Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 37 สำรวจจากท้องฟ้า

ผมสะดุ้งสุดตัว เด้งขึ้นมาบนเตียง  อธิบายโดยสรุปย่อๆให้ชิคิซังที่เฝ้าดูผมมาตลอด 「เหรอ」  สีหน้าของชิคิซังดูปั้นยากขึ้นมาทันที  คงจะรู้สึกไม่สบายใจ ที่ได้รู้ว่ายังมีตัวตนที่อยู่ในระดับสูงกว่าElite・Orcอยู่ล่ะสินะ  แถมยังได้รับรู้ว่ายังมีตัวอันตรายอื่นนอกเหนือจากออร์คอยู่อีกด้วย 「แข็งแกร่งขนาดไหนกันล่ะ」 「หมายถึงตัวไหน」 「General」 「ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าจากความรู้สึกคุกคามที่ได้รับ……คิดว่าร้ายเกินกว่าที่จะเอาElite・Orcมาเทียบเลยทีเดียว」 「ถ้าสมาชิกเอสปาร์ตี้ทุกคนช่วยกันสู้ จะเอาชนะได้มั้ย」 「พลังรบของพวกผมในตอนนี้ ต่อให้4รุม1ก็คิดว่ายากอยู่ดี」  ผมพูดออกไปตามความรู้สึกจริงๆ  สมมติให้Elite・Orcมีเลเวล5 ส่วนสกิลมนุษย์หมูก็ให้อยู่ที่ประมาณแรงค์4……  Geneal・Orcนั่น อย่างน้อยก็น่าจะมีสกิลมนุษย์หมูแรงค์6  บางที อาจจะเป็นมนุษย์หมูแรงค์7ก็ได้  มนุษย์หมูแรงค์7ก็หมายความว่า กรณีที่คำนวณแบบเดียวกับพวกผมโดยใช้หน่วยง่ายๆ มันจะมีเลเวล14นั่นเอง  มีจิตคุกคามขนาดนั้น จะมีพลังระดับนั้นก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลก  ไม่สิ จะคิดแบบนี้ได้รึเปล่าก็ไม่รู้  แถมความเป็นไปได้ที่มันจะมีอาวุธลับก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี  เอาเป็นว่า ในสภาพที่สกิลอาวุธของอริสกับทามากิอยู่ที่แรงค์4 หนทางชนะมันช่างเลือนรางก็แล้วกัน  เรื่องที่คิดอยู่นี่ผมก็พูดออกไป 「……ขอพูดแบบตรงไปตรงมาหน่อยได้ไหม คาซึคุง」 「เชิญเลย」 「ชื่อสกิลมนุษย์หมูเนี่ย มันยังไงๆอยู่นะ」 「อืม ผมก็ว่างั้น」  ชิคิซังแทบจะทรุดลงไปกับพื้น 「สรุปก็คือ อย่างน้อยที่สุด ทามากิจังกับอริสจังก็ต้องมีสกิลอาวุธแรงค์5 ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาคุยเรื่องแพ้ชนะกันอย่างนั้นสินะ」 「อ้าー ใช่แล้วล่ะ ถ้าไม่ใช่แรงค์5ล่ะก็ ยากเกินไป ต่อให้ผมช่วยบัฟให้ ยังไงก็มีขีดจำกัดอยู่ดี」  หากคิดถึงภาพรวมแล้วล่ะก็ ผมว่าแรงค์5ก็ไม่น่าจะไหว  สมมติว่าตั้งเป้าไว้ที่แรงค์6 ……  ทั้ง2คน เพิ่งจะได้อัพแรงค์อาวุธมาเป็นแรงค์4เองล่ะน๊า เฮ้อ 「อริสจังอีก6เลเวล ทามากิจังอีก4เลเวลใช่มั้ย」 「จะบุกจู่โมอาคารเรียนหลักน่ะ วันนี้คงจะไม่ไหวล่ะมั้ง」  ผมพูดออกมา โดยที่ตัวผมเริ่มท้อแท้แล้ว  แต่ว่าชิคิซังยังคงกอดอกอยู่ พูดออกมาอย่างยากลำบาก 「ถ้าเป็นไปได้ วันนี้อยากจะลงมือทำอะไรสักอย่างน่ะ」 「หมายความว่าไง」 「หากปล่อยให้ผ่านไปถึงพรุ่งนี้ เด็กผู้หญิงที่ถูกจับกุม ก็คงจะตายกันไปหมดแล้วไงล่ะ」  อย่างนี้นี่เอง ผมพยักหน้า  ความกังวลของเธอน่ะ ผมเข้าใจดี  ตั้งแต่ที่หญิงสาวเหล่านั้นถูกออร์คจับตัวไว้ ก็เกือบจะครบ1วันเต็มๆแล้ว  ในระหว่างนั้น คงจะถูกพวกออร์คย่ำยีแบบนอนสต็อปไม่ผิดแน่  การที่ยังมีลมหายใจจนถึงตอนนี้ได้ ก็แทบจะเรียกว่าปาฏิหาริย์ได้แล้ว 「แล้วก็ มีอีกเรื่องที่รู้สึกสงสัยน่ะ ขอถามได้มั้ย」 「อะไรล่ะ」 「เด็กสาวที่เคยอยู่ที่หอพักหญิง รวมเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่กับคนที่ตายไปแล้ว ก็น่าจะอยู่ที่ปะมาณ80คนนิดๆ ส่วนที่อาคารเรียนหลัก เท่าที่ได้ฟังนายพูดมา รวมกับพวกที่อยู่ตรงCamp Fireแล้ว เด็กชายทั้งหมดก็น่าจะประมาณ150คนใช่มั้ย? สมมติให้หอพักนักเรียนชายมีคนอยู่เท่าๆกับหอหญิงนะ จำนวนของเด็กที่อยู่ที่อื่นหรือทำกิจกรรมชมรม……ไม่คิดว่าน้อยไปเหรอ?」  เอーโต 80บวก80บวก150คนก็300กว่าๆ?  แล้ว นักเรียนมะยมต้นมีจำนวนนักเรียนทั้งหมด700คนก็หมายความว่า…… 「อาเร๊ะ จริงด้วย ถ้ากว่าครึ่งทำกิจกรรมชมรม ก็หมายความว่า……เป็นไปได้เหรอ?」 「คิดว่าไม่นะ โรงเรียนของเราน่ะ ไม่ได้สนับสนุนกิจกรรมชมรมขนาดนั้น สถานที่เที่ยวเล่นก็แทบจะไม่มีด้วยสิ」  พวกผมมองหน้ากัน 「เดี๋ยวจะ ลองไปถามเด็กกลุ่มที่ทำหน้าที่เฝ้ายามดู」  เด็กหญิงที่ช่วยมาจากหอพักหญิงทั้งหมด10คน มี4คนเลเวล1แล้ว ซึ่งพวกเธอเหล่านั้นช่วยเฝ้ายามอยู่ที่ด้านนอกของประตูหน้าของอาคารให้ แทนพวกผมที่เหนื่อยล้ากันเต็มทีแล้ว  ชิคิซังลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ ……  เธอเซ  ผมรีบลุกขึ้นจากเตียง ไปคว้าไหล่เธอเอาไว้  ได้กลิ่นหอม ของสบู่  จะว่าไปเมื่อกี้ พวกผู้หญิงเข้าไปอาบน้ำมานี่นา ผมนึกขึ้นได้  หลังจากนี้ ไปล้างตัวบ้างดีกว่า  คิดว่าตอนนี้ ตัวผมน่าจะเหม็นใช้ได้เลยด้วย  พริบตานั้น  ชิคิซังยกมือมาจับผม สั่นกลัว  หันหน้าหนีไป 「ขะ ขอโทษ ชั้น……」  ยังกลัวผู้ชายมาโดนตัวอยู่งั้นเหรอ  ก็แน่ละ  จะว่าไป เธอไม่ได้ให้อริสใช้Cure・Mindให้งั้นเหรอ…… 「ความปวดร้าวนี้ ไม่อยากให้หายไปน่ะ」  ชิคิซังนั้น พูดออกมาราวกับอ่านความคิดของผมออก 「ความปวดร้าวนี้คือสิ่งจำเป็นน่ะ มันเป็นตัวค้ำจุนตัวชั้น ให้สามารถเผชิญกับออร์คที่แสนเกลียดชังกับเด็กๆที่ตายไปต่อหน้าได้」  ทรมานน่าดู ผมคิดในใจ  ผมไม่หัวเราะหรอก  ไม่จำเป็นต้องคัดค้านวิธีการต่อสู้ของเธอ  แต่ว่า ความดื้อรั้นนั้น ความทุกข์ทนนั่น ความรู้สึกที่ย่ำแย่นั่น ไม่ว่ายังไงผมก็อยากจะขจัดมันไป  ชิคิซังหัวเราะแห้งๆ ราวกับอ่านความคิดของผมออกอีกแล้ว 「ช่างมันเถอะ แล้วก็นะ ชั้นไม่มีค่าพอจะให้นายมาเห็นใจหรอก ตัวชั้นในอดีต เคยทอดทิ้งนายไปครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องนั้นไม่ผิดแน่นอน」 「เหนื่อยมากแล้วนะ เธอน่ะ」 「อาจจะใช่ก็ได้」  ชิคิซังหัวเราะอย่างเหงาๆ         ※  หลังจากที่ชิคิซังไปพูดคุยสอบถามกลุ่มหญิงสาวที่ช่วยเหลือมาจากหอพักหญิง  ผมอัญเชิญอีกาออกมาอีกครั้ง ใช้Remote・Viewing  อาคารเรียนหลักน่ะปล่อยไว้ก่อน  ผมให้มันไปสำรวจที่อื่น  ตัวผมที่ตอนนี้ใช้มุมมองเดียวกับอีกา เพิ่งจะพุ่งออกไปจากหน้าต่างของห้องเรียนที่ชั้น3  บินไปตามกระแสลมที่พัดผ่าน ร่อนผ่านอาคารเรียนหลัก เล็งเป้าที่จุดถัดไป  ก่อนอื่น จุดที่ไปถึงก็คืออาคารพนักงาน  หากมีผู้ใหญ่รอดชีวิตอยู่ที่นี่แม้จะมีจำนวนน้อยล่ะก็……  แต่ว่า ความหวังลมๆแล้งๆนั่นไม่นานก็ถูกบดขยี้ไม่เหลือแม้แต่ซาก  ไม่สิ แต่เดิมแล้ว หากอาคารพนักงานซึ่งอยู่ใกล้อาคารเรียนหลักมีผู้รอดชีวิตอยู่ล่ะก็ พวกออร์คที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่ๆอยู่แล้ว  หากมีผู้รอดชีวิตอยู่ล่ะก็ จะต้องหลบหนีไปยังสถานที่ที่พวกออร์คเอื้อมไม่ถึง ต้องไปอยู่ในจุดที่ไกลกว่านี้จริงมั้ย  เคยคิดแบบนี้อยู่เหมือนกันแต่ว่า……  อาคารพนักงานนั้น ไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว  หากให้พูดกันตามตรงล่ะก็ อาคารที่เคยเป็นอาคารพนักงานมาก่อนน่ะพังทลายไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกองซากปรักหักพัง  คิดว่า คงจะเป็นแบบนี้ตอนเกิดแผ่นดินไหว  จะว่าไปเมื่อวาน รู้สึกอริสจะบอกว่าอาคารพนักงานของโซนมัธยมต้นมีกำหนดการจะก่อสร้างปรับปรุงใหม่ในเร็วๆนี้นี่นา  เพราะเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุด ในกลุ่มอาคารของระดับมัธยมต้น  ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว พวกครูหรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านในอาคารคงไม่ต้องไปหวังล่ะมั้ง  เด็กๆมัธยมต้นน่ะ ต้องยืนสู้กับออร์คโดยที่ไม่มีการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เลย  ไม่สิ ต่อให้มีพวกผู้ใหญ่อยู่ด้วย ผลลัพธ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหนกันเชียว……  แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่านี้  พวกผู้ใหญ่เป็นคนออกคำสั่ง ช่วยให้หลายๆคนสามารถหลบหนีไปได้ อาจจะเป็นแบบนี้ก็เป็นได้นะ  แต่ว่า ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น  พวกนักเรียน ไม่ได้อาศัยกำลังของตนเองเข้าต่อสู้กับการคุกคามจากออร์ค  และ แทบจะทั้งหมด ล้มเหลวในการหลบหนี  เท่าที่ทามากิเล่าให้ฟัง มิอะคือนักเรียนที่รอดชีวิตคนหนึ่งที่หลบหนีออกมาด้วยกำลังของตนเองอย่างสุดชีวิต  ตอนที่มิอะกับอีกคนหนึ่งหนีออกมาจากทางอาคารเรียนหลัก ก็ได้พบกับทามากิพอดี  โชคดีที่แบบที่เกิดขึ้นกับมิอะ อาจจะแวะเวียนไปหานักเรียนคนอื่นด้วยล่ะมั้ง  ไม่หรอก คงยากล่ะนะ ผมคิดในใจ  ก็นะ ช่างมัน  ตอนนี้ต้องสำรวจ  อีกาทำตามสิ่งที่ผมบอกไว้ก่อนหน้า บินผ่านอาคารพนักงาน ไปยังเป้าหมายต่อไป หอพักนักเรียนชาย  ว่ากันตามตรง สถานการณ์ขณะนี้ต้องการผู้ชายมาช่วยเหลือ  ในมังงะหรืออนิเมะ มักจะมีผู้ชายคนเดียวในกลุ่มผู้หญิง ที่เรียกกันว่าฮาเร็ม ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ใช้ชีวิตแบบที่คนอ่านต้องอิจฉา แต่ในความเป็นจริงแล้วสถานการณ์นั้นไม่น่ายินดีเลยสักนิด  ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็มีแต่ความลำบาก  อีกอย่าง ต่อให้เวทซัพพอร์ทช่วยเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งได้แค่ไหนก็ตาม ยังไงการขุดหลุมกับดักก็ต้องใช้แรงกายอยู่ดี  ในกลุ่มเด็กผู้หญิงตอนนี้ ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวที่สามารถขุดหลุมกับดักได้ด้วยความเร็วมากกว่า1ใน5ของผม  ไม่สิ นั่นก็เป็นเพราะผมเคยชินกับการขุดหลุมแล้วต่างหาก แต่ถ้ามีแรงงานของเด็กผู้ชายล่ะก็ คิดว่าสถานการณ์น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากตอนนี้สักหน่อยนะ  อยากจะให้มันดีขึ้นกว่านี้  เพราะอย่างนั้น ผมจึงได้คาดหวังว่าจะมีเด็กผู้ชายรอดชีวิตอยู่บ้าง  ……น่ะนะ  หอพักชาย ถูกเผาจนเกรียม  คนที่ปล่อยไฟออกมาเป็นพวกออร์คงั้นเหรอ หรือเป็นนักเรียนคนใดคนหนึ่งที่จุดไฟในช่วงโกลาหล ไม่รู้เลย  หากว่ากันถึงผลลัพธ์ ที่ด้านหน้ารอยไหม้ของซากอาคาร มีศพของนักเรียนกองอยู่เยอะทีเดียว  ทั้งหมดเป็นเด็กผู้ชายน่ะ  น่าจะมีประมาณ200คนเลยล่ะมั้งนั่น  หลังจากนั้นอีกา ก็บินผ่านอาคารของระดับมัธยมต้นทีละหลังๆ  อาคารที่ยังปลอดภัยดีนั้น ไม่มีเลยแม้แต่หลังเดียว  อาคารอื่นๆนอกจากอาคารเรียนศิลปะ ถูกออร์คยึดครองหมดแล้ว  ภายในหัวใจที่ด้านชาของผม คิดว่า งั้นหรอกเหรอ  เป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังแล้วงั้นเหรอ น่ะ  ไม่มีสักคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือ  พวกผมน่ะ จะต้องใช้พลังของพวกผมเท่านั้นในการต่อสู้  คนที่พอจะต่อต้านได้มีเพียงผู้คนที่อยู่ที่อาคารเรียนศิลปะเท่านั้น  อีกากลับมาแล้ว  ระยะเวลาแสดงผลของRemote・Viewingยังเหลืออยู่  ผมออกคำสั่งแก่อีกาอีกครั้ง  อีกา บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้