Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 6 การตัดสินใจของเด็กสาว

หากลองคิดดูแล้ว บางทีตัวผมอาจจะเพียงแค่ อยากได้หลักประกันเท่านั้นล่ะมั้ง  หรืออาจจะแค่อยากที่จะเชื่อเท่านั้นก็เป็นได้  กับอะไรสักอย่าง  หรืออย่างเช่น กับใคร  คิดว่านั่นน่ะ ไม่ว่าจะเป็นอะไร หรือใครก็ตาม ได้ทั้งนั้นแหละ  เพียงแค่ที่ตรงนั้นมีเธออยู่ เธอ บังเอิญ อยู่  ผมใช้เวลามาค่อนข้างนานแล้ว กับการจมอยู่ในห้วงความคิดที่ห้องสีขาว แต่ไม่ว่ายังไงถึงจะอยู่ในห้องนี้ไปนานเท่าไหร่ เวลาในความเป็นจริงก็จะไม่ขยับไปแม้แต่เสี้ยววินาที  จังหวะที่กลับไปที่ป่าแห่งนั้น ความเหนื่อยล้าทั้งหลายประดังเข้ามาที่หัวเข่า  หอบ ครวญคราง  เพื่อจัดระเบียบการหายใจ ผมจึงใช้มือค้ำลงไปที่พื้นซึ่งปกคลุมไปด้วยใบไม้แห้ง  กลิ่นของป่าทึบลอยเข้าจมูก  ใบไม้ถูกปล่อยให้ย่อยสลายและเปียกไปด้วยน้ำฝน กลิ่นนั้นราวกับว่าผสมมูลของแมลงหรือนกด้วย  ในระหว่างที่ได้ดมกลิ่นเหม็นอับนั้น ตัวผมก็ค่อยๆสงบลง  ได้ยินเสียงเหยียบกองใบไม้ที่ทับถนกันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  พอเงยหน้าขึ้นดู ก็พบกับเด็กสาวที่ผมช่วยไว้จากออร์คยืนอยู่ใกล้ๆ  เสื้อของชุดนักเรียนมัธยมต้น ยับเยินทีเดียว  ตอนนี้ยังเป็นชุดฤดูร้อนซึ่งเป็นเสื้อแขนสั้นอยู่ แต่แขนเสื้อด้านขวาขาดยาวไปจนเผยหัวไหล่ขาวสะอาดออกมาให้โลกได้เชยชม  บริเวณหน้าอกเองก็ขาดเป็นรอยใหญ่ จนเห็นร่องของยกทรงเลยทีเดียว ในจุดนั้นเธอพยายามใช้สองมือเข้ามาปกปิดอยู่เหมือนกัน แต่ดูแล้วไม่น่าจะสำเร็จนะ  ตัวก็ไม่สูงมากแท้ๆแต่ใหญ่ใช้ได้เลยน๊า ผมคิดในใจ  กระโปรงเองก็ขาดไปครึ่งหนึ่ง บริเวณขอบๆนั้นเผยให้เห็นกกน.อยู่นิดหน่อย (กกน.ยังอยู่แปลว่ายังไม่โดน... ยะฮู้ววววว)  สำหรับร่างกายของเธอ ดูท่าจะโดนทุบตีมาเยอะเหมือนกัน มีเลือดซึมๆอยู่ตามตัว  มือและขามีรอยถลอก เลือดไหลออกมาด้วย  บริเวณแก้มเอง ก็โดนตบอย่างแรงเมื่อกี้จนแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด  บริเวณปากก็เหมือนกัน มีเลือดไหลออกมา  เป็นภาพที่โหดร้ายมาก  ทั้งๆอย่างนั้นดวงตาสีออบซิเดียนของเธอ กลับจดจ้องมาทางผมอย่างมุ่งมั่น  เป็นดวงตาที่กลมโตเหมาะมาก นั่นคือความประทับใจของผม  นั่นน่ะคิดว่า คงไม่อยากจะหลบสายตาผมแหละ  ทั้งๆที่มีบาดแผลมากมายจนอยู่ในสภาพที่โหดร้ายขนาดนี้ ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงยังคิดว่าเธอสวยอยู่ได้  ผมหน้าของเธอดูยุ่งเหยิง  ผมสีดำยาวถึงสะโพกของเธอนั้น มีกิ่งไม้ ใบไม้ ติดอยู่เต็มไปหมด  ทั้งๆอย่างนั้น อ๋า เป็นเส้นผมที่สวยงามจริงๆ 「เธอคือ」  ประโยคที่ผมพูดออกไป เป็นเพียงการพึมพำที่ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษเท่านั้น  รู้สึกตัวอีกที ผมก็พูดออกไปแล้ว จะพูดอะไรดีล่ะ ไม่รู้เลย  คงเพราะรู้สึกกดดันล่ะมั้ง  แต่ว่าเธอกลับเข้าใจความหมายของประโยคนั้น 「มัธยมต้นปี3 ห้อง3 ชิโมโซโนะ อริสค่ะ」 「ชิโมโซโนะ อริส……」  แนะนำมาแบบเป็นภาษาอังกฤษน่ะ ถ้าเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นก็ ชิโมโซโนะ อะริสึ  โดนชิงแนะนำตัวแล้วสิ ถ้างั้น ผมเองก็ต้องแนะนำตัวเองตามมารยาทด้วยแล้วสิ 「มัธยมปลายปี1 ห้อง2 คายะ คาซึฮิสะ น่ะ」 「คายะ……ซัง」  อริส ก้มหัวลงมา  ใบไม้ที่ติดอยู่ตามเส้นผมบนหัวนั้น ราวกับเป็นเส้นผมยุ่งๆของตัวการ์ตูนในมังงะเลย  ในเวลาแบบนี้แท้ๆ  ว่าไงดีล่ะ ผมคิดว่ามันน่าตลกมากทีเดียว  แล้วผมก็หลุดขำไปโดยไม่ตั้งใจ 「ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยเอาไว้……」  อริสเงยหน้าขึ้นจ้อมองมาทางผม……  หลังจากนั้น ก็ทำแก้มป่องแบบไม่พอใจ 「อะไรคะ」  ผมรีบอธิบายเรื่องใบไม้แห้งที่ติดอยู่บนหัวเธอทันที  อริสเบ้ปากไม่พอใจเป็นรูปตัวヘ  มือข้างหนึ่งยังคงปกปิดอปไปคู่งามอยู่เหมือนเดิม แล้วเหลือบตาขึ้น「เอ๋ー、อาเร๊ー」ส่งเสียงสงสัยพลางใช้มืออีกข้างปัดๆบริเวณหัว  เหมือนจะเอาไม่ค่อยออกนะ  ผมเขยิบเข้าไปใกล้ๆเธอ ช่วยดึงใบไม้ที่ติดอยู่ที่เส้นผมออกไป  ทำไมผมถึงสามารถทำอะไรแบบนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติล่ะ 「อาอู」  เธอส่งเสียงคราง พลางเงยหน้ามองผม  หลังจากที่ผมโชว์ใบไม้ให้เธอดู ผมก็โยนมันทิ้งไป 「เอโต……คือ」  ก้มลงมองอริส แต่สายตาของผมดันเหลือบไปมองอปไปซะอย่างนั้น  ใบหน้าของอริสเปลี่ยนเป็นเขินอายทันที 「อย่าจ้องแบบนั้นสิคะ」 「โทษที」  เบือนสายตาหนี 「จะว่าไป คือว่านะ」 「ตอนที่จะพูดอะไร กรุณามองตาอีกฝ่ายด้วยค่ะ」  แล้วจะให้ทำยังไงเล่า  ผมต้องหันกลับไปมองตาอริสอย่างช่วยไม่ได้  ผมถูกประกายแวววาวราวออบซิเดียนนั้นดูดกลืนเข้าไป  ผมกำลังประหม่า 「สภาพตอนนี้โอเคมั้ย?」  ถามคำถามไร้สาระออกไปซะแล้ว 「อ๊ะ ค่ะ ขอบคุณค่ะ」 「ค่อยยังชั่ว คือ ที่มาทัน」  ไม่ช่าย ที่อยากจะพูดน่ะ ไม่ใช่แบบน้าน  ที่สำคัญนะอริส ในตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะพูดน่ะไม่ใช่เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ  ผมปัดความผิดไปให้เธอซะเลย  อริส เธอเองน่ะ มีเรื่องที่น่าสงสัยเยอะแยะเลยไม่ใช่เหรอ ทั้งเรื่องเวทมนตร์ ทั้งเรื่องกาที่คอยเกาะอยู่บนไหล่ผมมาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้  นอกจากนี้ผมน่ะ เป็นผู้ชาย เธอต้องระแวงผมสิ  ยังไงๆ เมื่อกี้ก็เพิ่งจะเจอกับเหตุการณ์เหลือเชื่อขนาดนั้นมาด้วย  อ้า แต่ว่า หญิงสาวที่กำลังจะถูกข่มขืนจะให้พูดอะไรล่ะ?  ไม่สิ ก่อนอื่นต้องเรื่องเสื้อผ้าก่อนไม่ใช่เหรอ  ผมถอดเสื้อเชิ้ตของชุดนักเรียนออก แล้วบอกเธอว่าใช้นี่สิ……  ผมเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า จากการต่อสู้เมื่อกี้ เสื้อเชิ้ตของผมก็เละเทะแล้วเหมือนกัน  อริสมองผมสลับกับเสื้อเชิ้ตที่น่าสงสาร ก่อนจะยิ้มแห้งๆ 「ขอรับไว้แค่ ความรู้สึกก็แล้วกันค่ะ」 「อุ、อื้ม、โทษทีนะ」  ตายแล้ว ตายโหงเลย แถมยัง ขุดหลุมฝังตัวเองอีก  ผมอยากจะตบหัวตัวเองจริงๆตอนนี้  อยากจะวิ่งหนีเธอไปในตอนนี้เลย 「เอโต……คายะซัง ทำไมถึงได้มีแสงที่มือและเท้าเหรอคะ」  เพราะงั้นไง การที่เธอเป็นฝ่ายถามคำถามมาน่ะ มันช่วยผมได้มากเลยจริงๆ  โอ้ นางฟ้า จู่ๆผมก็มองเห็นอริสเป็นนางฟ้าไปวะแล้ว  อยากจะยกมือไหว้ขึ้นมาแล้วสิ 「เอโต มันก็คือ……」 「อ๊ะ ขอโทษค่ะ ขอนั่ง……ได้ไหมคะ」 「อะ อ้า……เหนื่อยแล้วเนอะ ผมด้วยแหละ」  ผมกับอริสนั่งลงข้างๆกัน  จะเว้นช่องว่างไว้ดีมั้ยนะ ผมคิดอยู่ในใจแต่ว่า อริสนั่งลงข้างๆผมโดยไม่ลังเล ใกล้กันจนแทบจะรับรู้ได้ถึงความร้อนของผิวหนังเลยทีเดียว  พอมองไปด้านข้าง เนื่องจากความต่างด้านส่วนสูงทำให้ผมต้องมองลง  สายตาประสานกัน อริสยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  ผมเล่าเรื่องออกไปตามลำดับ  ผมวางโครงเรื่องเอาไว้ตั้งแต่อยู่ในห้องสีขาวแล้ว โดยสมมติสถานการณ์ว่านั่งคุยอยู่กับเธอ  ที่ห้องสีขาวนั้น มีเวลาเหลือเฟือ  เพราะฉะนั้นการอธิบายของผม ผมคิดว่าเข้าใจง่าย และเรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องดีนะ  ที่ลำบากใจอยู่มีเพียงเรื่องเดียว ทำไมถึงต้องเตรียมหลุมกับดักเอาไว้ด้วยล่ะ แค่นั้นเองจริงๆ  เธอเองก็รู้สึกจะสงสัยนิดหน่อยด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คาดคั้นผมมากเกินไป  เธอฟังพลางพยักหน้าและส่งเสียงตอบรับเป็นช่วงๆให้ผมรู้ว่าเธอตั้งใจฟังอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม  อริสเป็นผู้ฟังที่ดีมาก  ต่อให้ผมพูดให้เข้าใจได้ง่ายแค่ไหน ยังไงรายละเอียดก็คือเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี  ว่ากันตามตรง ตัวผมเองถ้าจู่ๆก็ได้มาฟังอะไรแบบนี้ ให้ตายก็ไม่เชื่อหรอก  แต่ว่าอริสนั้น เพิ่งจะถูกออร์ค สัตว์ประหลาดเหนือสามัญสำนึกคุกคามมา  เพราะอย่างนั้นล่ะมั้ง เธอจึงตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูด และเชื่อในสิ่งทีผมพูด 「ชั้นหนีมาค่ะ จากตึกมัธยมต้น สัตว์ประหลาดนั่น ……ออร์ค เหรอคะ? พวกมันเข้ามาจู่โจมหลายตัวมากๆ ทุกคนต่างพากันหลบหนี……」  อย่างนี้นี่เอง ผมพยักหน้า  อริสเงยหน้ามองผม จ้อง จ้องมอง 「ชั้นสามารถ แข็งแกร่งขึ้นได้ไหมคะ สามารถแข็งแกร่งขึ้นเหมือนคายะซังได้ไหมคะ」  เธอเป็นฝ่ายพูดออกมาแบบนั้น 「ถ้าฆ่าออร์คได้ล่ะก็ บางทีนะ หากเธอตั้งใจแบบนั้นจริงๆล่ะก็ แน่นอนว่า การช่วยเหลือน่ะ……」 「ฆ่าค่ะ」  อริสตอบกลับมาหลังจากที่ผมพูดจบแค่0.5วินาทีเท่านั้น 「ขอความกรุณาด้วยนะคะ คายะซัง ขอพลังให้ชั้นด้วย พลังในการต่อสู้ การไร้พลังน่ะไม่เอาแล้วค่ะ โดนข่มเหงโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยน่ะ ไม่เอาแล้วค่ะ」 「เข้าใจแล้ว ก็เอาสิ」  อย่างที่คาดเอาไว้ ถึงจะรู้สึกว่าแปลกไปนิดหน่อยก็เถอะ แต่ยังไงตอนนี้ก็เข้าสู่เส้นทางที่กำหนดแล้วล่ะนะ  น่าจะเข้าแล้ว……แน่ๆล่ะมั้ง
◀ บทที่เเล้ว หน้าหลัก บทต่อไป ▶

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้