Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 29 หอสั่งการคู่

ผมกับชิคิซัง จับมือปรองดองกันที่ห้องสีขาว 「ผมเชื่อเธอ ทีมของพวกผมน่ะ จำเป็นต้องมีคนที่มีความเป็นผู้นำแบบเธอ อยากให้ทำงานอย่างแข็งขัน ทำให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน」 「รู้แล้วล่ะ จะทำงานอย่างหนักจนกว่าร่างกายนี้จะทนไม่ไหวให้ดู องค์กรที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือนายในยามจำเป็นไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม องค์กรที่สามารถจัดการกับเรื่องราวยุ่งยากที่นายเข้าไปพัวพันด้วย และองค์กรที่มีเพื่อให้พวกเราทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันมีชีวิตต่อไปได้ ชั้นจะสร้างขึ้นมาให้ได้เลยคอยดูสิ」  นอกจากนั้น ชิคิซังยังคงพูดต่อ 「ไม่ว่าเส้นทางหลังจากนี้มีอะไรรออยู่ก็ตาม มาค้นหาพลังที่จะช่วยให้สามารถข้ามผ่านมันไปได้กันนะ」  เรา2คน เข้าใจกันดีอยู่แล้ว  เข้าใจอยู่แล้วว่าจะต้องเคลื่อนไหวตามการสมมติล่วงหน้า  บางที เส้นทางหลังจากนี้ พวกผมคงไม่ได้รับความช่วยเหลือไม่ว่าจากใครก็ตามแต่  ถ้าพวกคุณครูของชั้นมัธยมต้นยังปลอดภัยดีอยู่ล่ะก็ คงจะมีการติดต่อมาแล้วใช่มั้ยล่ะ  ดีไม่ดี ทางระดับมัธยมปลายก็อาจจะโดนถล่มย่อยยับไปแล้ว  หรือไม่ก็ไม่สามารถรวมกลุ่มกันแบบพวกผมได้ ความเป็นไปได้ที่ทะเลาะกันเอง หรือหมดหนทางจะทำอะไรต่อก็มีเหมือนกัน  พวกผมน่ะ มีชิคิซังอยู่  เธอยอมถอยให้ผม ผลักดันผมขึ้นมา แล้วคอยชักนำทุกคนให้มารวมกัน เป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์จริงๆ  ทางมัธยมปลายเองก็มีนักเรียนหรือครูที่เหมือนกับชิคิซังรอดชีวิตอยู่น่ะเหรอ ฟันธงไม่ได้หรอก  เฉพาะคนที่มีเลเวล1เท่านั้น ที่สามารถมีชีวิตต่อไปในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายแบบนี้  เฉพาะคนที่สามารถสร้างกลุ่มขึ้นมาจากการดึงคนอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยเท่านั้น ที่สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้อย่างวางใจ  และ เลเวล1ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้น ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คงจะมีเฉพาะสมาชิกที่อยู่ที่อาคารเรียนศิลปะนี้เท่านั้นล่ะมั้ง  หากไม่สามารถทำให้ผู้คนที่มีเลเวล1ขึ้นมารวมกลุ่มเป็นองค์กร และเคลื่อนไหวด้วยความคิดเดียวกันได้ล่ะก็ พวกผมน่ะ ไม่ช้าก็เร็ว คงจะโดนถล่มจนย่อยยับไม่ผิดแน่  ไม่สิ ผมหรืออริส ถ้าคนเดียวหรือไม่ก็ด้วยกันทั้ง2คน อาจจะพอหลบหนีต่อไปได้ก็เป็นได้  หากเลเวลของผมอัพไปถึง50ล่ะก็ อาจจะสามารถใช้อสูรรับใช้ต่อกรกับออร์คได้แบบสบายๆก็เป็นได้  แต่ว่า คิดว่า แค่นั้นคงจะไม่พอ  แค่คาดเดา น่ะนะ  ออร์คน่ะ คงจะเป็นแค่พลทหารเท่านั้นแหละ  ทำไมถึงมีห้องสีขาว ทำไมต้องให้ภูเขาทั้งลูกมาที่ต่างโลกด้วย  ยิ่งในจุดที่หมูหน้าโง่พวกนั้น ปรากฏตัวออกมาที่โรงเรียนในทันทีที่ถูกเคลื่อนย้ายนี่แหละ ที่น่าสงสัยที่สุด  เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้น่ะ ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาเลย ยังมีสิ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้อยู่แน่ๆ  ตอนนี้น่ะแค่ลองเชิงกันเท่านั้น  เป็นเพียงช่วงเวลาสำหรับเตรียมการ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติของจริงที่จะมาถึงในไม่ช้า  คำพูดของชิคิซัง คือสิ่งที่คิดขึ้นมาจากข้อสมมติฐานนี้  องค์กรเพื่ออนาคต  องค์กรที่ประกอบขึ้นมาด้วยคนหลายคนที่จะช่วยแบ็คอัพแนวหน้าที่มีจำนวนน้อยนิดอย่างพวกผม  ชิคิซังน่ะ ประกาศออกมาว่าจะเป็นคนสร้างกลุ่มสนับสนุนขึ้นมา พร้อมทั้งทำเรื่องสกปรกทุกอย่าง จัดการเรื่องยุ่งยากทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว  ทำไมเธอถึงไม่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หรือไม่ก็ช่วงเช้าวันนี้ล่ะ  เพราะผมยังไม่เชื่อใจเธอยังไงล่ะ  เธอเป็นคนฉลาด  หัวดีมาก ในระดับที่น่ารังเกียจเลยทีเดียว  ในหัวของเธอ ได้วาดภาพขององค์กรเอาไว้แต่แรกแล้ว เธอคอยวางเบี้ยทีละตัวๆ เติมเต็มเข้าไปในภาพนั้นอย่างช้าๆ คอยเฝ้ามองปัจจุบันและอนาคตอยู่เสมอ  พูดตามตรง ผมคิดว่าผมเกลียดเธอ  รู้สึกอิจฉา  แต่ว่า ชิคิ ยูคาริโกะคนนั้น เป็นคนที่จำเป็นสำหรับพวกผมในตอนนี้  เพราะเธอสามารถทำเรื่องที่ผมไม่สามารถทำได้ได้ยังไงล่ะ  ความใจกว้างพร้อมเปิดรับคนอื่นๆ  สิ่งที่ผเธอเรียกร้องผมอยู่ก็คือ สิ่งนี้นี่เอง  ย่อมได้  ผมจะเป็นอย่างที่เธอต้องการให้ดูเอง  ผมมีสิ่งที่อยากจะปกป้องเอาไว้ให้ได้อยู่  อริส  ถ้าเพื่อปกป้องเธอแล้วล่ะก็ จะลำบากแค่ไหนผมก็จะเปลี่ยนให้ดูเอง  ต่อให้ต้องเป็นปีศาจ ก็จะคว้ามาให้ได้  แต่ถ้าเทียบกับปีศาจแล้ว ยอมทำตามความคิดของเธอดีกว่าเยอะเลยนะ 「ถ้างั้นก็ มาคุยแผนการต่อสู้กัน อีกครั้งแล้วกัน」 「อ้า แต่ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนนะว่าศัตรูจะบุกเข้ามาในจำนวนประมาณเท่าไหร่……」 「ประเมินว่ามีเยอะไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็ การวางตำแหน่งเพื่อนพ้องน่ะ ……」  ไม่รู้ชิคิซังไปเอามาจากไหนนะ เธอใช้ปากกาน้ำมันหมึกดำวาดแผนผังแบบง่ายๆของอาคารเรียนศิลปะลงบนพื้น 「อยากจะ ลองเล่นดูสักครั้งมานานแล้ว การวาดรูปบนพื้นน่ะ」  เธอดูดีใจมาก ขณะพูด  ส่วนเด็กเกเรแบบผมก็ได้แค่ยิ้ม 「ถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็ พอกลับมาอีกที ทั้งหมดก็ถูกรีเซ็ตไปแล้วล่ะนะ」 「ก็ อาจจะเป็นแบบนั้น……」  ที่ห้องนี้ไม่ว่าจะเขียนบันทึกหรือวาดอะไรไปมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาออกไปได้สักอย่าง  สิ่งที่เอาออกไปจากห้องแห่งนี้ได้ มีเพียงความทรงจำเท่านั้น  เพราะฉะนั้นพวกผม จึงต้องเค้นสมองอย่างเต็มที่ที่นี่  ถกกัน  พวกผมน่ะ ประชุมปรึกษากันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้สนใจเวลาเลย  ไม่นาน ก็ได้รู้  เรื่องนี้ทำให้ขนแทบลุกเลยทีเดียว เธอกับผมนั้น เข้ากันได้ดีมากๆ  ความคิดเพียงเล็กน้อยที่เธอเสนอมา ผมสามารถเอามาใช้ขยายผลในการวางแผนอย่างเป็นรูปธรรมได้  ส่วนช่องโหว่ของแผนการที่ผมคิดขึ้น เธอก็สามารถค้นพบ และอุดมันได้อย่างรวดเร็ว  ยิ่งพูดคุยกันมากเท่าไหร่ ลมหายใจของพวกเราก็ยิ่งประสานกันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น  ในตอนจบ เราสามารถคุยกันได้ด้วย โน่น นั่น ไหน ที่นั่น เท่านั้นเอง 「เรื่องแบบนี้นี่ ก็มีเหมือนกันเนอะ」  สำหรับชิคิซังแล้วมันแปลกมากเลยเหรอ ผมตกใจเลยทีเดียว  เธอมองหน้าของผม ยิ้มแห้งๆ  แล้วก็ มีอีกเรื่องหนึ่ง  เธอน่ะ เป็นเกมเมอร์ล่ะ  อาจจะพยายามปิดบังอยู่ก็เป็นได้ ……แต่ว่า คำพูดที่เธอสื่อออกมา ทำให้ผมรู้โดยไม่ตั้งใจ 「ชิคิซัง รู้เรื่องเกมละเอียดเหมือนกันนะ」 「ไม่หรอก」 「ถ้างั้นทำไม ถึงเรียกเวทซัพพอร์ทว่าบัฟล่ะ?」 「มะ ไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย」  ชิคิซังเขินจนหน้าแดง หลบหน้าไปทางอื่น  โอ้ย ยัยนี่ ถึงขั้นนี้แล้วจะปกปิดไปทำไมเล่า 「เอาล่ะ เอาล่ะ เปิดเผยเรื่องน่าอายในอดีตออกมาเดี๋ยวนี้เลย」 「ไม่ใช่แล้ว แค่เคยติดเกมMMOมานิดหน่อย จนไม่ได้ก้าวออกจากบ้านเลยครึ่งปี จากนั้นพ่อแม่ก็เลยจัดการส่งมาอยู่ในโรงเรียนกินนอนที่ไม่มีเน็ตให้ใช้เท่านั้นเอง……」  กับอดีตที่น่าเหลือเชื่อของชิคิซัง ทำให้ผมถึงดับงุนงงทำอะไรไม่ถูก  รองหัวหน้าห้องในอดีตเคยเป็นเด็กติดเกมเนี่ยนะ ทุกคนในห้องรู้กันบ้างมั้ยเนี่ย 「ตั้งแต่ที่มายังโรงเรียนนี้ ชั้นก็เปลี่ยนตัวเอง มุ่งมั่นอยู่กับการเรียนเพียงอย่างเดียวน่ะ ที่เข้าชมรมชงชา ก็เพื่อที่จะเอาไปคุยกับพ่อแม่ในภายหลัง……」 「เหมือนพยายามจะสร้างข้อแก้ตัวให้ตัวเองดูดีขึ้นมาเลยนะนั่น」  ที่นี่น่ะ ถ้าเป็นการสอบเข้าล่ะก็ เกณฑ์ค่อนข้างสูงเหมือนกันนะ แล้วคนที่ติดเกมมาถึงครึ่งปีไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างเธอยังอุตส่าห์ผ่านเข้ามาได้อีก  แค่นั้น ก็ยืนยันได้แล้วว่าผลการเรียนแต่เดิมแล้วอยู่ในระดับสูง  เพราะงั้นพ่อแม่เลยเป็นห่วงสินะ  แต่ว่า พอเป็นแบบนี้แล้ว…… 「มาที่ต่างโลกเนี่ย จะเน็ตเกมหรืออะไรก็ช่าง ไม่มีอยู่หรอก」 「มันก็ นะ」 「ที่สำคัญ วันนี้จะมีชีวิตรอดรึเปล่า 2ชั่วโมงหลังจากนี้จะมีชีวิตรอดรึเปล่ายังไม่รู้เลย อ๊ะ อย่าเข้าใจผิดนะ ที่มาบ่นๆแบบนี้น่ะ เพราะนอกจากที่นี่แล้วมันทำไม่ได้ ที่ด้านนอก ชั้นต้องทำตัวเป็นลีดเดอร์ที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม」  เพราะงั้นนายเอง ก็จงมีความมั่นใจให้มากกว่านี้ซะ  เธอพูดด้วยเสียงพึมพำ 「แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน เพราะแคร์สายตาของคนอื่นจนเข้าชมรมชงชา เลยทำให้ชั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ บางทีอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะ」  เจอเรื่องแบบนั้นมา ยังพูดได้อีกเหรอว่าเป็นเรื่องดี  พูดประโยคนี้ออกไปไม่ได้หรอก แต่ว่า  เธอคาดเดาออกอยู่แล้วล่ะ ถึงจอยู่ในท่ากอดอก แต่ก็ดูห่อเหี่ยวลงมาแล้ว 「ชั้น ไม่ได้คาดหวังให้ทางมัธยมปลายมีผู้รอดชีวิตหรอกนะ」 「งั้นเหรอ」 「ต่อให้มีผู้รอดชีวิต อัตราส่วนจาก10คนก็น่าจะน้อยกว่า1คนไม่ผิดแน่ แล้วในจำนวนนั้น มีกี่คนล่ะที่ตอนนี้ถูกออร์คจับกุมอยู่」  ก็นะ ถ้าคิดถึงความยากลำบากของการอัพเป็นเลเวล1ล่ะก็ คงจะเป็นแบบนั้น……  ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดแล้ว  อยากจะรีบ ส่งอีกาออกไปสำรวจอาคารเรียนมัธยมปลาย  ถึงแม้ในตอนนี้ จะไม่มีเวลาและวิธีการที่มากพอจะไปถึงตรงนั้นก็ตามที……  ว่าไปนั่น ถ้ามีเวลาว่างพอล่ะก็ อยากจะให้อีกาไปสำรวจอาคารของระดับมัธยมต้นแต่ละอาคารให้หมดก่อน 「จริงด้วยๆ」  ชิคิซังพูด 「ขอเรียกนายว่า คาซึคุง ได้รึเปล่านะ」  อยากจะให้ความสัมพันธ์ดูสนิทสนมกว่านี้ อย่างนั้นสินะ  ปัจจุบันนี้ ผมกับชิคิซังเป็นศูนย์กลางของเหล่าเด็กมัธยมต้น  หากลีดเดอร์ที่ถูกยอมรับทั้งสองคน เรียกชื่อกันอย่างสนิทสนมล่ะก็ พวกเธอทั้งหลายจะรู้สึกวางใจมากกว่านี้จริงมั้ย 「เข้าใจแล้ว ได้สิ แต่ว่า ผมจะเรียกเธอว่า ชิคิซัง เหมือนที่ผ่านมานะ」 「ไม่มีปัญหา พวกผู้หญิงในคลาสเอง ก็เรียกแบบนั้นด้วยสิ ที่สำคัญ『ยูคาริโกะ』ก็เรียกยากใช่มั้ยล่ะ」  จะว่าไป ผมรู้สึกว่าพวกผู้หญิงในคลาส ทุกคน จะเรียกเธอว่าชิคิซังเหมือนกันนะ 「อ้า ไม่ใช่ว่ารังเกียจชื่อของตัวเองรึอะไรทำนอนงนั้นหรอก ถึงจะรู้สึกว่ามันโบราณไปหน่อย แล้วก็ดูเชยก็เถอะ」  นั่นไม่ใช่การรังเกียจสินะ เหอะๆ  อยากจะพูดออกไปเหมือนกัน แต่เรื่องชื่อน่ะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน  เงียบเอาไว้ก่อนแล้วกัน 「อ๊ะ ถ้านายอยากจะเรียกล่ะก็ ยูคาริโกะ ยูคาริ ยูคาริน ได้หมดเลยนะ」 「ชิคิซัง ดีกว่าครับ」  ใช่มั้ยล่ะ ชิคิซังพูดพลางหัวเราะ 「ก็อย่างที่ว่ามา ฝากตัวด้วยนะ คาซึคุง」  ผมกับชิคิซัง ยื่นมือมาสัมผัสกันอีกครั้งหนึ่ง  ผมจับมือของเธอ 「อ๊ะ อยู่ที่นี่น่ะ ไม่ต้องฝืนทำตัวให้ดูอ่อนโยนก็ได้ ถ้าเป็นตอนที่อยู่ด้วยกันแค่2คนล่ะก็ จะเรียกว่าเครื่องระบายความใคร่ของออร์คที่น่าสงสารก็ได้นะ」 「พอได้แล้ว เลิกดูถูกตัวเองซะที」  ชิคิซังหัวเราะ แหะๆ แล้วแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน  ถึงความแข็งแกร่งของจิตใจที่สามารถทนรับการเคี่ยวกรำแบบนั้นได้ มันจะช่วยให้ดูน่าพึ่งพาก็เถอะ……  สุดท้ายนี้ ชิคิซังพูด 「ในการต่อสู้นี้ การสั่งการหน่วยอื่นนอกจากหน่วยของนาย ชั้นจะรับหน้าที่เอง ขออำนาจสั่งการทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในเอสปาร์ตี้ โอเคนะ」  ตกลงตามนั้น ผมพยักหน้า 「นายน่ะ คิดแค่เรื่องชีวิตของอริสจัง ทามากิจัง มิอะจังก็พอแล้ว」 「ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก……แต่ทำไมล่ะ มีอะไร」  ชิคิซังไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่สางผมเฉยๆ  พริบตาที่ได้มองเข้าไปในดวงตาอันเศร้าสร้อยของเธอ ผมก็เข้าใจเรื่องราวแล้ว 「เพื่อนพ้องตาย งั้นเหรอ? ความรู้สึกผิดแบบนั้นผมไม่สามารถแบกรับไว้ได้แน่ๆงั้นเหรอ?」 「ก็แค่ อาจจะเท่านั้นแหละ แต่ว่านะ ถึงจะแค่1ในหมื่น แต่ถ้านายถูกความละอายบดขยี้ล่ะก็ ชั้นจะลำบาก」 「อยากจะพูดว่า เธอจะเป็นคนแบกรับความผิดนั้นเอาไว้เอง อย่างนั้นรึไง」 「ชั้นจะต้านทานไว้ให้ดูเอง หากเทียบกับเรื่องที่ถูกออร์คข่มขืนแล้วล่ะก็ แค่การทอดทิ้งชีวิตเพื่อนพ้องน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย」  โกหก ผมจ้องมองเธอ  ด้วยใบหน้านั่น ด้วยดวงตานั่น ทำไมถึงต้องหลอกลวงผมด้วยล่ะ  แต่ว่าชิคิซังนั้น ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน 「บอกแล้วใช่มั้ยว่า 1ในหมื่น แค่คิดถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเท่านั้นเอง ชั้นกับนาย ฝ่ายไหนจะถูกบดขยี้ก่อนกันล่ะ ……หากคิดในส่วนของเด็กคนอื่นๆแล้วล่ะก็ เป็นชั้นจะดีกว่าใช่มั้ยล่ะ」  ผมไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้  เพราะแค่ลองคิดในมุมมองของคนอื่น ก็จะพบว่ามันคือความจริงทั้งหมดไงล่ะ

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้