Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 43 แผนการปลดแอกอาคารเรียนหลักมัธยมต้น 4

 เพื่อนของอริสและทามากิ สึกิโนมิยะ สึมิเระ เป็นเด็กที่มีรูปร่างอวบเล็กน้อย สวมแว่นตาไร้ขอบ  อย่างนี้นี่เอง ออกแนวสาวน้อยวรรณกรรม  ส่วนบนเป็นเสื้อนักเรียน ส่วนข้างล่างเป็นกางเกงวอร์ม  คงจะเป็นตัวที่ทามากิไปหยิบมาจากห้องเรียนทางด้านโน้น  ไม่ได้ใส่รองเท้า  อืม ก็เพราะฉี่ราดล่ะนะ  ช่วยไม่ได้  สึมิเระนั้น หลังจากสวมกอดกับอริส ก็โค้งตัวปะหลกๆให้ผม  ร่างกายดูมีขนาดใหญ่กว่าอริสและทามากิ แต่ท่าทางหวาดกลัวนั้นทำให้รู้สึกเหมือนหนูน้อยที่กำลังสั่นกลัวเลย  จากที่ทามากิเล่ามา ตอนที่เธอวิ่งผ่านล็อคเกอร์ ก็สังเกตเห็นตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดขยับ  เธอก็เลยใช้ขวานจามเข้าซะเลย  อื้ม ว่าแล้วว่าทามากิเนี่ย……เป็นพวกไม่คิดหน้าคิดหลังจริงๆด้วย  เอาเถอะ จู่ๆล็อคเกอร์ก็ขยับแบบนั้น เป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ  สีมิเระคงจะตกใจ ที่จู่ๆเสียงรอบด้านก็หายไปล่ะมั้ง  ตัวเธอที่เจออะไรแบบนั้น คงมีเรื่องที่อยากจะถามมากมาย……  ก่อนที่จะได้พูดคุยกัน ท้องของสึมิเระก็ร้องขึ้นมา  สึมิเระเอามือไปกดท้อง หน้าแดง 「อ้าー แคลอรีเมท กินได้มั้ย ส่วนน้ำเดี๋ยวผมให้กระติกน้ำของผมแล้วกัน」  ยังไงผมน่ะ สามารถเสกของกินหรือน้ำออกมาได้ทุกเวลาที่ต้องการอยู่แล้วด้วย  ถ้าด้วยความเร็วแบบนี้ล่ะก็ MPของมิอะน่าจะหมดก่อนผมซะอีก  สึมิเระรับแคลอรีเมทไปด้วยความยินดี  ผมถามคำถามเธอ โดยบอกว่ากินไปตอบไปก็ได้ 「เคยเห็นสัตว์ที่พวกออร์คพามาด้วยมั้ย」  สึมิเระทำหน้างงๆ ส่ายหัว  งั้นเหรอ ไม่รู้เหรอ……  คิดว่าจะได้ข้อมูลอะไรสักอย่างจากเธอซะอีก 「อ๊ะ แต่ว่า เสียงร้องที่ได้ยินมา……คิดว่าเหมือนกับเสียงสุนัขเลยค่ะ」 「ไม่ใช่ว่าเธอเหนื่อยจนเพ้อนะ」 「ไม่ใช่แน่นอนค่ะ ชั้นได้ยินจากที่ที่ห่างไกลออกไปมากๆ」  อย่างนี้นี่เอง ก็นะ ถ้าเหนื่อยล้าขนาดนั้นล่ะก็ คงจะไม่ปลอดภัยจนถึงตอนนี้อยู่แล้ว  ผมย้อนนึกไปถึงแผนที่ของอาคารเรียนหลักมัธยมต้น ที่เช็คมาจากอาคารเรียนศิลปะ  แถมหน่อย คนที่วาดแผนที่ขึ้นมาคือพวกอริสน่ะ  จากแผนที่นั่น ต่อให้ไม่ผ่านทางที่เธอซ่อนตัวอยู่เมื่อกี้ ก็ยังมีเส้นทางไปยังสนามโรงเรียนอีกหลายทางเลย  ใช้บันไดด้านนอกก็ได้  สัตว์ตัวนั้น ก็แค่ไม่ได้ใช้เส้นทางที่ผ่านจุดที่สึมิเระซ่อนตัวอยู่เท่านั้นเอง  สึมิเระโชคดีมาก  ถึงความโชคดีนั่น จะทำให้พวกผมไม่ได้รับข้อมูลใหม่ๆมาเลยก็เถอะ  เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมัน  อธิบายสถานการณ์อย่างง่ายให้เธอฟัง แล้วให้เธอไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำก่อน  แล้วก็ เอาแคลอรีเมทที่มีอยู่ยื่นให้ไปทั้งหมด  เธอยินดีมาก  ความอยากอาหารคือเรื่องดี         ※  เอาล่ะ เวทมนตร์แรงค์3Invisibility คือเวทมนตร์ที่จะทำให้เป้าหมาย1คนกลายเป็นมนุษย์ล่องหน  การมองเห็นนั้น ถ้าจะอธิบายง่ายๆตามภาษาหนังหรืออนิเมะ มันก็คือการอำพรางสายตานั่นเอง  ถึงจะไม่เข้าใจหลักการแบบเป็นรูปธรรม เหมือนกับเวทมนตร์อื่นๆเลยก็ตามที  ระยะเวลาแสดงผล ในจุดที่เป็นแรงค์3ก็คือ3นาทีถึง4นาที  เสื้อผ้าที่เป้าหมายสวมใส่ สิ่งของที่เป้าหมายถืออยู่ ทั้งหมดจะถูกทำให้ล่องหน  ล่องหน เป็นคนที่ให้ความรู้สึกว่าสุดยอดจริงๆเลยนะ แต่ว่า ……  เวทมนตร์นี้ มีจุดบกพร่องอยู่  หากมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง หรือสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตอื่น การล่องหนจะหายไปนั่นเอง  พวกผมน่ะ Q&Aที่ห้องสีขาวมาจนพรุนแล้ว  พบว่า คำว่า「สิ่งมีชีวิตอื่น」ไม่ได้หมายรวมถึงยุงหรือแมลงวัน ที่เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก  นอกจากนี้「การเคลื่อนไหวที่รุนแรง」นั้น การบิดข้อเท้าเบรคหรือเลี้ยวขณะวิ่ง หรือวิ่งเต็มแรงตามปกติก็เข้าข่ายด้วยทั้งหมด  แต่ว่า การเดิน พูดคุยช้าๆนั้น อยู่ในขอบเขตที่ยกเว้นให้  แถมหน่อย การใช้เวทมนตร์ จำเป็นจะต้องออกเสียงในการร่าย  ซึ่งการร่ายเพื่อใช้เวทมนตร์จะเข้าข่าย「การเคลื่อนไหวที่รุนแรง」  สรุปก็คือ สิ่งที่สามารถทำได้ขณะล่องหนอยู่ก็คือ การเคลื่อนที่อย่างช้าๆเท่านั้นเอง  แค่นั้นก็ทำให้ได้เปรียบขึ้นอย่างเพียงพอแล้ว  การเข้าไปประชิดศัตรูได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวน่ะ มันได้เปรียบมากๆเลยล่ะ  หากประสานกับSilent・Fieldล่ะก็ จะกลายเป็นคอมโบลอบสังหารที่เลิศมากเลยทีเดียว  การย่องเข้าไปฆ่าศัตรูโดยที่ไม่ทิ้งเสียง ไม่ทิ้งร่องรอยรเอาไว้จะสามารถทำได้ไม่ผิดแน่  แน่นอนว่า หากเข้ามาอยู่ในขอบเขตของSilent・Fieldล่ะก็ จะไม่ได้ยินเสียงของทุกสิ่งทุกอย่าง  เมื่อเป็นแบบนั้นศัตรูย่อมไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแน่นอนจริงมั้ย  ระยะรัศมี3เมตรน่ะ สำหรับอริสกับทามากิแล้วเกินพอเลยล่ะ  ตอนที่อีกฝ่ายรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็สายไปแล้ว  อาจจะมีข้อเสียตรงที่ว่าต้องเคลื่อนที่ให้ช้าที่สุด จึงไม่สามารถใส่Hasteให้ได้ แต่ถ้าคิดถึงข้อดีแล้ว จะมองข้ามจุดด้อยนั้นไปก็ไม่เป็นปัญหา  แถมหน่อย ในส่วนของคำถามที่ว่า ภายในขอบเขตแสดงผลของSilent・Fieldจะสามารถใช้เวทมนตร์ได้รึเปล่านั้น ผมเคยถามที่Notebookไปก่อนหน้านี้แล้ว  คำตอบที่ได้ก็คือจำเป็นต้องมีการแสดงออกว่ามีการออกเสียง แต่ไม่จำเป็นต้องมีเสียง  หมายความว่าไม่ต้องมีเสียงออกมาก็ได้นั่นเอง  เรื่องนี้เคยทดลอง เพื่อยืนยันมาแล้ว 「ออร์คที่อยู่ตรงทางเดินชั้น2นั้น แค่ยืนอยู่ตรงกลางทางเดินเฉยๆ เมินพวกนั้นไปก่อน จัดการออร์คที่อยู่ในห้องด้านหน้าก่อนแล้วกัน เริ่มจากทางซ้ายมือ」  ยังไง ออร์คที่ชั้น2ก็กะว่าจะฆ่าให้หมดเท่าที่ทำได้อยู่แล้ว  ไปกันตามทางที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีดีกว่า  มิอะร่ายInvisibility、Silent・Fieldให้อริสกับทามากิตามลำดับ  เสียงหายไปจากบริเวณนี้  ผมส่งสัญญาณให้พวกเธอไปได้  ไม่เห็นร่างของพวกเธอหรอก แต่ก็รู้ได้ว่าพวกเธอหายไปแล้วตอนที่บริเวณนี้มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง 「มิอะ พวกเราก็ไปบ้าง」 「อืม」  พวกผมที่เป็น2คนที่อยู่แนวหลัง ก็ใช้InvisibilityกับSilent・Fieldพรางตัวขึ้นชั้น2ด้วยเหมือนกัน  ออร์ค2ตัวยืนอยู่ตรงกลางทางเดิน ดูว่างงานสุดๆ  มันไม่ได้มองมาทางนี้หรอก แต่คิดว่าคงทำหน้าที่เฝ้ายามไม่ผิดแน่  อย่างนี้นี่เอง พวกออร์คเองก็รับรู้ว่าการเฝ้าระวังคือสิ่งสำคัญ อย่างนั้นสินะ  พวกผมค่อยๆเดินอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ประสิทธิผลของInvisibilityหายไป  ชะเง้อมองเข้าไปในห้องที่พวกอริสน่าจะเข้าไปแล้ว  Elite・Orc1ตัว กับออร์คธรรมดาอีก1ตัว อยู่ในห้องนั้น  มีศพเด็กผู้ชายอีกหลายศพกองอยู่ด้วย  ทั้ง2ตัวนั่นกำลังเล่นกับคอของศพราวกับเป็นของเล่น  อริสกับทามากิปรากฏตัวออกมา เข้าจู่โจมทั้ง2ตัวนั่น  ขวานของทามากิ ฟันเข้าไปที่คอของ Elite・Orcจนขาดสะบั้น  หอกของอริสเอง ก็แทงเข้าไปที่คอของออร์คลูกกระจ๊อกจนทะลุในทีเดียว  ได้ยินเสียงเลเวลอัพดังขึ้น  อ๊ะ ผมเองแหละ         ※  สภาพภายในห้องสีขาว ต่างไปจากทุกที  ที่กลางห้อง มีอุปกรณ์ที่คล้ายกับเครื่องแลกเงินตั้งอยู่  มีจอพาเนลด้วย แล้วก็มีตัวอักษรอะไรสักอย่างฉายออกมา  ส่วนที่เป็นที่สำหรับใส่เงินหากเป็นเครื่องแลกเงิน มีลักษณะเป็นกรวย  ใส่อะไรเข้าไปสักอย่าง อย่างนั้นสินะ  แล้วให้ใส่อะไรล่ะ?  พวกผม4คน หันไปมองหน้ากัน 「นี่มันอะไรกันเนี่ย เจ้านี่」 「มันคืออะไรกันนะ……」  อริสกับทามากิเอียงคอสงสัย ผมปลอบพวกเธอไปก่อน  หลังจากนั้น เอาล่ะ……  มองไปที่เครื่องที่คล้ายกับเครื่องแลกเงินอีกครั้ง  จุดน่าสงสัยมี2จุด  นี่คืออะไร  ทำไมมันถึงปรากฏออกมาได้ 「คาซึจิ ตอนนี้เลเวล10แล้วใช่มั้ย?」 「อะ อ้า」 「โบนัสตอนอัพเป็นเลเวล10 รึเปล่า?」  ไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย  สมแล้วมิอะ โอตาคุตัวอย่างเลย 「ก่อนจะไปจับมัน ถามPCดูมั้ย」  เวลาแห่งการถามตอบที่ทำมาโดยตลอดเริ่มได้  แต่ละคนก็ช่วยกันพิมคำถามใส่PCของตนเอง  ตัวหลักก็คือคำถามในส่วนของเครื่องแลกเงินนี่  ที่ได้มาจากการถามตอบ ก็ตามนี้เลย ・เครื่องที่เหมือนกับเครื่องแลกเงินนี้ คือโบนัสจากการเลเวลอัพของผม  กรณีที่ผู้มีเลเวลมากกว่า10มีปาร์ตี้ เครื่องจักรเช่นนี้จะปรากฏขึ้นมาที่ห้องสีขาว  ในส่วนของชื่อเครื่องจักรนี้ ให้พวกผมตั้งชื่อให้ได้ตามใจชอบ ・เครื่องที่เหมือนกับเครื่องแลกเงินนี้ ว่ากันให้เข้าใจง่ายๆก็คือ อุปกรณ์สำหรับใช้Tokenแลกเป็นItemนั่นเอง  Itemในกรณีนี้ ไม่ใช่เฉพาะของที่จับต้องได้ท่านั้น ยังรวมถึงสกิล เวทมนตร์ ความสามารถพิเศษด้วย  โดยที่สกิล เวทมนตร์ ความสามารถพิเศษเหมือนจะเป็นสินค้าหลัก ・Tokenก็คือ คริสตัลสีแดงหรือสีน้ำเงินที่ได้มาตอนฆ่าออร์คได้  หลังจากนี้จะเรียกคริสตัลนี้ว่า Red Token, Blue Token ・Red Tokenมีค่า1แต้ม Blue Tokenมีค่า10แต้ม  อย่างนี้นี่เอง การดร็อปของElite・Orcมีค่า10เท่าสินะ  ถ้าเป็นค่าประสบการณ์ล่ะก็ แค่5เท่าเองแท้ๆ  เอาเถอะ ถ้าพูดในด้านความแข็งแกร่งแล้วก็ให้ความรู้สึกว่าแกร่งกว่าประมาณ10เท่าน่ะแหละ ・Tokenที่ใส่เข้าไปในเครื่องนี้แล้วครั้งหนึ่ง จะไม่สามารถใช้ซ้ำได้อีก  อีกทั้งTokenที่ได้ใช้ที่ห้องนี้ไปแล้ว เมื่อกลับไปที่โลกเดิมก็จะหายไป  ก็นะ ถ้าพูดถึงด้านระบบก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว  จนถึงตอนนี้ ตอนที่กลับไปยังสถานที่เดิม จะมีสภาพเหมือนกับก่อนจะมายังห้องสีขาวทุกอย่าง  ก็หมายความว่าToken・Systemเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นอย่างนั้นสินะ 「ก่อนอื่น ชื่อของเจ้าเครื่องนี้น่ะ เอาเป็นตู้กดอัตโนมัติมั้ย?」 「คาซึจิ ไม่มีเซนส์เลย」 「โฮะโฮ่ ถ้างั้นก็ขอฟังความเห็นของมิอะเซนเซที่มีเซนส์สุดหรูหน่อยจะได้ไหมครับ」  มิอะร้อง อุ พร้อมผงะไปข้างหลัง 「เอะ เอโต……Item Vender?」 「ก็แค่เปลี่ยนภาษาอังกฤษเฉยๆไม่ใช่รึไง」 「ว่ากันตามจูนิเบียวก็ถูก」  พุดพลางชูนิ้วขึ้นเป็นรูปตัวVพร้อมสีหน้ามั่นใจเต็มที่  เธอน่ะแค่มัธยมปี1 มาพูดอะไรแบบนั้น  ผมหันไปมองอริสกับทามากิ 「ยังไงก็ได้」 「ค่ะ เลือกได้ตามใจเลยค่ะ」  อืม นั่นสิน๊า  ชื่อที่ไม่จริงจังเกินไป ไม่เล่นๆเกินไปงั้นเหรอ 「ถ้างั้นก็ Item Venderแล้วกัน」  ไม่ๆ เดี๋ยวก่อนเลย  หลังจากที่ผมถอนหายใจ ฟู้ว ก็นึกบางเรื่องขึ้นมาได้ จึงพิมถามลงไปในNotebook ・Q:ในส่วนของชื่อที่ระบุเอาไว้สำหรับเครื่องจักรข้างต้น เมื่อนักเรียนคนอื่นมีเลเวล10 ชื่อนั้นก็จะถูกใช้กับเครื่องของคนๆนั้นด้วยรึเปล่า ・A:เยส ・Q:นักเรียนคนอื่นหมายถึง นักเรียนที่พวกผมยังไม่ได้ติดต่อด้วยรึเปล่า ・A:เยส 「นี่น่ะ ใช้เป็นการส่งข้อความได้นะ?」  ผมมองทั้ง3คน  สามารถสื่อข้อความจากพวกผม ไปยังคนอื่นๆที่ยังไม่ได้เจอกันได้  นี่เป็นการค้นพบครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย……  อ๊ะ แต่ว่า  แบบนี้ แม้แต่เจ้านั่นก็อาจจะล่วงรู้ได้น่ะสิ  เจ้าพวกมัธยมปลาย 「ก่อนหน้านั้นนะ คาซึจิ มีเรื่องสำคัญอยู่เรื่องหนึ่ง」  มิอะชี้นิ้วชี้มาทางผม 「นี่น่ะ ก็หมายความว่าคนที่มาถึงเลเวล10เป็นคนแรกคือคาซึจิไม่ใช่เหรอ?」 「อ๋าー อาจจะใช่ก็ได้นะ」  ลองถามดูแล้วเหมือนกัน แต่ไม่ได้คำตอบมา  เอาเถอะ  ถ้าคิดถึงความรู้สึกจนถึงเดี๋ยวนี้ คนที่อยู่อีกฝั่งของNotebookนี่ มีการปฏิบัติต่อพวกผมแบบแฟร์มาก  เบื้องหลังเป็นยังไงไม่รู้หรอก แต่การสันนิษฐานของมิอะอาจจะถูกก็ได้  ถ้าไม่ใช่แบบนั้นล่ะก็ คงไม่บอกให้ระบุชื่อเฉพาะหรอก  เอาล่ะ ถ้างั้นจะใช้สิทธิพิเศษของผู้มาถึงเป้าหมายก่อนยังไงดี แต่ว่า…… 「ยกตัวอย่างเช่น ถ้าให้ชื่อเป็น『รวมตัวที่อาคารเรียนศิลปะ』ล่ะก็ จะเป็นการบอกไปว่าฐานของพวกเราอยู่ที่อาคารเรียนศิลปะ สินะ」 「ไม่ต้องสนใจก็ได้」  มิอะตัดบทซะงั้น 「นักเรียนที่รอดชีวิตและมีเลเวลถึง10 จะเป็นพวกเดียวกันรึเปล่าก็ไม่รู้」  ตัวเธอที่บอกว่าอยากไปฝั่งมัธยมปลายเพื่อช่วยพี่ชายเป็นคนพูดแบบนี้ ผมตกใจเลยล่ะ  อย่างที่คิดไว้ มิอะน่ะ…… 「นี่ คาซึจิ ฟังดีๆนะ」 「อะ อืม」 「เหยื่อในหนังซอมบี้น่ะ ส่วนใหญ่แล้วจะกลัวมนุษย์คนอื่นมากกว่าซอมบี้」  เรื่องหนังหรอกเรอะ  ……ไม่สิ อย่างนั้นเองเหรอ  สิ่งที่เธอต้องการจะพูด บังเอิญตรงกับสภาพตอนไปสำรวจฝั่งมัธยมปลาย ที่ผมจินตนาการเอาไว้เลย  ยัยนี่ก็หัวแหลมพอตัวเลยนะเนี่ย  เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี  ปกติชอบพูดล้อเล่นอยู่เรื่อย ก็เลยไม่ได้สังเกตเลย  มิอะ มองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับทุกที  ดวงตานั้น ดูโศกเศร้า และเหงา  เธอรู้สึกตัวในเรื่องความคิดของผมต่อการสำรวจฝั่งมัธยมปลายงั้นเหรอ  สิ้นหวังกับการที่ผมจะไม่ตอบรับความต้องการของเธองั้นเหรอ  ยังไงก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องฝั่งมัธยมปลาย  นี่คือผลสรุปที่ได้จากการพูดคุยกับชิคิซัง  ตอนนี้ต้องจดจ่ออยู่กับการปลดปล่อยระดับมัธยมต้น  อย่าเอาข้อมูลไร้สาระ มาปะปนจนทำให้เสียงานจะดีกว่า  ความคิดของผมและชิคิซังต่างก็ตรงกัน  ตอนนี้ทำตามที่เธอบอกก็ได้ 「แนวคิดนั่น ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกันนะ」  ในความเป็นจริง ผมก็ไม่ได้คิดจะตั้งชื่อว่า『รวมตัวที่อาคารเรียนศิลปะ』อยู่แล้ว  เพราะถ้าตั้งชื่อแบบนั้น แล้วเข้านั่นมาพบเห็นเข้าล่ะก็ คงไม่ค่อยบันเทิงเท่าไหร่  ถ้างั้น หากถามว่าจะใช้สิทธิการตั้งชื่อแบบไหนให้ได้ประโยชน์สูงสุดล่ะก็…… 「ดังนั้น หนูจึงอยากตั้งชื่อน่ะ ใช้เพื่อตัวหนูเอง ได้มั้ย?」 「ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ตั้งใจจะทำอะไรล่ะ」 「อยากจะส่งข้อความ ไปหาพี่ชาย หากยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็นะ ถ้าพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ ก็อยากจะบอกเค้าว่า หนูยังมีชีวิตอยู่นะ แค่นั้นเอง」  อ๋า ผมพยักหน้ารับรู้  ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ สำหรับพวกผมแล้วไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย  แต่สำหรับเธอแล้ว เป็นสิ่งที่สำคัญมาก  ปัญหามีจุดเดียวเท่านั้น  กรณีที่พี่ชายของเธอกลายเป็นศัตรู เท่านั้นแหละ  มิอะจะเลือกอยู่ฝั่งไหน ผมไม่คิดจะถามออกไปหรอก  ยังไงๆ จังหวะที่ใช้สิทธิการตั้งชื่อออกไป ก็เป็นการบอกคนอื่นไปทั่วแล้วว่าใครมาถึงเลเวล10แล้ว 「ถ้างั้นก็ ตั้งชื่อให้หน่อยแล้วกัน」 「อืม」  มิอะก้มหน้าลงใช้ความคิด ไม่นานก็เงยหน้าขึ้น 「เอาง่ายๆเป็น『Mia Vender』」 「จะดีเหรอ เอาชื่อของตัวเอง」 「พี่ชายเป็นพวกบากะอยู่แล้ว สื่อไปถึงแน่นอน」  อืม อย่าพูดเหมือนเชื่อมั่นว่าพี่ชายจะเป็นคนบ้าแบบนั้นสิ  ก็นะ ความเป็นไปได้ที่พี่ชายคนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ก็……ไม่ค่อยมีหรอกมั้ง  ชื่อมิอะเป็นชื่อที่แปลกอยู่แล้ว ถ้าพี่ชายยังมีชีวิตอยู่และมีเวลเวลถึง10ล่ะก็ คงจะเข้าใจสิ่งที่มิอะต้องการจะสื่อไม่ผิดแน่  ความรู้สึกที่อยากจะส่งข่าวให้คนที่มีสายเลือดเดียวกันรับรู้นั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจหรอกนะ  ถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเธอล่ะก็ ปล่อยให้ทำตามใจก็ได้  คิดพลาง พิมชื่อเฉพาะที่คิดขึ้นมาใส่Notebook 「ถ้างั้นก็ ขอถามอีกครั้ง จะเอายังไงกับเจ้า Mia Venderนี่ดี」 「อืม พอลองคิดดูดีๆ เหมือนกับหนูกลายเป็นคนขายของเลยนะ」 「ไม่ได้คิดมาก่อนเหรอเฮ้ย」  เผลอตบมุกไปโดยไม่ตั้งใจซะแล้ว

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้