Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 35 การจัดการหลังการต่อสู้

ตัวหัวหน้าอย่างElite・Orcถูกจัดการไป เหล่าออร์คลูกกระจ๊อกยิ่งหนีกระเจิงหนักกว่าเดิม  เหล่าหญิงสาวแห่งซับปาร์ตี้ ไล่ตามด้านหลังของออร์คที่เป็นศัตรูของเพื่อน จัดการพวกมันไปทีละตัวๆ  เป็นโอกาสให้เลเวลอัพพอดีด้วย ให้พยายามไปแต่อย่าไล่ตามลึกมากก็แล้วกัน  อริสกับทามากิ จัดการElite・Orcได้ตามแผนรึเปล่านะ  มีการซัพพอร์ทจากมิอะอยู่ก็น่าจะไม่เป็นไรหรอก……  ทันใดนั้น ทามากิกับอริสก็โผล่ออกมาจากในป่า 「ทางนี้จบแล้ว คาซึซัง หลังจากนี้พวกชั้น จะไปหาอริส……」  ทั้งสองคนเมื่อได้เห็นหน้าของผม ถึงกับพูดอะไรไม่ออก  อ้า ใบหน้าของผมมันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ  ไม่ไหวเลย  แบบนี้ก็หมดสิทธิ์เป็นผู้บัญชาการแล้ว 「เรื่องทางนี้ไว้ทีหลัง ทั้งสองคนไปสนับสนุนอริสก่อนเถอะ」 「อะ อื้ม เข้าใจแล้ว」  ทามากิและมิอะ หลังจากมองมาทางผมอีกครั้งด้วยสีหน้าเป็นห่วง ก็หันหลังวิ่งไป  โคดี ที่พวกเธอไม่ได้สังเกตเห็นสภาพถายในหลุมกับดัก  อืม ตอนนี้ไม่เห็นน่าจะดีกว่า  ความอาลัย ความขมขื่น เอาไว้หลังจบการต่อสู้แล้วก็ได้ 「คาซึคุง นายน่ะพักผ่อนซะ」 「ทำแบบนั้นได้ทีไหนล่ะ」 「เอาเถอะน่า」  ชิคิซังจ้องมาเคืองๆ  โธ่เว้ย ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ  ถอนหายใจ ไหล่ตก  ตอนนั้น เสียงเลเวลอัพก็ดังกังวานในหัว  งั้นเหรอ อริสทำได้สินะ  ที่ห้องสีขาว  พวกอริส มองมาทางผมด้วยใบหน้าเป็นกังวล 「คาซึซัง เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ」  อริสยิงคำถามมา  ผมเล่าเรื่องที่พวกพ้องตายไปให้พวกเธอฟัง  หญิงสาว3คน มองผม 「เหรอ……อาคาเนะจัง」  ทามากิพูด 「ชื่อว่า อาคาเนะ เหรอ」 「อืม ชิโมยามาดะ อาคาเนะ ชมรมทำอาหาร นั่งอยู่ข้างๆชั้นกับอริส ชอบทำข้าวกล่องมากินน่ะ บางทีก็บอกว่าเอามาให้แฟนด้วย เป็นคนที่ร่าเริงมากเลยทีเดียว……」  งั้นเหรอ ผมพยักหน้า  พอลองคิดดู ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเธอเลยนี่นา เพิ่งรู้สึกตัวก็ตอนนี้เอง。  เธอคิดยังไง ถึงได้เอาข้าวปั้นมาให้ผมนะ  เธอต้องเป็นกังวลแน่ๆ ว่าคนรักเป็นยังไงแล้ว  ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ก็กลับมีความหวังอย่างหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือพวกผมอาจจะสามารถช่วยเหลือคนรักของตัวเองได้ เป็นอย่างนั้นรึเปล่า  แต่ว่านะ  ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ให้ตัวเองมาเป็นโล่แล้วตายไปน่ะ ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ  ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะไม่ได้เจอคนรักอีกน่ะสิ  ผมทรุดลงไปกับพื้น  เรี่ยวแรงมันหดหายไปหมด  นั่งขัดสมาธิ ก้มหน้าลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่  อ๋า ทำอะไรลงไปเนี่ย บ้าเอ๊ย  มาแสดงท่าทางมืดมนต่อหน้าทั้ง3คนแบบนี้ แล้วจะทำยังไง  ผมต้องให้กำลังใจพวกเธอสิ  สัญญากับชิคิซังไปแล้วด้วย ว่าจะต้องเข้มแข็ง  ใช่ ชิคิซังพูดแล้ว ในตอนนั้น  ต่อให้เพื่อนพ้องต้องตายไป ทั้งหมดก็คือความรับผิดชอบของเธอเอง  ดังนั้น ผมน่ะเลิกโทษตัวเองได้แล้ว  ไม่ไหวหรอก ไม่ว่ายังไงก็อดคิดไม่ได้  คนที่ฆ่าเธอไปน่ะ คือผมเอง  กัดปากแน่น  กัดแรงจนเลือดแทบจะไหลออกมา  ได้รสชาติคาวๆ  คิดว่าถ้าร่างกายของตัวเองได้รับความเจ็บปวด น่าจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้บ้าง  กำหมัดแน่น  พูดอะไรออกไป ไอ้บ้าเอ๊ย  ทำอะไรลงไป ไอ้บ้าเอ๊ย  ผมถูกกอด  ไม่ใช่คนเดียว  3คน่ะ  จากหน้า ซ้าย ขวา ผมถูกกอด  ได้รับความอบอุ่นจากผิวกายของพวกเธอ3คน  ได้กลิ่นเหงื่อ  ได้รับรู้ลมหายใจ  ได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจ  พอเงยหน้าขึ้นมา ตรงกลางนั้นคือใบหน้าของอริส  ส่วนทางซ้ายและขวาคือทามากิกับมิอะ 「คาซึซังน่ะ ไม่ได้ตัวคนเดียวนะคะ」  อริสพูด 「ใช่แล้วล่ะ คาซึซัง ช่วยปลอบชั้นมาแล้วด้วยสิ เพราะงั้นครั้งนี้ ถึงคราวชั้นบ้างแล้ว」 「อืม」  สรหน้าของพวกเธอทุกคนล้วนแล้วแต่จริงจัง  แตก็ยังมีรอยยิ้มอันอบอุ่นให้ผมฉายออกมา 「เพื่อนพ้องน่ะ ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนาน หรือความทุกข์ ก็จะแบ่งปันให้กันและกันค่ะ」 「มิอะ……」 「มังงะอะไรสักเรื่องเขียนไว้」  ยัยนี่ เสียหมดเลย 「คาซึจิ ไม่จำเป็นต้องหล่อตลอดหรอก ผู้ชายน่ะ บางครั้งแสดงความอ่อนแอบ้างก็ดี」 「โอ้ย เธอนิ」  พอจ้องมิอะ หญิงสาวร่างเล็กที่มีสีหน้าจริงจังอยู่ก็「อืม」พนักหน้าอีกครั้ง……  แล้วเข้ามาจูบผม โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว 「อืม」 「……เอโต」 「เมื่อกี้ เป็นจูบปลอบใจสำหรับชายหนุ่มที่กำลังเป็นทุกข์」  มิอะนั้น ใบหน้ากลายเป็นสีชมพูระเรื่อๆ แต่ก็ยังมองผมตรงๆ  ดวงตาคู่นั้น จริงจังเป็นอย่างมาก  เธอเป็นห่วงผม อย่างจริงจังน่ะ  ชำเลืองมองไปทางอริส  อริสยกสองมือขึ้นมาประคองแก้มของผม จับเอาไว้  ขยับใบหน้าเข้ามา ประสานริมฝีปาก  จูบเพียง เสี้ยววินาทีเท่านั้น  อริสยิ้มหวาน 「โฮร่า ทามากิจังด้วย」 「เอ๊ะ แต่ว่า อริส」 「ตอนนี้ ทุกคนต้องช่วยกันฉุดคาซึซังที่กำลังซึมขึ้นมานะ」  มองไปทางทามากิ  ทามากิยกมือขึ้นมาลูบผมสีบรอนด์ของตัวเอง ก้มหน้าลงไปด้วยความเขินอาย จากนั้น เหมือนว่าเธอจะตัดสินใจได้แล้ว เงยหน้ามองมาทางผม สบตากันพอดี 「……แค่ปลอบใจ หรอกนะ」 「โอะ โอ้ว」  ทามากิ หอมเข้าไปที่แก้มของผม 「อ๊ะ เลียนแบบ」  มิอะยิ้ม แบบมีเลศนัยนะ  ใบหน้าของทามากิเปลี่ยนเป็นสีแดง「มะ ไม่ดีเหรอ! ปากน่ะของอริสเค้า!」ตะโกนออกมา  ท่าทางของเธอน่ารักมาก จนผมหลุดยิ้มออกมาเลย 「อ๊ะ ยิ้มแล้ว」 「อื้ม ยิ้มได้แล้ว ขอบคุณนะ」 「อืม」  ความตึงเครียดหายไป ความสดชื่นเข้ามาแทน  ความอบอุ่นที่ได้จากร่างกายของพวกเธอ ช่วยทำให้ผมสบายใจขึ้นมาจริงๆ  ผมยกมือลูบผมของมิอะและทามากิ  ทั้งคู่หรี่ตาลง ราวกับว่ารู้สึกดีมาก 「อริสก็ด้วย ขอบคุณนะ」 「ค่ะ……อาโน เอโต แต่ว่า」 「หืม?」  อริสเขินนิดๆ จากนั้นก็มองหน้าผมตรงๆ เปิดปากพูด 「คาซึวัง ชั้นน่ะ……การที่คาซึซังยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ ดีใจที่สุดเลยค่ะ」 「อ่า อื้ม」 「ห้ามตายนะคะ」 「นั่นน่ะ ผมเองก็ไม่ได้อยากตาย หรอกนะ」  คงเป็นห่วงที่ผมจิตตกสินะ  ไม่สิ รู้สึกว่าจะไม่ใช่แบบนั้น  ผมจ้องดวงตาสีออบซิเดียนของอริสกลับไป  ดวงตาของอริสสั่นไหว 「เรื่องนี้เท่านั้น ที่ขอให้จำไว้ให้ได้นะคะ ขอเพียงแค่คาซึซังยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่นั้นชั้นก็มีความสุขแล้วค่ะ」         ※  กลับมายังที่เดิม  การจัดการศัตรูที่หลงเหลืออยู่ฝากให้แป้นหน้าที่ของคนอื่น ส่วนผมมุ่งหน้าหาคนที่ปรากฏตัวอกอมาจากอาคารเรียนศิลปะ  เป็นหญิงสาวที่มีผมทรงโพนี่เทลน่ะ  อ้า จะว่าไปตอนอยู่ที่หอพักหญิง เธอก็เข้ามาคุยกับผมด้วยนี่นา ผมจำได้แล้ว 「ขอโทษค่ะ ชั้น เข้าไปรบกวนสินะคะ」  เธอก้มหัวลงไป  ไม่มีทีท่าว่าจะหวาดกลัว แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ว่าเธอมีความเข้มแข็ง  เธอเงยหน้าขึ้นมา 「อยากดูภาพตอนที่ออร์คถูกฆ่าค่ะ ชั้นอยากจะเห็นภาพของออร์คที่มาหยามย่ำยีตัวชั้น ถูกฆ่าตายด้วยตาคู่นี้」  เธอพูดออกมา เบาๆ  ส่วนที่มือนั้นกำหมัดแน่นจนสั่น 「เพราะคุณ ก็เลยได้เห็นอะไรดีๆ」 「งะ งั้นเหรอ」 「แต่ว่า มากกว่านี้ ชั้นอยากจะเห็นฉากที่ออร์คตายมากกวานี้」  เอพูดออกมาด้วยเสียงเรียบๆไม่ต่ำและไม่สูง  ดวงตาที่มืดมน ดวงตาที่ถูกความมืดอันล้ำลุกนั้นปกคลุมอยู่ มองมาทางผม 「ช่วยทำให้ชั้น เลเวลอัพด้วยค่ะ」  ก็นะ ไม่ต้องมาขอร้องก็ได้เรื่องนี้  ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ จะไล่จับออร์คที่กำลังจะหนีแต่หนีไม่พ้นน่ะง่ายจะตายไป 「นอกจากนี้ หากมีคนที่เหมือนกับเธอ อยากจะให้ผมช่วยเลยในตอนนี้ล่ะก็」  หญิงสาวโพนีเทลหันไปด้านหลัง กวัดมือเรียกกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูของอาคารเรียนศิลปะ  รวมเธอเข้าไปด้วยก็ ทั้งหมด4คน 「เข้าใจแล้ว หอกไม้ไผ่ เข้าใจใช่มั้ย ไปหยิบหอกไม้ไผ่ที่วางไว้ข้างๆประตูหน้านั่นมา แล้วก็ตามผมมาเลย ถ้าสามารถใช้หอกเหล็กได้ล่ะก็ จะเอาหอกเหล็กก็ได้ เอโต ถ้าเป็นไปได้มีอริสอยู่ด้วยก็จะดีกว่าอยู่หรอกนะ……」  ในจังหวะนั้นเอง ผมก็วาร์ปไปยังห้องสีขาว  คนที่เลเวลอัพก็คือ ทามากิกับมิอะน่ะ 「Good Timing!」  พวกอริสหันไปมองหน้ากัน เมื่อเห็นตัวผมที่ดูฮึดสู้สุดชีวิตไม่เหมือนกับเมื่อ2-3นาทีที่แล้ว 「อิย๊า เอโต อริส ทามากิ มิอะ มีเรื่องจะขอร้อง」  เพราะฉะนั้นผมก็เลยขอร้องพวกอริส ให้มาช่วยเหลือผมในการทำให้เหล่าหญิงสาวที่อาคารเรียนศิลปะเลเวลอัพ  แล้วก็ถือโอกาสนี้ ให้มิอะอัพเวทลมเป็นแรงค์2 「เพิ่มVariationช่วยให้รู้สึกดีกว่าโป้ย」  ผมเองก็เห็นด้วยกับความเห็นของเธอ  มิอะ:เลเวล7 เวทดิน4/เวทลม1→2  สกิลพอยท์3→1         ※  การอัพเลเวลให้เหล่าหญิงสาวกลุ่มใหม่ที่เพิ่งจะมายังอาคารเรียนศิลปะนั้น ง่ายกว่าที่คิดเอาไว้  ที่เหนืออื่นใด ความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อออร์คของพวกเธอนั้นสุดยอดมาก  ตอนที่ใช้หอกไม้ไผ่แทงพวกมัน ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่เสี้ยววินาที  ในจังหวะที่การต่อสู้นี้จบลง พวกเธอทุกคนก็เป็นเลเวล1กันหมด         ※  การต่อสู้จบลง  พวกออร์คหนีกระเจิงไปหมด บริเวณรอบๆอาคารเรียนศิลปะนี้ ไม่เหลือออร์คเลยแม้แต่ตัวเดียว  ไอ้พวกหัวรุนแรงแบบนั้น จะกลับไปรวบรวมพรรคพวกแล้วมาใหม่รึเปล่านะ  ต่อให้มาจริง วันนี้ก็คงไม่ไหวล่ะ  อยากจะคิดแบบนั้น  ชิคิซังคาดการณ์ไว้ว่า「คิดว่าคงไม่มีออร์คตัวไหนกลับไปรายานหรอก」 「ไปรายงานว่าตัวเองรบแพ้ไม่เป็นท่า คิดว่ามันจะได้มีชีวิตต่อไปมั้ยล่ะ ดังนั้นพวกมันก็จะทำเป็นไม่รู้เรื่องราว แล้วก็หนีไปที่ไหนสักที่ที่หัวหน้าพวกมันหาตัวไม่เจอไงล่ะ」  เท่าที่ดูจากกลุ่มที่มีElite・Orcเป็นตัวนำ สิ่งที่เธอพูดออกมาอาจจะถูกต้องก็ได้  อาจจะไม่ถึงกับถูกควบคุมแบบทหาร แต่การกระทำของพวกมันที่ผ่านมา ก็บ่งบอกว่าจะไปในทิศทางนั้น  ไม่ว่ายังไง หากศัตรูมาตอนนี้ก็ไม่สามารถสู้ได้อยู่แล้ว  ทุกคนเหนื่อยล้ากันหมด  ผมเองก็ล้าจนถึงขีดสุดแล้วเหมือนกัน  อยากจะล้มตัวลงไปนอนในตอนนี้เลย  แต่ว่า ก่อนที่จะทำแบบนั้น มีเรื่องที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ได้อยู่ 「จะสร้างหลุมฝังศพของชิโมยามาดะซัง」  ทุกคน บอกว่าจะช่วยด้วย  ผมปฏิเสธ 「หลังจากนี้ หากมีคนตายล่ะก็ อาจจะขอให้ช่วย แต่ขอแค่ตอนนี้เท่านั้น ขอให้ผมได้ทำคนเดียวเถอะ」  ชิคิซังมองมาทางผมราวกับอยากจะพูดอะไรออกมา หลังจากนั้น「เข้าใจแล้ว」แล้วเธอก็หันหลังเดินจากไป 「ทำจนกว่าจะพอใจเลย」  ผมอ้อมไปด้านหลังอาคารเรียนศิลปะ ลงมือสร้างหลุมฝังศพขึ้นมาด้วยตัวคนเดียวอย่างเงียบๆ  อริส ทามากิ มิอะ ช่วยแบกถังไม้ที่บรรจุชิ้นส่วนของเอมาให้ 「ชิคิซังบอกว่า ให้พวกเรา3คนมาช่วย」 「งั้นเหรอ」  ผมรู้สึกว่าผมรู้ความรู้สึกของเธอ  เธอตั้งใจจะให้ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเอสปาร์ตี้ของพวกผม เข้ามาช่วยตัวผมที่กำลังคิดมากใช่มั้ยล่ะ  แย่ที่สุด  ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกว่าเป็นการคำนวณที่หลักแหลมมาก  ถึงจะรู้สึกโกรธเธอ  แต่ความฉลาดของเธอเป็นสิ่งที่ควรให้ชื่นชม  ความรู้สึกขัดแย้งกันในใจนี้ แทบจะทำให้ผมครวญคราง  มือของตัวผมที่เป็นแบบนั้น ก็ได้พวกเธอทั้งสามเข้ามาประคอง 「ขอพูดอีกครั้งนะคะ คาซึซังน่ะ ไม่ได้ตัวคนเดียว」  อริสเป็นตัวแทนของทั้ง3คนนั้นพูดออกมา  น้ำตาซึมออกมาจากดวงตาของผม

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้