค2ตัวบดบังอะไรสักอย่างสีขาวที่รูปร่างเหมือนคน  ท่อนล่างของมันปรากฏให้เห็นชัดๆ ส่วนเอวก็กำลังซอยยิกๆ  อริสกัดฟันกรอด  กัดฟันดังมากจนผมได้ยิน  จนถึงตอนนี้ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่มีนิสัยสุภาพอ่อนโยน ไม่ใช่คนก้าวร้าว และเป็นคนใจเย็น  คิดว่าเธอเป็นคนที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกได้ดี ทำอะไรอย่างสุขุมรอบคอบเสมอ  ตอนนี้ อริสกำลังโกรธ  โกรธจัดแบบไม่ต้องมีเหตุผล  อริสย่อตัวลง ถีบพื้น  ผมสีดำสวยงามพริ้วไปตามแรงลม  เธอกลายเป็นพายุที่โหมกระหน่ำ พัดพาสู่พวกออร์ค  เสียงอริสถีบตัวจากพื้น ทำให้พวกออร์คที่กำลังหมกมุ่นราวกับอยู่ในสวรรค์ รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ พวกมันมมองมาทางนี้  แต่ว่า ในตอนนั้นเอง  หอกของอริส ก็ได้เสียบออร์คตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดไปแล้ว  เลือดสีน้ำเงินหลั่งไหลออกมา  ร่างกายของอริส ราวกับถูกอาบไปด้วยเลือดอุบาทว์นั่น  พริบตาต่อมา ร่างของเธอก็หายไป  ไม่สิ เธอเพียงแค่ พลิกตัวกลับเท่านั้นเอง  อาศัยแรงหมุนตัวช่วยดึงหอกที่เสียบอยู่ที่คอของออร์คตัวนั้นออกมา ใช้ศพของออร์คอุบาทว์เป็นโล่ปิดบังร่างของตัวเองจากสายตาของออร์คอีกตัว  ออร์คที่ยังไร้บาดแผล รีบค้นหาอริสทันที แต่ในจังหวะนั้น อริสก็ไปโผล่อยู่ที่ด้านข้างของมันแล้ว  เธอแทงหอกออกไปอีกครั้ง เสียบเข้าไปที่ท้อง เป็นการโจมตีที่สุดยอดมาก  จากนั้นเธอก็แทงเข้าไปที่คอของมันอย่างแม่นยำ  เพียงเท่านี้ ออร์คหื่น2ตัวก็ถูกจัดการเรียบร้อย  ร่างของพวกมันค่อยๆจางหายไป  ว่าไงดีล่ะ นั่นน่ะ  น่ากลัว  อย่าไปทำให้เธอโกรธดีกว่า ผมสาบานในใจ  สาบานอย่างหนักแน่นในใจเลย  อริสถอนหายใจเฮือกใหญ่  คุกเข่าลง มองดูสภาพของหญิงสาวที่น่าสงสาร  กัดฟันกรอดอีกครั้ง  พริบตาต่อมา พวกผมก็วาร์ปมาที่ห้องสีขาว         ※  ผมกับอริสมองหน้ากันที่ห้องสีขาว  อริสมองมาทางผมด้วยใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้  ไม่อยากฟัง  แต่ว่า ผมต้องฟัง  เพราะงั้น จึงต้องพยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคอที่แห้งผาก  เปิดปากออก 「นั่นมัน」 「ไม่ใช่ทามากิจัง หรอกค่ะ」  ผมส่ายหัวพลางพูดว่า งั้นเหรอ 「ยังหายใจอยู่มั้ย?」 「คอ หมุนไปในทิศทางแปลกๆค่ะ」  อริส กัดฟันกรอดอีกครั้ง  กำหมัดแน่นจนเลือดเกือบจะไหลออก ก้มหน้าลง 「เศร้าค่ะ」  ผมเดินเข้าไปหาอริส ยื่นมือไปลูบหัวเธอ  อริสส่งเสียงในลำคอ  โผเข้ามาในอ้อมอกผม ร้องไห้  ทำอะไรไม่ได้เลย ผมทำได้เพียง ปล่อยให้อริสร้องไห้เท่านั้น  ตัวผมในตอนนี้ ทำได้แค่นั้นเอง         ※ 「ชั้น เป็นเด็กไม่ดีค่ะ」  หลังจากนั้นสักระยะ  ในสภาพที่ยังซบอยู่ที่อกผม อริสพูดออกมา 「ค่อยยังชั่วที่คนๆนั้นไม่ใช่ทามากิจัง พริบตาหนึ่ง ชั้นโล่งใจมากๆค่ะ」  ตอนนี้ อริสแยกนั่งบนพื้นพลางร้องไห้  ตัวผมที่ให้อริสยืมอกก็ต้องย่อตัวลงด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  อปไปอันสมบูรณ์ของอริสกดทับหน้าอกของผม  ฟินมากจนผมอดกลืนน้ำลายลงปากไม่ได้เลย  แต่ความหื่นนั่นน่ะ ไม่นานก็หายไป  มือของอริสบีบคอเสื้อของชุดนักเรียนของผมอยู่  มือของเธอ ไม่สิ ทั้งร่างกายของเธอ กำลังสั่นอยู่  เจ็บปวดมากๆ 「คนๆนั้น ถูกฆ่าตายแท้ๆ ถูกออร์คข่มขืน ถูกฆ่า แล้วยังถูกทำให้อับอายต่อไปอีก ทั้งๆอย่างนั้นตอนที่ชั้นได้เห็นภาพนั้น ชั้นน่ะ โล่งอกค่ะ เลวที่สุดเลยค่ะ」  มันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ผมคิดในใจ  คนสำคัญสำหรับตนเองกับคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย  ก็แค่ชั่งน้ำหนักระหว่างคน2คนเท่านั้นเอง  ถ้าผมเป็นเธอ ในสถานการณ์นั้นน่ะคิดว่าคงไม่ต่างกันหรอก  ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องธรรมดาขนาดนั้นแท้ๆ อริสกลับตำหนิตัวเองอย่างรุนแรง  อ่อนโยนจริงๆ  คิดว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก  แต่ว่า ก็แค่อุดมคติในยามสงบสุขเท่านั้น  ตอนนี้ ในสถานการณ์นี้ ความคิดแบบนั้นเป็นเพียงแคโซ่ตรวนเท่านั้นแหละ  แต่ถึงอย่างนั้นตัวผม ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้  ไม่สามารถทำอะไรได้  ตัวผมที่คิดเอาไว้ว่าถ้าถึงสถานการณ์ฉุกเฉินก็จะทอดทิ้งเธอไปในทันที มีสิทธิอะไรที่จะไปปลอบเธอล่ะ  คำพูดจากคนที่มีความรู้สึกครึ่งๆกลางๆน่ะ จะสื่อไปถึงหัวใจของเธอได้ยังไง  ดังนั้นผมจึงทำได้แค่นิ่งเงียบ ฟังอริสสารภาพบาปของตัวเอง  นั่นคือสิ่งที่ผมสามารถทำได้ เป็นทั้งหมดที่ผมสามารถทำได้  ไม่นาน เสียงสะอึกสะอื้นก็ค่อยๆเบาลง  ร่างของอริส เริ่มผ่อนคลายลง  ผมรีบกอดอริสที่เหมือนจะทรุดลงไปแล้วทันที  ได้ยินเสียงกรนนิดๆ 「……หลับไปแล้วเหรอ」  ผมค่อยๆวางตัวเธอนอนลงบนพื้นของห้องสีขาว  นั่งทับส้นเท้า เอื้อมมือประคองหัวของอริสขึ้นมาซบลงที่ตัก  ตราบใดที่ยังอยู่ในห้องนี้ เวลาของความเป็นจริงจะถูกหยุดเอาไว้  ถ้าอย่างนั้น ขอใช้เวลานี้ให้เธอ ให้หัวใจของเธอได้พักผ่อนเท่าที่จำเป็นก็แล้วกัน  ให้เธอได้นอนพัก จนกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็แล้วกัน  เมื่อกลับไปที่ความเป็นจริงอีกครั้ง ภาพอันน่าสยดสยองจะดำเนินต่อไป  หัวใจของเธอจะถูกกัดกร่อนไปทีละน้อยๆจริงมั้ย  เพราะฉะนั้น ขอแค่ตอนนี้เท่านั้น ให้ผมได้มองใบหน้ายามหลับของเธอ  แค่ตอนนี้เท่านั้น อยากให้ค่อยๆพักผ่อน  ผมคิดเช่นนั้น จากเบื้องลึกของหัวใจ
◀ บทที่เเล้ว หน้าหลัก บทต่อไป ▶

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้