Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 39 การสารภาพบาปของชิคิซัง

แค่Enchantเสื้อผ้ากับอาวุธที่จำเป็นเท่านั้นแท้ๆ ยังต้องใช้เวลาถึงบ่ายสอง  MPของผมแทบจะหมดแล้ว  นับจากนี้ไป100นาที MPจึงจะฟื้นคืนมาทั้งหมด 「หลังจากที่MPของนายฟื้นคืนมาแล้ว พวกชั้นก็จะออกไปโจมตี」  ชิคิซังพูดออกมาอย่างกล้าหาญ  ในจังหวะที่ผมEnchantอุปกรณ์ที่จำเป็นหมดแล้ว จึงได้เข้ามาในห้องส่วนตัวที่ชั้น3  เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ผมอยู่บนเตรียง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ หันหน้าเข้าหากัน 「ถึงจะพูดแบบนั้น แต่กองกำลังหลัก ก็คือพวกคาซึคุงทั้ง4คนเท่านั้นล่ะนะ」 「ตอนนี้ให้พวกผมมุ่งมั่นกับการเก็บค่าประสบการณ์น่าจะดีกว่าสินะ」  แผนการของชิคิซังนั้นง่ายมาก  ใช้เวทมนตร์ๆหนึ่งเป็นแกนหลัก แล้วพวกผม4คนก็เข้าจู่โจมอาคารเรียนหลักยังไงล่ะ 「พวกออร์คน่าจะกระจายตัวอยู่ตามแต่ละห้องของอาคารเรียนหลักจริงมั้ย กางSilent・Fieldออก เข้าไปทางหน้าต่าง แล้วก็จู่โจมทีละห้องๆก็ใช้ได้แล้ว」  Silent・Fieldคือเวทลมแรงค์2  ในการต่อสู้สุดท้ายเมื่อกี้ มิอะได้อัพเวทลมเป็นแรงค์2 และได้รับเวทมนตร์นี้มา  มันคือเวทมนตร์ที่จะช่วยกางมิติๆหนึ่งซึ่งไม่มีเสียงลอดผ่าน โดยจะเข้ามาปกคลุมรอบๆสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็สิ่งของ  กรณีที่เป้าหมายมีการเคลื่อนที่ ฟิลด์ก็จะเคลื่อนย้ายตามไปด้วย  รัศมีประมาณ3เมตรโดยมีเป้าหมายเป็นจุดศูนย์กลาง  ระยะเวลาแสดงผลก็คือ ในจุดที่เป็นเวทลมแรงค์2ก็2ถึง3นาที  หากสมาชิกปาร์ตี้ทุกคนรวมกลุ่มกันอยู่ในฟิลด์แล้วเคลื่อนที่ล่ะก็ จะสามารถเคลื่อนที่กันได้โดยไม่มีเสียงฝีเท้าเล็ดรอดออกมา  นอกจากนี้ หากทำการต่อสู้กันภายในฟิลด์ล่ะก็ หมายความว่าสามารถฆ่าศัตรูได้โดยไม่เกิดเสียงต่อสู้ดังขึ้น  ต่อให้ไปกระโดดโลดเต้นในห้องเรียน หรือฆ่าล้างพวกออร์คในห้อง พวกที่อยู่ห้องข้างๆก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกตัวได้เลย มันคือทักษะที่จำเป็นสำหรับตอนนี้มากทีเดียว  แน่นอนว่าที่พูดมา ทั้งหมดคือกรณีที่ทุกอย่างดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น  พวกผมไม่ได้มีความคิดแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวอยู่แล้ว ว่าจะสามารถต่อสู้ในสภาวะที่ดีที่สุดได้ตลอดเวลา  ถึงอย่างนั้น หากเป็นอริสกับทามากิในตอนนี้ล่ะก็…… 「หากมีElite・Orcตัวเดียวล่ะก็ คงจะพอทำอะไรได้บ้างล่ะ」 「นั่นสินะ หากสามารถจัดการศัตรูได้ทีละตัวๆโดยไม่ถูกล่วงรู้ล่ะก็ คิดว่าคงจะไปได้ถึงจุดดีๆล่ะ」  ทั้งอริสและทามากิ สกิลอาวุธต่างก็ขึ้นมาอยู่ที่แรงค์4กันแล้ว พวกเธอสามารถต่อสู้กับElite・Orcได้เกินกว่าคำว่าสูสี  แน่นอนว่า ประสิทธิผลของเวทซัพพอร์ทของผมอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เยอะทีเดียว……  อย่างไรก็ตาม หากเป็นพลังของพวกเธอในปัจจุบันนี้ล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวElite・Orcมากจนเกินไปหรอก 「ปัญหาก็คือ ต้องจัดการออร์คอีกกี่ตัว สกิลอาวุธของอริสจังกับทามากิจังถึงจะเป็นแรงค์6」  ขอคำนวณเดี๋ยวนะ  ทามากิกับมิอะน่ะ หลังจากที่เลเวลอัพจากการต่อสู้เมื่อกี้ ก็วิ่งวุ่นอยู่กับการช่วยให้กลุ่มหอพักหญิงอัพเป็นเลเวล1  ดังนั้นหลังจากเลเวลอัพแล้ว พวกผมก็น่าจะยังไม่ได้ฆ่าออร์คเพิ่มเลยแม้แต่ตัวเดียว  หลังจากนี้ ลองไปยืนยันเรื่องนี้ดูหน่อยดีกว่า  เอาล่ะ เอาเป็นว่าคำนวณตามข้อสันนิษฐานแรกไปก่อนแล้วกัน  เหมือนกับก่อนหน้านี้ ให้ค่าประสบการณ์ของออร์ค1ตัวเป็น60 เอโต ……  อื้ม ทามากิตอนนี้เป็นเลเวล7ช่วงแรก สรุปก็คือค่าประสบการณ์1680แต้ม  อริสมีค่าบวก900 ดังนั้นก็อยู่ที่เลเวล8 2580แต้ม  ทามากิมีสกิลพอยท์3แต้ม เหลือเผื่อเอาไว้  ส่วนสกิลพอยท์ของอริสเป็น0  เมื่อเป็นแบบนี้ เพื่อที่จะอัพแรงค์ของสกิลอาวุธขึ้นไป2ขั้น……  หากทามากิอัพเป็นเลเวล11 ก็จะสามารถอัพสกิลการใช้ดาบเป็นแรงค์6ได้  ค่าประสบการณ์สำหรับเลเวล11ก็คือ3960แต้ม  เหลืออีก2280แต้ม  แค่จัดการออร์คลูกกระจ๊อก152ตัวก็พอแล้ว  ส่วนอริส ถ้าไม่อัพถึงเลเวล14ล่ะก็ จะไม่สามารถอัพแรงค์ของสกิลการใช้หอกเป็น6ได้  เพื่อที่จะอัพเป็นเลเวล14 ต้องใช้ค่าปราะสบการณ์6300แต้ม  อีก3720แต้ม  จำเป็นต้องจัดการออร์คลูกกระจ๊อกอีก248ตัว 「นี่มัน ต่อให้ฆ่าออร์คทั้งหมดที่ฝั่งมัธยมต้นบวกกับElite・Orcก็ยังยากอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?」  ผมพูดออกไปตรงๆตามที่รู้สึก 「นั่นสินะ ออร์คคงจะหมดไปก่อนจะถึงเลเวลนั้นล่ะมั้งเนอะ」  ชิคิซังล้อเล่นงั้นเหรอ……  สมมติให้จัดการElite・Orcไปได้เล็กน้อย ถึงอย่างนั้นการจะหาศัตรูอีกเป็น100ตัวมาเป็นคู่ต่อสู้ก็ยังยากอยู่ดี 「แต่ว่าอย่างน้อยที่สุด ถ้าไม่ทำให้ทามากิจังอัพเป็นแรงค์6ล่ะก็ การต่อสู้กับGeneral・Orcน่ะลำบากแน่ๆ」 「ไม่สู้ในวันนี้ไม่ได้เหรอ」 「ถ้าปล่อยให้ถึงพรุ่งนี้ คิดว่าเด็กพวกนั้นจะยังมีชีวิตรอดอยู่งั้นเหรอ?」  นึกถึงภาพของกลุ่มเด็กสาวที่ช่วยออกมาจากหอพักหญิง  ก่อนที่อริสจะใช้เวทรักษาช่วยฟื้นฟูพวกเธอน่ะ สภาพของพวกเธอโหดร้ายมาก  รับการย่ำยีอย่างโหดร้ายรุนแรงจากออร์ค ตลอดคืน……  ก็นะ คงไม่ไหวสินะ  วันนี้ก็คงเต็มลิมิตแล้วใช่มั้ยล่ะ 「จะว่าไป หากคิดจากระดับความรุนแรงที่ชั้นได้รับมาจริงๆ……」 「เลิกทำอะไรแบบนั้นซะทีเถอะ」  ชิคิซัง ยังคงยิ้มแดกดันตัวเองอยู่  โธ่เว้ย ความเจ็บปวดของเธอน่ะมันสุดจะทานทนเลยนะ! 「แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง มีเรื่องที่ต้องบอกให้รู้ไว้น่ะ」  ชิคิซังพูดพลาง เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง  จะว่าไป เธอได้ยินเรื่องของกลุ่มเด็กสาวที่ช่วยมาจากหอพักหญิงมารึยังนะ 「มีเรื่อง อะไรล่ะ?」 「เข้าใจเหตุผลที่จำนวนของเด็กผู้หญิงไม่ตรงแล้วล่ะ เด็กสาวหลายคน ถูกพาตัวไปยังที่ไหนสักที่แล้วน่ะ」 「จากหอพักหญิง?」 「อื้ม ไม่รู้หรอกนะว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสิน แต่ว่าออร์คที่รู้สึกว่าตัวจะเล็กกว่าออร์คทั่วไป คลุมผ้าคลุมสีม่วง เป็นคนเลือกผู้หญิงที่จะพาไปด้วยน่ะ」  ออร์คผ้าคลุมม่วง  เรื่องอะไรกัน  ใช้เวทมนตร์ได้งั้นเหรอ  ทำไม มีความจำเป็นอะไรที่ต้องพาตัวผู้หญิงไปด้วย?  ผมใช้ความคิด  เหตุผลที่การข่มขืนที่หอพักหญิงเพียงอย่างเดียวไม่พอ  จะว่าไป ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ  ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยจนถึงตอนนี้ แต่ว่า ไม่สิ แต่เดิมแล้วมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคิดก็เลยเลือกที่จะเมินมาโดยตลอดต่างหาก 「พวกออร์คเนี่ย ทำไมถึงเข้ามาจู่โจมพวกเราล่ะ」 「ยกตัวอย่างเช่น นั่นสินะ ใช้เป็นเหยื่อบูชายัญสำหรับงานพิธีอะไรสักอย่างล่ะมั้ง」  ได้ยินคำพูดของชิคิซัง หัวของผมติดไฟเหมือนอิคคิวซังทันที  พวกเรา2คน มองหน้ากัน         ※ 「ออร์คน่ะ มาจากยอดเขา ของภูเขาทางเหนือสินะ」 「น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ คาดการณ์ไว้ว่ามันจะพาพวกเธอไปทางฝั่งนั้นก็คงได้อยู่ล่ะมั้ง ถึงความเป็นไปได้ว่าจะเอาไปกักขังในอาคารใดอาคารหนึ่งจะยังมีอยู่ก็เถอะ」 「เพื่อที่จะยืนยันเรื่องนั้น ก็คงต้องเข้าไปเหยียบอาคารเรียนหลักล่ะนะ」  เหตุผลที่ออร์คเข้ามาจู่โจมโรงเรียน  ยังไงดีล่ะ จนถึงตอนนี้ตัวผม คิดแค่ว่าเพราะมีผู้หญิงอยู่ตรงนี้ มันก็เลยมาหาเท่านั้นเอง  ก็มัน เป็นพวกที่ดูหัวทึบจะตายไปนี่นา  เป็นแค่หมูอ้วนๆเอง  ในความเป็นจริงก็โคตรโง่ด้วย  ดูยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าจะทำงานเป็นกลุ่มได้ด้วย  คิดว่าถ้าถามถึงเจ้าพวกนั้นแล้วล่ะก็ คงจะคิดอย่างอื่นนอกเหนือไปจากนี้ไม่ได้หรอก  แต่ว่า หาหมองในมุมว่ามีใครสักคนเป็นคนบงการพวกออร์คล่ะ  สมมติว่าใครสักคนนั่นมีเรื่องบางอย่างจึงต้องสั่งให้พวกออร์คทำ  ใช้งานเท่าที่ใช้ได้ จัดเตรียมนักเรียนเอาไว้ให้เยอะที่สุด  ดังนั้น บางที 「ที่เหลือทำตามใจชอบได้เลย」 「สมแล้วที่เป็นท่านหัวหน้า เข้าใจได้ง่ายดีนี่!」  ตกลงกับพวกออร์คประมาณนั้น……  ใครกันล่ะโว้ยหัวหน้าน่ะ 「นี่ คาซึคุง แค่ความคิดของชั้นนะ ตั้งแต่ที่ได้เห็นพวกออร์คมากันเนี่ย คิดว่าน่าจะมีศัตรูที่อยู่เหนือGeneral・Orcอยู่แน่นอนล่ะ เพราะงั้น……」 「ในตอนนี้ จึงจำเป็นต้องไขว่คว้าหาพลังเพื่อรับมือพวกนั้น ใช่มั้ย?」  ชิคิซังพยักหน้า 「พวกออร์คที่อาคารเรียนหลักน่ะไม่มีทางเป็นกองกำลังหลักหรอก เท่าที่คาซึคุงสำรวจมา กองทัพออร์คที่ฝั่งมัธยมปลายก็ดูจะมีเท่าๆกับฝั่งมัธยมต้นด้วยสิ คิดว่าความเป็นไปได้ที่กองกำลังหลักจะยังอยู่ในป่าน่ะมีสูงทีเดียว」 「คิดจะไปถึงขั้นนั้นในวันนี้เลยเหรอ?」 「นั่นน่ะ บางที คงไม่ไหวหรอก」  อืม ผมก็คิดว่าไม่ไหวเหมือนกัน  แต่ว่าจำนวนของออร์คที่ลดลงไป ก็คือกำลังรบของพวกผมที่เพิ่มขึ้นมา แนวทางนี้ถูกต้องแล้วไม่ผิดแน่  ในส่วนนี้ การช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่ถูกเย่ออยู่ที่อาคารเรียนหลัก ก็นับว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน 「สิ่งที่นายคิดอยู่ ลองมาทำให้มันถูกต้องดูดีมั้ย」  ชิคิซัง ยิ้มออกมาแบบกลั่นแกล้ง 「หากจะตั้งตัวอยู่คนละฝั่งกับระดับมัธยมปลายล่ะก็ มีเบี้ยมากเท่าไหร่ยิ่งดี」 「ใช่แล้ว ผมอยากจะใช้เหล่าผู้คนที่ช่วยมาในฐานะเบี้ย เธอล่ะ คิดว่ายังไง?」 「เห็นด้วยแน่นอนอยู่แล้ว เท่าที่ได้ฟังมาจากนาย คิดว่าอย่างน้อยที่สุดซาโซคุงก็ไม่เหมาะกับการเป็นลีดเดอร์ เขาใช้นักเรียนคนอื่นเป็นโล่ การกระทำนี่น่ะ ไม่ต่างกับ Elite・Orcตอนกระตุ้นให้ลูกน้องออกไปต่อสู้เลย」 「ยังไงๆ นั่นก็คือภาพที่ผมเห็นเท่านั้นนะ ผมอาจจะเสริมแต่งความเกลียดชังที่มีต่อชิบะเข้าไปตอนเล่าเรื่องก็ได้」 「เท่าที่ดูจากท่าทีของนายเมื่อกี้ ก็รู้แล้วล่ะว่าไม่ได้โกหก นายน่ะไม่ได้เป็นนักแสดงชื่อดัง ขนาดที่จะตีบทแตกขนาดนั้นซะหน่อย」  หนวกหูจริง เลิกรู้ทันกันได้แล้วน่า  ชิคิซังแสยะยิ้ม 「กรณีที่เลวร้ายที่สุด คงจะต้องกำจัดเขา แล้วก็คนที่ให้ความร่วมมือกับเขาทั้งหมดล่ะนะ」 「เด็ดขาดจังนะ」 「อาร๊า นี่เป็นบทสรุปที่ผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดีเลยนะ」  นี่เธอไปเอาเวลาจากไหนมากลั่นกรองขนาดนั้นกันล่ะห๊ะ 「ตอนที่อัพเป็นเลเวล2」  อ้า งั้นเหรอ ในการต่อสู้เมื่อกี้ เธอสู้แบบโซโล่ แล้วก็อัพเป็นเลเวล2แล้วอย่างนั้นสินะ  ในตอนนั้น เธอใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ  ก็หมายความว่า เธอ  ได้คาดการณ์สภาพการณ์ของฝั่งมัธยมปลายเอาไว้ ในระดับหนึ่งแล้ว? 「ไม่หรอก ใช้ความเป็นไปได้หลายๆอย่างมาผสานกันดู แล้วก็สร้างรูทจากขอบเขตที่ผสานกันขึ้นมา จากนั้นก็ลองซิมูเลชันดูเท่านั้นเอง」  อย่างนี้นี่เอง ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด  ไม่สิ เข้าใจสิ่งที่เธออยากจะสื่ออยู่ แต่ผมน่ะ เลียนแบบเธอไม่ได้หรอก 「ชั้นคิดว่านายเป็นพวกแข็งแกร่งสุดๆในสถานการณ์จริงน่ะ เป็นคนประเภทที่สามารถเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดได้ในขณะที่จำเป็นต้องเลือกสักทาง ส่วนชั้นน่ะไม่ใช่ ชั้นเป็นประเภทที่ต้องไตร่ตรองก่อน ต้องเตรียมตัลเลือกเผื่อเอาไว้หลายตัว แล้วเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นที่สุดมา」 「ไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้นเลยซะหน่อย」 「ตามปกติแล้ว ชั้นเป็นพวกหลอกตาคนอื่นเก่งน่ะ แต่ว่า เมื่อวานทำไม่ได้ เจอกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จู่ๆออร์คก็บุกเข้ามาแบบนั้น ขามันก้าวไม่ออกเลยล่ะ ทำได้แค่ยืนเฉยๆ ไม่สามารถขยับตัวได้เลย」  ชิคิซังพูดพลาง ก้มหน้าลงไป  ตัดประโยคไปอย่างอ่อนแรง  หลังจากนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมา มองผมตรงๆ 「ถ้าแค่นั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก นะ ฟังนะ คาซึคุง ชั้นน่ะ จับเสื้อของเพื่อนเอาไว้ ทำให้เพื่อนชั้นไม่สามารถหนีไปได้」  อ้า อย่างนี้นี่เอง ผมคิดในใจ  มองดูชิคิซังที่ยิ้มๆทั้งที่น้ำตาแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว สิ่งที่เป็นคำถามอยู่ในหัวมาโดยตลอด บัดนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว  นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยบอกใครมาก่อน สิ่งที่เป็นตราบาปของเธอ  เธอจะบอกว่า ด้วยการกระทำของตนเอง ทำให้เพื่อนไม่สามารถหนีได้ ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือตายไปนั่นเอง  ผลของการกระทำโง่ๆของตัวเอง แต่สุดท้ายกลับมีแค่ตนเองคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอด  เพราะงั้นเธอ จึงเป็นเสมือนกับผู้ชำระบาป ที่จะเดินไปข้างหน้าเพื่อรับความทรมานเข้ามา  ตอนที่เธอบอกผมว่า เหตุการณ์รุนแรงที่ออร์คทำ และผมไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ถือว่าเป็นบาปของเธอเอง ก็อาจจะเป็นวิธีชำระบาปในส่วนนั้นด้วยก็เป็นได้  เหตุผลที่ไม่ยอมรับCure・Mindของอริส ก็อาจจะเป็นการยอมรับบาปเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการทรมานตนเองตามแบบฉบับของเธอก็เป็นได้  งี่เง่าที่สุด จะหัวเราะขำขันตรงนี้ก็ไม่แปลกอะไร  แต่ว่าผมน่ะ ไม่สามารถหัวเราะได้    ก็เพราะว่านั่นน่ะ เหมือนกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อวานนี้เลยไงล่ะ  ครั้งหนึ่ง หลังจากที่ช่วยชิคิซังไว้ได้แล้ว ผมไม่ได้เล่าความสัมพันธ์ของผมกับเธอให้อริสฟัง  ในยามคับขัน อริสจึงเลิกคิดที่จะหนีและยืนยันที่จะปกป้องเธอ  ในตอนนั้นตัวผม เกือบจะสูญเสียอริสไปอยู่แล้ว  โดยผลลัพธ์แล้วทั้งหมดก็ไปได้สวย และเพราะอย่างนั้นในตอนนี้ ผมจึงสามารถพูดคุยกับชิคิซังได้  สิ่งที่ได้มาจากการชนะเดิมพันครั้งนี้ ยิ่งใหญ่เหลือเกิน  นั่นคือการเสี่ยงโชคครั้งใหญ่เลยทีเดียว  แต่ว่านั่นน่ะ เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดของผม  จะไปมั่นใจว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทุกครั้ง จะจบสวยอย่างนั้นตลอดก็คงไม่ได้  ตัวผมที่รู้ซึ้งเป็นอย่างดี จึงไม่สามารถหัวเราะเธอได้  หากต้องสูญเสียอริสไปในตอนนั้นล่ะก็ ผมจะสามารถยืดหยัดขึ้นมาได้อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ  ยังจะสามารถหัวเราะขำขันเหมือนอย่างตอนนี้ได้อีกอย่างนั้นเหรอ  ถ้าหาก เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในอนาคต  แล้วมีตัวผมที่ยืนหัวเราะอยู่ล่ะก็  ผมจะใช้ไทม์แมชชีนหรืออะไรก็ช่าง ข้ามผ่านเวลามากระโดดถีบยอดหน้าให้ดู  นั่นคือความผิดพลาดที่รุนแรง  ไม่มีทางยอมรับได้โดยเด็ดขาด ไม่มีทางยกโทษให้ได้  เพราะงั้นตอนนี้ผมจึงไม่หัวเราะชิคิซัง  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีคำพูดจะไปปลอบโยนเธอ  เธอเองก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วจริงมั้ย  เธอน่ะ หวังเพียงแค่คอยสนับสนุนอยู่เงียบๆเท่านั้น  ทำตัวให้ดูกระปรี้กระเปร่า ทำงานเพื่อทุกคนแม้ตัวจะต้องแหลกเป็นผง  ใช่ ต้นตอของพลังนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง โดยผลลัพธ์แล้ว เธอมีประโยชน์สำหรับพวกผม  พวกผมน่ะ ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมเหมือนที่ผ่านมาโดยไม่มีเธอได้อีกแล้ว  นอกจากนี้ ที่สำคัญ…… 「เพราะอย่างนั้นนะ คาซึคุง」  ชิคิซังยิ้มอย่างประชดประชันอีกครั้ง 「จะขอพูดอีกครั้งนะ ผลักภาระมาให้ชั้นเยอะเลย ผลักความรับผิดชอบมาให้ชั้น ให้เท่ากับความทุกข์ทรมานที่ชั้นมี ชั้นจะต้านทานมันให้ดูเอง สิ่งที่จำเป็นสำหรับนาย ต่อให้ร่างกายนี้จะต้องแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นควัน ก็จะหาทางจัดเตรียมมาให้เอง」  ในทางผลลัพธ์แล้ว ใช่  หากการอุทิศตรของเธอสามารถช่วยเหลือพวกผมได้ แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้