Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 16 แล้วค่ำคืนก็มา

ผมกับอริสกลับมาที่ล็อบบี้ของอาคารเรียนศิลปะ  ในจุดที่จัดการElite・Orcไป ตอนนี้ มีคริสตัลก้อนหนึ่งตกอยู่  นี่น่ะ คือสิ่งที่ในเกมเรียกว่าคริสตัลเวทสินะ เป็นคริสตัลที่เก็บสะสมพลังเวทของมอนสเตอร์ คิดว่าน่าจะประมาณนี้  ผมเข้าไปเก็บคริสตัลนั่น แล้วเอาใส่กระเป๋า  หลังจากนั้นจึงหันกลับไปหาอริส  อริสยังอยู่ในสภาพอ่อนล้า  พอสายตาประสานกัน อริสก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ยิ้มหวานให้ผม  ผมเองก็เขินขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ยิ้มเขินๆให้เธอ  การจ้องมองซึ่งกันและกันของเรานั้น คิดว่าไม่น่าจะนานขนาดนั้นแน่ๆ…… 「อ๊ะー、อริส คาซึซัง!」  ได้ยินเสียงดังก้อง มาจากด้านบนของเฉลียง  พอหันขึ้นไปดู ก็เห็นทามากิชะโงกตัวออกมาจากเฉลียง โบกไม้โบกมือให้เป็นการใหญ่  หากมองดูดีๆแล้ว จะเห็นว่าเธอร้องไห้อยู่  สูดน้ำมูกเข้า พลางโบกมือทั้ง2ข้างให้พวกผม 「ค่อยยังชั่ว ค่อยยังชั่ว! ได้ยินเสียงดังมากๆ แล้วจู่ๆเสียงก็เงียบไป เป็นห่วงมากๆเลย!」  เป็นเด็กที่ทำอะไรไม่คิดเลยนะ ผมยิ้มแห้งๆ  ถ้าหากพวกผมแพ้ล่ะก็ ถ้าคนที่เหลืออยู่ตรงนี้คือElite・Orcล่ะก็ จะทำยังไงล่ะ  ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เอาเถอะนะ  อุตส่าห์เป็นห่วงผมกับอริสขนาดนั้นแล้ว ยอมให้ก็ได้ ผมกับอริส โบกมือให้เธอ         ※  นักเรียนที่ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้น3นั้น นอกจากทามากิแล้วยังมีอีก7คน ทั้งหมดเป็นนักเรียนระดับมัธยมต้น  เด็กสาวที่ตายไปมี3คน กับเด็กชายที่หนีมาจากด้านนอกอีก2คน คนที่รอดจากการโดนออร์คจับกุมก็มีแค่ชิคิ ยูคาริโกะเท่านั้น รู้สึกว่าจำนวนมันน้อยๆนะ จบการรายงาน…… 「เด็กปี1 2คนนั่นน่ะ ช่วยปกป้องชั้นตอนที่แยกจากอริสและหนีมาที่นี่!」  ทามากิโพล่งออกมา  พอลองถามดู ทามากิกับเด็กมัธยมต้นปี1คู่นั้น เลือกที่จะเมินชั้น1ซึ่งมีอันตรายมากที่สุดจากการที่มีออร์คอยู่ แล้วปีขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้ๆ เหวี่ยงเชือกออกไปยังหน้าต่างที่เปิดอยู่ของชั้น3อาคารเรียนศิลปะ จากนั้นจึงดีดตัวเข้ามา  ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นเพราะนักเรียนสมาชิกชมรงชงชาออกหน้า ให้คำแนะนำ……  ไม่สิ เดี๋ยวก่อน นั่นน่ะเป็นการเล่นโลดโผนขนาดที่Windy・Jonesยังต้องตะลึงเลยนะ 「ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเหรอ」 「นอกจากชั้นกับทามากิจังแล้ว ทุกคนเป็นสมาชิกชมรงชงชากับทำอาหารน่ะค่ะ」  อริสพูดขึ้นมา สิ่งที่เธอพูดนั่นแหละคือความเป็นจริง  แค่ลองคิดดู ก็จะรู้แล้วว่าอุปกรณ์ทั้งหลายที่ติดตั้งอยู่ที่อาคารเรียนศิลปะนี่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นอุปกรณ์สำหรับผู้หญิง ดังนั้น การที่มีแต่นักเรียนหญิงก็ถือเป็นเรื่องปกติ  อืーม ต่อให้เป็นรุ่นน้องแต่ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ ยังพอจะใช้ให้ทำงานนู่นนี่ได้อยู่ พอจะฝากฝังอะไรไว้ได้อยู่น๊า  เล่นมีผู้หญิงซะเยอะ ขณะที่มีผู้ชายคนเดียว ลำบากนะเนี่ย  ถึงแบบนี้จะเรียกว่าสรวงสวรรค์ตามแบบฉบับนิยายก็เถอะ……  เอาเถอะ ไม่มีก็คือไม่มี เรียกร้องไปก็เท่านั้น  วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป มาคาดหวังว่าจะมีผู้ชายที่สามารถหนีพ้นเงื้อมมืออร์คดีกว่า  พอมองดูข้างนอก เริ่มจะมืดแล้ว  ใกล้จะมืดสนิท  แต่จะจุดไฟไม่ได้ เพราะมันจะสะดุดตาเกินไป ถ้าออร์คพากันมาทางนี้ล่ะก็ รับมือไม่ไหวแน่ 「อาー、เดี๋ยวเริ่มจากไปปิดประตูหน้าเอาไว้ หลังจากนั้น……」  จู่ๆผมก็รู้สึกวิงเวียนอย่างรุนแรง เข่าทรุดลง  อริสที่อยู่กับผมมาตลอด ก็ทรุดลงเหมือนกัน 「อะ อะฮะฮะ คาซึซัง ไหวรึเปล่าคะ」 「ไม่ๆ อริสนั่นแหละ……」  มองหน้ากัน ยิ้มแห้งๆ  ตอนที่ความเครียดหายไป ความเหนื่อยล้าจนถึงเดี๋ยวนี้ก็แทรกเข้ามาแทนสินะ 「อาー、คาซึซังกับอริสพักผ่อนเถอะ หลังจากนี้ ชั้นจัดการเอง」 「ขอโทษนะทามากิจัง ขอฝากด้วยนะจ๊ะ」  ขอพักสักหน่อยแล้วกัน ผมนั่งลงที่ข้างผนังกับอริส หลับตาลง  แป๊บเดียว ก้เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน         ※  พอลืมตาขึ้นมา ก็ได้กลิ่นธูปราวกับกำลังอยู่ในงานศพ  บริเวณนี้สว่างไสว เหมือนจะเป็นแสงจากเทียนไขน่ะ อย่างนี้นี่เอง ถ้าแสงสว่างระดับนี้ล่ะก็ แค่ปิดประตูเข้าอออกเอาไว้ ก็ไม่มีทางที่แสงจะหลุดออกไปข้างนอกแน่ๆ งั้นเหรอ 「ต้องจุดกลิ่นหอมด้วยน่ะ เพราะกลิ่นมันร้ายแรงเกินไป」  เสียงดังขึ้นมาจากบริเวณใกล้ๆ พอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับชิคิ ยูคาริโกะที่นั่งอยู่ข้างๆผม กำลังชำเลืองมองมาทางนี้  สวมเสื้อเชิ้ตของมัธยมปลาย คงจะเป็นชุดที่เก็บเอาไว้ที่ชมรมชงชาสินะ ผิดสันนิษฐานในใจ  แต่ว่า ทำไมเหลือแค่เธอ?  พอเห็นสีหน้าเหลือตกใจของผม ชิคิ ยูคาริโกะก็ยิ้มแห้งๆ 「อริสจังบอกว่า ช่วยเฝ้านายเอาไว้ให้หน่อยน่ะ ส่วนตัวเองก็ไปอาบน้ำกับทามากิจังล่ะนะ」  พอหันไปดูข้างๆ ก็พบว่าอริสที่น่าจะอยู่ด้วยกันไม่อยู่แล้ว  อย่างนี้นี่เอง ผมคิดในใจ แต่จะว่าไปโอฟุโระนี่มีน้ำอุ่นด้วยเหรอ  อยากลงไปแช่ ในโอฟุโระจังน๊า 「คาดหวังเอาไว้สินะ แต่ขอโทษที อ่างอาบน้ำธรรมดาจ๊ะ」  นั่นสินะ  ไม่สิ แค่อ่างอาบน้ำก็ได้ แค่นี้ก็ขอบคุณแล้ว  ตัวผมในตอนนี้เปรอะทั้งเหงื่อ โคลน เลือดเหม็นๆของออร์ค  คันไปทั้งตัว จะเป็นอ่างน้ำหรืออ่างน้ำแข็ง จะอันไหนก็ได้ทั้งนั้น  ถึงอ่างน้ำแข็งอาจจะทำให้เป็นหวัดก็เถอะ 「ชั้นเข้าไปอาบน้ำมาก่อนแล้ว ก็เลยว่างอยู่」  อย่างนี้นี่เอง เธอไปก่อนแล้ว ก็หมายความว่า……  ผมนึกถึงสภาพของเธอตอนที่ผมเจอก่อนหน้านี้ไม่นาน ไม่ว่าใครก็ตาม ได้เห็นอย่างนั้นแล้วก็ต้องยอมให้เธอไปอาบน้ำก่อนอยู่แล้วล่ะ  ก็นะ  มีเวลาพอจะไปอาบน้ำ ก็หมายความว่า อาคารเรียนศิลปะแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ปลอดภัยแล้วอย่างนั้นสินะ  จังหวะที่รู้สึกสบายใจ ท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมา  ชิคิซังหยิบแคลอรี่เมทอออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต ส่งให้ผม 「กลิ่นของอาหารก็เป็นอันตราย เลยมีแต่ของแบบนี้แหละ กินซะ」 「สำหรับผมในตอนนี้ ขอรับไปด้วยความเต็มใจล่ะ」  แคลอรี่เมทอร่อยจริงๆ  ไม่นานผมก็กินจนหมด เลียนิ้วด้วย 「นี่น่ะ ใครเป็นคนเอามาเหรอ?」 「ที่ชั้นใต้ดินของอาคารเรียนศิลปะนี่ มีคลังเก็บอาหารฉุกเฉิน สำหรับใช้ตอนเกิดภัยพิบัติอยู่ เท่าที่ตรวจสอบมา ถ้าเป็น10คนล่ะก็ น่าจะอยู่ได้1ปีสบายๆ นอกจากนี้ก็มีอาหารกระป๋อง น้ำดื่มเองก็อยู่ในถังพลาสติกอย่างดี น่าจะเพียงพอสำหรับใช้ระยะยาวแน่ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องปั่นไฟแบบใช้ตะเกียงน้ำมันด้วย แต่เสียงมันดังเกินไป เลยไม่ได้ใช้น่ะ」  เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดหลักแหลมมาก  ไม่สิ ผมรู้สึกขอบคุณในการจัดการของเธอแหละ  ทั้งๆที่เจอกับเรื่องร้ายๆมาขนาดนั้นแท้ๆ……พลังชีวิตของเอ ดูท่าจะมากกว่าที่ตาเห็นแฮะ 「แล้วก็ จัดการเก็บรวบรวมศพทั้งหมดมา แล้วเอาไปเก็บไว้ในห้องส่วนลึกของชั้น1แล้ว พรุ่งนี้เช้า มาจัดงานศพกันเถอะ นอกจากนี้ก็……นี่ อะไรน่ะ จ้องมองหน้าชั้นอยู่นั่นแหละ」 「อะ อ้า โทษทีๆ」 「เอาเถอะ ไม่เป็นไร」  ชิคิซัง ใช้มือลูบผมด้านหลังศีรษะไปมา 「ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ แค่อดทนไม่ไหวเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ลงมือทำอะไรล่ะก็ ทนไม่ไหวแน่ๆ」 「งั้นเหรอ……ขอโทษ」 「ไม่ต้องขอโทษเลย ถ้าไม่ได้นายช่วยเอาไว้ล่ะก็ ชั้นในตอนนี้คงจะนอนตายเป็นซากศพไปแล้ว แล้วอาจจะไปอยู่ในนรกแล้วก็เป็นได้ ……เพราะงั้น ชั้นรู้สึกขอบคุณนายนะ อะริกะโตะ」 「คำขอบคุณเอาไว้ให้อริสเถอะ ผมน่ะ ตอนที่ต่อสู้กับElite・Orc คิดจะทิ้งเธอไปแล้ว」 「ได้ยินเรื่องราวมาแล้วล่ะ มันแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่รึไง ……ที่สำคัญ ถ้าพูดแบบนั้นล่ะก็ ชั้นี่แหละที่ทิ้งนายมาตลอด」  นั่นสินะ ผมพยักหน้าอย่างอ่อนแรง  ถูกต้องแล้ว ผลสุดท้าย การที่ผมช่วยเธอเอาไว้ ก็แค่การไหลไปตามสถานการณ์เท่านั้น  ที่เธอทอดทิ้งผม ก็เหมือนกัน  มนุษย์เราเมื่อต้องเลือกอะไรสักอย่าง ก็ต้องเลือกตัวเลือกที่ส่งผลเสียต่อตนเองน้อยที่สุดอยู่แล้วจริงมั้ย  ……ทำไมต้องมาพูดอะไรแบบนี้ด้วย ไม่เห็นมีประโยชน์เลย 「ไม่ใช่คนต่ำต้อยแล้วใช่มั้ยล่ะ นายในตอนนี้ มีพลังแล้ว」 「ได้ฟังเรื่องเวทมนตร์ สกิล มาแล้วงั้นเหรอ」 「จากอริสจังล่ะนะ เรื่องของห้องสีขาวก็ด้วย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ แต่บาดแผลของชั้นก็ได้อริสจังรักษาให้นี่นะ」  อย่างนี้นี่เอง เพราะได้เจอมากับตัวแล้ว จึงเชื่ออริสได้ในทันทีสินะ 「แล้ว ยังไงล่ะ นายจะไล่ชั้นออกไปจากที่นี่ ส่งตัวชั้นให้กับออร์คมั้ยล่ะ」 「ไม่ทำ แบบนั้นหรอก」 「รู้อยู่แล้ว ถ้านายโหดร้ายสักหน่อยล่ะก็ ชั้นคงพอจะเลิกตำหนิตัวเองได้บ้าง」  อ้า ผมเข้าใจดี  เธอเองก็เป็นทุกข์มาเหมือนกันงั้นเหรอ  กับตัวเองที่ไร้พลัง กับตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย 「ก็นะ ก็อย่างที่ว่ามา ถ้านายต้องการล่ะก็ ต่อยชั้นสักหมัดนึงแล้วยกโทษให้ได้มั้ย?」  เป็นพวกบ้าพลังยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้อีกแฮะ  ผมมีสีหน้าสับสน 「ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก」 「หืมー、ถ้างั้น ดีดหน้าผากเป็นไง」  ชิคิซังยิ้มอย่างซุกซน เปิดผมบริเวณหน้าผากออกแล้วยื่นเข้ามา  ไหล่ของเธอ สั่นอยู่  เห็นแค่นั้นก็รู้แล้ว เธอน่ะ กำลังฝืนตัวเองอยู่  ทั้งๆที่เจ็บปวด แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้เข้มแข็งร่าเริง  ผมยิ้มแห้งๆ ดีดหน้าผากเธอเบาๆ 「ไม่เจ็บหรอก แบบนี้น่ะ」 「ความทรงจำที่เจ็บปวดน่ะ มีเยอะแล้วใช่มั้ยล่ะ ผมเองก็ทำให้หลายคนต้องเจ็บปวดเหมือนกัน」 「……นั่นสินะ นายเอง ก็ฆ่าออร์คมาหลายตัวแล้วด้วย ขอบคุณที่เหนื่อยนะ」  ในความเป็นจริง คนที่ยืนอยู่หัวแถวคอยต่อสู้เรื่อยมาคืออริส น่าจะไปขอบคุณเธอซะมากกว่านา……  เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมัน ผมเองก็เหนื่อยมามากแล้ว  ในระหว่างที่ยังไม่รู้สึกง่วงนอน ลงมือทำสิ่งที่ต้องทำกันดีกว่า 「เดี๋ยวจะ ไปร่ายเวทAlarmหน่อยนะ」  จู่ๆผมก็ลุกขึ้นยืน ชิคิซัง「ฮิ๊」ร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ มองค้อนผม 「อ๊ะー、โทษที」 「……ขอโทษครับ」  ชิคิซัง ตัวหดลงขณะแหงนหน้ามองดูผม ยิ้มออกมาอย่างไม่พอใจนิดๆ 「ชั้นคิดว่า พยายามได้ดีแล้วแท้ๆนะ……」  ผมไมได้พูดอะไรกลับไป เดินออกมาจากที่ๆเธออยู่ เปิดประตูด้านหน้าออก         ※  ข้างนอกอาคารเรียนศิลปะ มืดสนิท  ก้าวขาออกไปข้างนอก ปิดประตูหน้า  พอแหงนหน้ามองดูบนฟ้า ก็พบกับดวงดาวเต็มท้องฟ้า  ก็แถวๆนี้ไม่มีแสงอะไรเลยสักอย่างนี่นะ ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะมั้ง  แต่จะว่าไป ไม่มีแม้กระทั่งแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์จอวโรงเรียนและหอพักที่มักจะส่องแสงอยู่เสมอนี่ แปลกๆเหมือนกันนะ  ท้องฟ้าที่อยู่ด้านบนนั้น ราวกับแม่น้ำของสวรรค์อันงดงาม……  ในจุดนั้นเอง ผมก็สังเกตเห็น  ความผิดปกติของท้องฟ้ายามค่ำคืนนั่น 「มีพระจันทร์ 2ดวง……」  พึมพำออกมาราวกับจะร้องครวญคราง 「ว่าแล้ว ที่นี่ ไม่ใช่โลกของพวกผมจริงด้วย」  ต่างโลก  หลักฐานน่ะ มีอยู่ในที่แห่งนี้นี่เอง  ถ้ามองดูดีๆ ตำแหน่งของดวงดาวก็ต่างกันด้วย  ถึงผมจะไม่มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์ เลยพูดอะไรมากไม่ได้ก็เถอะ……  แต่ว่า รูปร่างของดวงดาวที่เคยเห็นไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ  ผมเหม่อมองอยู่แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ  ตัวผมที่กำลังเหม่ออยู่ นึกถึงวัตถุประสงค์ที่ออกมาข้างนอกได้แล้ว 「จริงด้วย ถ้าไม่รีบกางข่ายเวทมนตร์ล่ะก็」  เวทมนตร์ซัพพอร์ทแรงค์2 มีเวทมนตร์ที่ชื่อAlert・Territoryอยู่  ไม่เหมือนกับเวทซัพพอร์ทอื่นๆ นี่เป็นเวทที่ใช้สำหรับติดตั้งที่สถานที่เฉพาะ เมื่อมีคนเดินผ่าน จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนมายังผมเพียงคนเดียว  ผมดึงสติกลับมา เอาของที่มีขนาดใหญ่กว่าเด็กเล็กน้อยออกมาติดตั้งไว้เป็นเส้นต่อกันรอบๆอาคารเรียนศิลปะ ติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัยน่ะ  ติดตั้งเวทเตือนภัยนี้เอาไว้เป็นแบบไลน์เชื่อมต่อกันรวบทั้ง4ด้านของอาคาร ด้วยความกว้างของอาคารเรียนศิลปะนี้ แค่ติดตั้งไว้รอบ4ทิศทางก็เพียงพอแล้ว  เวลาแสดงผลของเวทมนตร์นี้คือ30ชั่วโมง หรือไม่ก็ผมเป็นคนยกเลิก  ถ้าเอาแค่พรุ่งนี้เช้าล่ะก็ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร  สุดท้ายนี้ ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง 「ทำไมพวกผม ถึงต้องมายังโลกนี้กันนะ」  วันที่จะได้รับคำตอบนี้จะมาถึงรึเปล่า  ส่ายหัวบรึ๋ยๆ กลับเข้าไปในอาคารเรียนศิลปะ         ※  ที่ชั้น1 ถึงจะแค่1ในหมื่น แต่ก็มีความเสี่ยงจากการที่ออร์คจะบุกรุกเข้ามาอยู่  ดังนั้นพวกผมทุกคน จึงเลือกนอนพักที่ชั้น3  พวกผู้หยิงใช้ห้องญีปุ่นขนาดใหญ่ ส่วนผมเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นขนาดเล็ก  อริสคงไม่มาหาตอนกลางคืนสินะ ผมคาดหวังอยู่นิดๆ  ในระหว่างที่รออยู่ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ระหว่างที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ผมก็ม่อยหลับไป  บางทีอริสก็คงเหมือนกัน ตัวเธอที่สู้อยู่แถวหน้ามาโดยตลอด อาจจะเหนื่อยยิ่งกว่าผมอีกก็เป็นได้  ยาวนาน ยาวนานเหลือเกิน ในที่สุด1วันที่แสนยาวนานก็จบลง  และ……  วันที่2ที่ยาวนานซะยิ่งกว่าวันแรกก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้