Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 28 เผชิญหน้ากับชิคิ ยูคาริโกะ

ที่ล็อบบี้ของอาคารเรียนศิลปะ กลุ่มเด็กผู้หญิงกำลังเร่งรีบ  เรื่องที่กลุ่มผู้รอดชีวิตมารวมตัวกันที่อาคารเรียนศิลปะ ถุกพวกออร์คล่วงรู้แล้ว  ซึ่งมันจะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน  ผมน่ะ จะพูดกับพวกเธอยังไงดี?  จะวางแผนสำหรับการต่อสุ้หลังจากนี้ยังไงดี?  ไม่สิ ยังไงการตั้งหลักอยู่ที่นี่ก็คือวิธีที่ดีที่สุดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ  หรือว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องหลบหนีออกไปจากที่นี่ในทันทีงั้นเหรอ  สมมติว่าเลือกที่จะหลบหนี ไปกัยทุกคน?  เหล่าหญิงสาวที่พามาจากหอพักหญิง กว่าครึ่งยังไร้เรี่ยวแรงอยู่เลย  คนที่เหลือเอง จะให้ไปวิ่งก็คงไมไหว  ถ้างั้น ทอดทิ้งพวกเธอไปซะ แล้วคนที่เหลือล่ะ?  คนอื่นจะยอมรับได้หรือไม่เอาไว้ก่อน หลังจากนี้จะใช้ชีวิตกันยังไง  แย่งชิงที่ไหนสักที่คืนจากออร์ค แล้วใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์อันใหม่งั้นเหรอ  เพื่อไม่ให้พวกออร์คพบเห็น ค่อยๆเดินกันทีละนิด พร้อมกับSurvivalไปด้วยงั้นเหรอ  แบบนั้นแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ  จะสามารถมีชีวิตไปถึงพรุ่งนี้ มะรืนได้งั้นเหรอ?  แล้วถ้า กรณีทอดทิ้งคนอื่นๆไปล่ะ?  หลบหนีกันไปเฉพาะผม อริส ทามากิ และมิอะเท่านั้น?  แต่ว่า ถ้าถามว่าพวกอริสจะยอมรับได้รึเปล่าล่ะก็……  ผมเดินเข้าไปบริเวณประตูหน้าที่ผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมา พยายามใช้ความคิดสุดชีวิต  ทามากิ อริส มิอะ มองมาทางผมอย่างเป็นกังวล  ในขณะนั้นเอง ชิคิซังก็ยกมือขึ้น ดึงความสนใจของทุกคนไปจนหมด 「ก่อนอื่น ลงมือทำเรื่องที่สามารถทำได้ก่อนดีกว่า」  หญิงสาวทุกคนต่างลงมือเคลื่อนไหว ตามคำแนะนำของเธอ  สำหรับคนที่ยังอ่อนแรง ดูไม่มีชีวิตชีวา ก็ให้ไปนอนพักบนเตียงที่ชั้น3ก่อน  ส่วนพวกเด็กสาวที่เดินมาจากหอพักหญิง ก็นำทางไปห้องอาบน้ำให้  ในระหว่างนั้น ผมได้เพียงเหม่อมองชิคิซังออกคำสั่งให้แก่พวกสาวๆมัธยมต้น  รู้อยู่แล้วล่ะ  เธอน่ะ มีความคล่องแคล่วในเรื่องแบบนี้มากกว่าผมมาโดยตลอด  ในฐานะของกุนซือขณะต่อสู้นั้นเป็นยังไงไม่รู้หรอก แต่เธอน่ะมีความสามารถในฐานะลีดเดอร์แน่นอน  ชิคิวังคนนั้นกับผมน่ะ ไม่ลงรอยกัน  สิ่งที่เป็นปัจจัยของความไม่สบายใจที่กลุ่มนี้ก็คือ เรื่องนั้นนั่นเอง  บางที ตอนนี้คนที่รู้สึกตัวแล้ว ก็คงจะเป็นอริสที่รู้เรื่องราวทุกอย่างคนเดียวล่ะมั้ง  แต่ไม่ว่าจะเร็วหรือจะช้า ยังไงทุกคนก็ต้องรู้อยู่ดี  กับเรื่องที่ผมมันเป็นคนใจแคบ  กับเรื่องที่ชิคิซังยอดเยี่ยมแค่ไหน  เมื่อตอนนั้นมาถึง ทุกคนก็คง……  ไม่สิ ผมมีพลังในการต่อสู้อยู่นะ  อริสกับทามากิ ยอมทำตามคำสั่งของผม  เด็กคนอื่นเองก็ ไม่มีทางหยิบอาวุธขึ้นมาต่อต้านผมอยู่แล้วจริงมั้ย  เพราะงั้น แล้วไงล่ะ?  ปล่อยไว้แบบนี้ แล้วจะทำให้พวกผมเอาชนะออร์คได้งั้นเหรอ?  ผมกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดเกือบจะไหลออกมา  น่ารังเกียจ  ความอ่อนแอในจิตใจ ความหัวรั้นของตนเอง และความขี้ขลาดนี้  ตัดสินใจแล้ว  ผมเงยหน้าขึ้น มองไปยังพวกอริส 「ขอแยกปาร์ตี้ชั่วคราวนะ」  ผมส่งรอยยิ้มให้พวกเธอเพื่อให้พวกเธอสบายใจ ออกไปข้างนอกครั้งหนึ่ง ปล่อยอีกาออกไปสำรวจ  หลังจากนั้น  เดินไปหาชิคิซังที่กำลังทำหน้าที่สั่งการที่ล็อบบี้ จับแขนของเธอ 「ฮิ๊ เดี๋ยวสิ จะทำอะไร」  สีหน้าของชิคิซังเปลี่ยนเป็นขาวซีด มองมาทางผมด้วยความกังวล  อ๊ะ ซวยแล้ว  เธอกลัวผู้ชายมาสัมผัสตัวล่ะ  ผมรีบขอโทษเธอ แล้วตัดเข้าสู่ประเด็นหลักทันที 「เข้าร่วมปาร์ตี้กับผมที」 「ก็บอกว่า จะทำอะไรไง……」 「ผมน่ะ อีก1ตัว ฆ่าออร์คอีก1ตัวก็จะเลเวลอัพแล้ว อยากจะคุยกับเธอที่ห้องสีขาว」(ไอ้นี่มันร้าย หึหึหึ //doctornopแสยะยิ้ม)  ชิคิซังมีสีหน้าลังเลมองผม 「แค่2คน?」 「อ้า」  ชิคิซังอ่านสีหน้าผมแล้วตีความไปแบบไหนกันล่ะเนี่ย 「เข้าใจแล้ว จะไปด้วยก็ได้」  เธอพยักหน้าอย่างลังเล  พอดีกับที่ผมได้รับรายงานขากอีกาที่กลับมา 「ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีออร์ค1ตัวอยู่ในป่า เราจะไปจัดการเจ้านั่นกัน」 「จะออกไปข้างนอกนานๆไม่ได้ด้วยสิ รีบไปกันเลยดีกว่า」  ผมกับชิคิซัง วิ่งเข้าไปในป่าด้วยกัน  ประมาณ5นาที ก็พบกับออร์คที่เดินวนเวียนอยู่ในป่า  ออร์คตัวนั้น ถือหอกไว้ในมือ  ผมออกคำสั่งให้หมาป่าขนเทาออกไปโจมตี  อสูรรับใช้หมาป่า โผเข้าไปหาออร์ค  ออร์คใช้หอกในมือแทงออกมาสกัดกั้น 「จัดการให้จบๆไปเลยดีกว่าเนอะ」  ได้ยินเสียงของชิคิซัง  พอกวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นร่องรอยของเธอเลยไม่ว่าทีไหนก็ตาม  เข้าสู่การเคลื่อนไหวของสปายด้วยสกิลสอดแนมแล้วนั่นเอง  หัวใจเต้นแรง  หรือว่า เธอจะเอาชีวิตของผม……  ส่ายหัว  ไม่มีทางหรอก  พอได้แล้ว คายะ คาซึฮิสะ  ตัวเธอในตอนนี้ ฆ่าผมไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลยสักอย่าง  อย่างที่คิดไว้ ชิคิซังเข้าไปหลบอยู่ในมุมอับของต้นไม้ ที่อยู่ใกล้ๆกับจุดที่หมาป่ากับออร์คกำลังต่อสู้กันอยู่ เธอซัดมีดสั้นออกไปหาออร์ค  มีดสั้นนั้น พุ่งเข้าไปที่หลังของออร์คลึกมาก  ออร์คหันกลังกลับมาด้วยความโกรธปนตกใจ  ในมุมมองของหมาป่า ออร์คในตอนนี้การ์ดเปิดโล่ง  ไม่รอช้า หมาป่าพุ่งเข้าไปหาออร์ค  กระแทกเข้าไปสุดแรง  หมาป่าสีเทา ขย้ำเข้าไปที่ลำคอของออร์ค  ผมเลเวลอัพ  ผมกับชิคิซัง วาร์ปไปห้องสีขาวด้วยกัน  ที่นั่น พวกเราสองคน ประจันหน้ากัน 「มีเรื่องจะคุยด้วย」  ผมพูดออกไป         ※  ที่ห้องสีขาว ผมเปชิญหน้ากับชิคิซัง 「มี2เรื่อง เกี่ยวกับแผนการหลังจากนี้แล้วก็ ……」  พูดค้างไว้ มองเข้าไปในดวงตาของเธอตรงๆ 「เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับเธอ」 「เข้าใจแล้ว」  ชิคิซังยกแขนขึ้นมากอดอก พยักหน้า  คิดว่าชิคิซังน่ะ คงจะรู้เหตุผลที่ผมพาเธอมาที่ห้องนี้อยู่แล้ว  บางที อาจจะรู้ถึงความใจแคบและขี้ขลาดของผมก็เป็นได้ 「แล้ว ที่พาชั้นมาที่นี่น่ะ เพื่อที่จะรังแกชั้นอย่างเต็มที่งั้นเหรอ? เหมือนกับที่ทำกับอริสจังน่ะ」 「หยอกล้อผมนี่มันสนุกมากเลยรึไง」 「อื้ม แน่นอนสิ」  ชิคิซังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน 「ขอโทษด้วยนะ ชั้นน่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งล่ะก็ไม่เอาด้วยหรอก ถ้าเกิดไม่พอใจอะไรขึ้นมา จะทุบตีชั้นเท่าที่ต้องการก็ได้ไม่ว่าอยู่แล้ว」 「เป็นพวกมาโซรึไง」  ชิคิซังห่อไหล่ลงไปเล็กน้อย 「เชื่ออยู่แล้วไงล่ะ ว่านายไม่มีทางทำเรื่องที่จะส่งผลให้อริสจังเกลียดแน่ๆอยู่แล้ว」 「เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจจริงๆนะ เธอเนี่ย!」  เล่นกันอยู่ชัดๆเลย  หลังจกาพูดเล่นกับผมอยู่นาน ในที่สุดชิคิซังก็「เอาล่ะ」เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง 「ขอพูดในเรื่องที่นายยังลังเลก่อนเลยนะ ชั้นน่ะ ถูกนายช่วยชีวิตเอาไว้ ถูกช่วยออกมาจากขุมนรก ในตอนนั้นชั้นคิดอยากจะตาย จากก้นบึ้งของหัวใจเลยแต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ชั้นสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ เพื่อการนั้น พลังของนายคือสิ่งที่จำเป็นอย่างที่สุด เพราะงั้นชั้นถึงได้ชักจูงความคิดของพวกมัธยมต้นหญิงทั้งหลาย ให้นับถือในตัวนาย」  อะไรล่ะนั่น น่ากลัว  ชักจูงความคิด?  เดี๋ยวสิ ผู้หญิงคนนี้ พูดอะไรออกมาเนี่ย 「งงเลย?」  ชิคิซังหัวเราะ ฟุฟุ 「ไม่ได้ทำอะไรที่มันยากเกินไปหรอก สำหรับเด็กพวกนั้นน่ะ วีรบุรุษที่จะคอยเป็นที่พึ่งทางใจคือสิ่งที่จำเป็น ชั้นแค่เล่าผลงานของนายที่ทำให้อริสจังถึงกลับมามีประกายในดวงตาอีกครั้ง แล้วทุกคนก็คล้อยตามเท่านั้นเอง หากนายยินดีล่ะก็ หลังจากนี้ชั้นก็พร้อมจะพูดชมนายต่อหน้าทุกคนไปเรื่อยๆ」 「อย่าให้มันมากเกินไปก็แล้วกัน ไหว้ล่ะ」  สีหน้าของผมคงจะกลายเป็นแบบทุกข์ทรมานมากล่ะมั้ง  ชิคิซังยกมือขึ้นมาป้องปาก หัวเราะ คุคุคุ 「ล้อกันเล่นอยู่รึไง」 「อย่าบอกนะว่า เห็นว่าชั้นหัวเราะ แล้วรู้สึกราวกับตัวเองโดนดูถูกน่ะ」 「นี่ผมถูกประเมินไว้ต่ำขนาดนั้นเลย?」  ชิคิซัง ชี้นิ้วมาทางผม หืม พึมพำแหงนหน้ามองเพดาน 「ว่าไงดีล่ะ การที่นายสามารถทำหน้าที่ในฐานะลีดเดอร์มาได้ถึงขนาดนี้ เกินคาดเลยล่ะ」 「ผมน่ะ ไม่ได้เหมาะกับการเป็นลีดเดอร์เลยสักนิด」 「เมื่อวานนับตั้งแต่ออกเดินทางไปประมาณ2ชั่วโมง ก็ทำให้อริสจังเยอมรับจากใจจริงได้เลยใช่มั้ยล่ะ วันนี้ก็ ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ทำให้ทามากิจังกับมิอะจังเชื่อใจได้แล้ว」 「สำหรับอริสน่ะ จะว่าโชคชะตา หรือว่าบังเอิญดี พูดยากเหมือนกัน……ส่วนทามากิกับมิอะน่ะ ก็เป็นเพราะมีอริสอยู่ด้วย แล้วก็ สิ่งสำคัญสำหรับพวกเธอน่ะก็คือผู้ชายที่มีอายุมากกว่า มันก็แค่นั้นเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นผมซะด้วยซ้ำไป」 「จะใช่เหรอ」  ชิคิซังไหล่ตกลงเล็กน้อย 「ยังไงๆ การต่อสู้จนถึงเดี๋ยวนี้ก็เอาชนะผ่านมาได้ทั้งหมด ชั้นคิดว่ามันยอดเยี่ยมมากเลยนา」 「เรื่องนั้นน่ะนะ ก็แค่โชคดีเท่านั้นล่ะ」  ในความเป็นจริง มีการต่อสู้ที่น่าจะแพ้ไปแล้วหากสู้ด้วยความสัมพันธ์อย่างการบังเอิญอยู่หลายครั้ง  การต่อสู้ที่หอพักหญิงเมื่อกี้เองก็ด้วย หากจังหวะที่เลเวลอัพไม่พอเหมาะพอเจาะล่ะก็ คงไม่สามารถลุกขึ้นยืนอีกครั้งได้แน่  ในกรณีนั้น ทุกคนจะโดนElite・Orcฆ่าทิ้งเหรอ หรือมิอะจะใช้เวทSmokeช่วยในการหลบหนี 「กระบวนการน่ะช่างมันไปก่อน สิ่งสำคัญก็คือผลลัพธ์ต่างหาก นายน่ะชนะมาอย่างต่อเนื่อง และทุกคน ก็รับรู้ในเรื่องนั้นเป็นอย่างดี」 「เพราะงั้น ก็เลยอยากจะชื่นชมผม?」 「มันจำเป็นสำหรับการทำให้ทุกคนเกาะกลุ่มกันไงล่ะ ดังนั้นนายเอง ก็ห้ามแสดงท่าทีอ่อนแอออกมาต่อหน้าทุกคนโดยเด็ดขาดนะ ไอ้แบบนั้นน่ะ มาแสดงออกกับชั้นหรืออริสจังก็ได้ ชั้นพูดเรื่องนี้กับอริสจังไปเรียบร้อยแล้วด้วย」 「พูดไปแล้ว เหรอ……」 「เพื่อให้ทุกคนเคารพนาย ความร่วมมือจากเธอคือสิ่งจำเป็นอย่างที่สุด ขอโทษนะ ที่ใช้งานแฟนของนายไป」  ทำอะไรผลีผลามแบบนั้น ผมคิดในใจ  ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็  ไม่ต้องกังวลว่าชิคิ ยูคาริโกะจะแฉเรื่องความน่าสมเพชของผมที่ชั้นมัธยมปลายแล้วสินะ 「พูดอะไรกับอริสไป」 「ถ้าเพื่อนายแล้วล่ะก็ เรื่องเล็กน้อยขอให้อดทนปล่อยผ่านไปนะ แค่นั้นแหละ ดีจังเลยนะ ได้รับคำอนุญาตให้มีฮาเร็มได้แล้ว」  ผมนี่อึ้งไปเลยครับ นึกย้อนไปถึงเรื่องที่อริสเคยพูดออกมาก่อนหน้านี้  หากทามากิต้องการล่ะก็ ช่วยโอบกอดเธอไว้ได้มั้ย  นั่นมัน เป้นเพราะชิคิซังชี้นำงั้นเหรอ?  ยังไง ลองยืนยันกับเธอดูดีกว่า  พอผมตัดสินใจที่จะถาม ชิคิซังกลับมีสีหน้าตกใจ 「ไม่ได้หมายความถึงขั้นนั้นนะยะ」 「……ขั้นนั้นน่ะ มันคืออะไรล่ะ」 「ที่ชั้นมัธยมต้นนี่ เหมือนจะมีสัญญาการแชร์แฟนหนุ่มอยู่ด้วยสิ ……?」  ชิคิซังกอดอก ใช้ความคิด  ผมจ้องเธอ 「เรื่องแบบนั้น ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย」 「นายน่ะ มีเพื่อนที่จะพูดคุยเรื่องแบบนี้ด้วยอยู่รึไง?」  Knock Downด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวครับ นับ10ก็ไม่ลุกแล้วแบบนี้  ผมละสายตาไปจากเธอ เดินไปหาNotebookของตัวเอง  หย่อนก้นลงที่เก้าอี้หน้าNotebook ถอนหายใจออกมา  ชิคิซังรีบวิ่งตามมา โค้งตัวลงประหลกๆ 「ขอโทษ ขอโทษจริงๆน๊า ติดลมไปหน่อยอ่า ชั้นผิดเองแหละ」 「เมื่อกี้โหดร้ายมากเลยนะ!」  ผมแหงนหน้าขึ้น มองเธอ  ดวงตาของผมมีน้ำตาไหลออกมาแล้วมั้ง 「อื้ม ขอโทษ จะกี่ครั้งก็จะขอโทษนะ ให้ทำอะไรก็ได้ ขอร้องล่ะ ดีกันนะ!」  ชิคิซังโค้งเอวลง ประสานมือในท่าไหว้ ง้อผม  อ๋า โธ่ เหมือนจะไม่ได้คิดร้ายจริงๆด้วยสิ……  เป็นพวกปากร้ายตามธรรมชาติงั้นเหรอ 「ชิคิซังเป็นพวกขี้แกล้งมากกว่าที่คิดเอาไว้เนี่ย ตกใจมากเลยนะ」 「ค่ะ ชั้นเป็นผู้หญิงนิสัยไม่ดีที่ชอบแกล้งคนอื่นค่ะ เป็นหญิงร่านที่มีค่าน้อยกว่าแมลงค่ะ」 「ไม่ได้พูดขนาดนั้นนะเฮ้ยยย!」  อ๋า โธ่ ยัยนี่นิ  พอดูดีแล้ว ชิคิซังหลบตาสีน้ำตาลของเธอลงข้างหนึ่งนี่  หนะ น่าตีจริงๆ……  ไม่สิ อืม ไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนที่มีแต่ความเกลียดชังหรอกนะ  รู้อยู่แล้วล่ะ  ความรู้สึกนี้ ลืมไปนานแล้ว  ผมยิ้มแห้งๆ ทำไมกันนะ รู้สึกมีความสุขขึ้นมานิดๆ  อ้า จะว่าไป ทั้งอริส ทั้งทามากิ ทั้งมิอะ ต่างก็เป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้น  สำหรับพวกเธอแล้ว ผมเป็นผู้ชายที่มีอายุมากกว่า เป็นเซมไปล่ะ  การที่ได้มาพูดคุยอะไรนานๆกับคนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันนี่ ครั้งล่าสุดมันเมื่อไหร่กันนะ  ผมลุกขึ้น ไม่ต้องไปใส่ใจแล้วล่ะ 「ขอกลับมาคุยเรื่องเดิมหน่อย เรื่องนั้นล่ะนะ ผมสามารถใช้งานเธอได้เต็มที่เท่าที่ต้องการเลยใช่มั้ย」 「ใช่แล้ว จะใช้งานอย่างรุนแรงจนเหนื่อยล้าร่างกายอ่อนปวกเปียกเลยก็ได้ไม่ว่ากัน ทั้งหัวใจและร่างกายเลยนะ……ไม่ใช่ในความหมายลามกนะยะ?」 「รู้แล้วน่า」 「อ๊ะ แต่ว่า ถ้าเข้ามารุกรานชั้นในความหมายลามกๆล่ะก็ จะเงียบไว้ให้ก็ได้นะ ชั้นอ่อนแอกว่าด้วยสิ จะยอมนอนร้องไห้คนเดียวให้ก็แล้วกัน」 「บอกแล้วไงว่าไม่ทำน่ะ」  「รู้แล้วๆ」ชิคิซังหัวเราะ 「อริสจัง เป็นคนที่น่ารักเนอะ」 「โอ้ เป็นคนจริงจังด้วยสิ ซื่อตรงด้วย ไม่เอาข้อด้อยของคนอื่นมาล้อเลียนด้วยล่ะนะ」  ครั้งนี้ เป็นฝ่ายชิคิซังบ้างที่ต้องอึ้ง 「ทะ ทำได้ไม่เลวนี่……」  โย้ช ได้คืนมาแล้ว1ดอก  ผมโพสท์ท่าสะใจในใจ 「แล้วก็นะ เราจะเลิกเล่นกันแล้วไม่ใช่รึไง」 「ให้ตายสิ……เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว งานด้านธุรการกับงานทำให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้านายโอเคล่ะก็ชั้นจะรับหน้าที่นี้เอง ขอโทษทีนะ ที่เมื่อกี้ทำอะไรที่เหมือนกับลองใจนายไป」 「ผมจะจัดการสะสางหัวใจของตัวเองอยู่แล้วล่ะ รอหน่อยแล้วกัน」  ชิคิซังนิ่งเงียบ ยิ้มแห้งๆ  ก็นะ ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว  ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็เข้าใจอยู่  การที่เธอมอบอำนาจทุกอย่างให้ผมน่ะ ไม่ใช่เพราะเธอเกรงใจผม หรือคาดหวังในความสามารถของผมหรอก  เธอน่ะ กำลังเล่นพนันอยู่  ผมรู้ขีดจำกัดของตัวเองดี รู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้คงต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อตอบรับความคาดหวังของเธอ  เป็นวิธีการที่สกปรก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ  ทั้งๆที่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและวันนี้น่าจะทำให้สภาพจิตใจถึงขีดสุดแล้ว แต่เธอก็ยังอดทนมองไปข้างหน้าและตัดสินใจที่จะต่อสู้  แม้จะต้องแปดเปื้อนน้ำโคลนก็จะมีชีวิตต่อไป  เชื่อมั่นว่ามีวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทุกคนสามารถมีชีวิตต่อไปได้ เพราะฉะนั้นจึงคิดจะใช้งานผม  ความกล้าหาญราววีรสตรีนั้น พลังที่พร้อมจะลุกขึ้นเสมอไม่ว่าจะต้องล้มไปสักกี่ครั้งนั่น สำหรับตัวผมที่คิดแต่จะหนีเมื่อเจอกับเรื่องที่ไม่ชอบแล้ว ช่างเจิดจ้าเหลือเกิน  บางที การตอบโต้กันของพวกผมเมื่อกี้ อาจจะเป็นความต้องการของเธอที่อยากจะทำลายความตึงเครียดไปก็เป็นได้  หยอกล้อเล่นกัน เปิดใจให้กันและกัน จนสามารถพูดคุยกันได้อย่างปกติ คงประมาณนั้นล่ะมั้ง  ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่า ผมทำได้เพียงเต้นรำอยู่บนฝ่ามือของเธอ อย่างนั้นเหรอ……  แบบนั้นก็ ดีแล้วไม่ใช่รึไง  เธอยอมพูดสิ่งที่คิดไว้ในใจจริงๆออกมาให้  อย่างน้อยที่สุด ก็ยอมเปิดใจของตัวเองออกเพื่อให้ผมเชื่อใจเธอ 「ฝากด้วยก็แล้วกัน」 「ได้สิ」  ผมยื่นมือออกไป  จับมือในท่าเช็คแฮนด์กับชิคิซัง

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้