Boku wa Isekai de Fuyo Mahou บทที่ 45 แผนการปลดแอกอาคารเรียนหลักมัธยมต้น 5

ห้องแรกสุดที่พบเมื่อขึ้นมายังชั้น2  ผมกับมิอะเข้ามา ในจุดที่อริสกับทามากิเพิ่งจะต่อสู้เสร็จไปเมื่อกี้  จากการต่อสู้เมื่อกี้ ทำให้Invisibilityของอริสกับทามากิหายไป แต่Silent・Fieldยังแสดงผลอยู่  ตอนที่ร่ายเวทมนตร์นี้ใส่ เวทลมของมิอะอยู่ในแรงค์3 ดังนั้นระยะเวลาแสดงผลจึงอยู่ที่3นาทีถึง4นาทีครึ่ง  หากร่ายInvisibilityให้ในตอนนี้ ก็สามารถจัดการห้องถัดไปได้สบายๆ เวลาเหลือเฟือ  ยังไงๆในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ก็คือInvisibilityหมดฤทธิ์กะทันหัน  หากต้องร่ายใหม่อีกครั้ง จะต้องสูญเสียMPไปเยอะมาก  แต่ว่า การเคลื่อนไหวแบบลับๆนี่แหละ คือจุดสำคัญของแผนการนี้  ตอนนี้จะต้องไปให้ได้มากที่สุด ไม่ต้องมางกMPเลย  นี่คือบทสรุปของการพูดคุยกันที่ห้องสีขาวก่อนหน้านี้  มิอะปรากฏตัวออกมา ร่ายInvisibilityให้อริสกับทามากิ  รู้สึกได้ว่าอริสกับทามากิออกไปยังทางเดินแล้ว  ถึงจะไม่เห็นร่องรอยและไม่ได้ยินเสียง แต่ว่าไงดีล่ะ เหมือนได้กิล่นจางๆ ที่ถูกสายลมพัดมา……น่าจะนะ  ไม่สิ อาจจะคิดไปเองก็เป็นได้  ในความเป็นจริง เวทซัพพอร์ทแรงค์3 มีเวทมนตร์ที่ชื่อว่าSee・Invisibilityอยู่  เป็นเวทมนตร์ที่ทำให้เห็นสิ่งที่ล่องหนอยู่ได้น่ะ  หากร่ายเวทมนตร์นี้ใส่ล่ะก็ จะสามารถมองเห็นอริสกับทามากิในตอนนี้ได้แน่นอน แต่ว่า……  สำหรับครั้งนี้ เพื่อให้คุ้นเคยกับสภาพล่องหน จึงกำหนดไว้ว่าจะไม่ใช้  ผมเอง ก็อยากจะตรวจเช็คให้แน่ใจว่าร่องรอยของทุกคนหายไปแน่นอนด้วยเหมือนกัน จึงไม่ใช้กับตัวเอง  หลังจากนี้ หากคุ้นเคยแล้วล่ะก็ คิดว่าอาจจะใช้See・Invisibilityตอนดำเนินการอยู่  เอาล่ะ ผมปล่อยอีกาออกไปบนทางเดิน ให้มันช่วยสำรวจสภาพการณ์  อีกายกปีกขึ้นมาข้างหนึ่ง  สัญญาณบอกว่าแผนการสำเร็จน่ะ  พอลองออกไปที่ทางเดินดู ก็พบว่าออร์ค3ตัวที่ทำหน้าที่เฝ้ายามที่ทางเดิน ถูกจัดการจนหมด ล้มลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว  ไม่มีวี่แววของอริสกับทามากิ  คิดว่า คงจะพุ่งเข้าไปจัดการห้องข้างๆล่ะมั้ง  ฉลาดมาก  จากนี้ไปตัวตัดสินแพ้ชนะคือเวลา  หากออร์คในห้องเรียนชะเง้อออกมาดูทางเดินล่ะก็ จะรู้ได้ทันทีว่ามีผู้บุกรุก……  โอ๊ะ  พวกผมวาร์ปมาที่ห้องสีขาว  อริสเลเวลอัพน่ะ         ※  ห้องสีขาวที่มีMia Venderตั้งอยู่ตรงกลาง  ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้เลย  อริสกับทามากินั้น ดูเหมือนว่าจะจัดการออร์คในห้องเรียนข้างๆไป3ตัว  แล้วยังมีออร์คอีก3ตัวอยู่ในห้องนั้น  เลเวลอัพระหว่างที่กำลังต่อสู้งั้นเหรอ 「แล้วก็นะ มีเด็กผู้หญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยล่ะ」  ทามากิพูดขึ้นมา  สีหน้าดูไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่ก็หมายความว่า อยู่ในสภาพที่โหดร้ายมากเลยอย่างนั้นสินะ  อาจจะอยู่ในสภาพที่ร่อแร่ๆใกล้ตายแล้วก็เป็นได้  พวกเธอน่ะ ยังมีชีวิตรอดแบบนี้จะมีความสุขรึเปล่า หรือว่าการมีชีวิตรอดคือความทุกข์กันล่ะ  ไม่รู้หรอก  พวกผมน่ะ แค่เข้าไปช่วยชีวิตพวกเธอ หากยังมีความหวังก็เอามาใช้งานในฐานะกำลังรบ มันก็เท่านั้นเอง  อย่าทำอะไรโหดร้ายแบบนั้นสิ งั้นเหรอ  แต่ว่านะ หากคิดถึงเรื่องราวหลังจากนี้ นี่แหละคือกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว  อย่างน้อยที่สุด ผมกับชิคิซัง ก็ขอเป็นผู้รับผิดชอบแผนการอันโหดร้ายนี้เอง  ตัดสินใจไปอย่างแน่วแน่แล้ว 「กี่คนล่ะ」 「อย่างน้อยก็2……บางที 3คน」  เยอะนะ  ไม่สิ มีคนรอดชีวิตแบบนี้ผมก็ดีใจเหมือนกัน 「ถ้ากลับไปที่เดิมแล้วล่ะก็ อริส ใช้HealกับCure・Mindให้พวกเธอก็พอ เสร็จแล้วรีบวิ่งไปห้องถัดไปเลย」 「เข้าใจแล้วค่ะ ก่อนที่Silent・Fieldจะหายไป สินะคะ」 「อื้ม ส่วนหลังจากนั้นน่ะ ผมจะจัดการเอง」 「ค่ะ อะ อาโน แต่ว่า」  อริสหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งมองผม 「จะไป จ้อง ร่างเปลือยของผู้หญิงมากๆไม่ได้นะคะ」 「รับทราบขอรับ」  ผมโค้งตัวลงไปแบบนอบน้อมสุดชีวิต  โดนดูออกแบนี้ ก็ช่วยไม่ได้หรอก  ไม่เป็นไรหรอก อริสตอนหึงหวงก็น่ารักเหมือนกัน ให้โกรธบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรนิเนอะ  ตัวผมนี่ไม่เอาจริงเอาจังเลยน๊า  อืม หากสภาพการณ์แบบนี้ยังดำเนินต่อไป ความรู้สึกคงจะกลายเป็นด้านชาล่ะมั้ง  ถึงอย่างนั้น แทนที่จะปิดผนึกอารมณ์เอาไว้ สู้หัวเราะออกมาดีกว่าถึงจะดูไม่จริงจังก็เถอะ  พวกผู้ประสบภัยมีโอกาสเปลี่ยนแปลง  แต่พวกผมน่ะ ไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงแล้ว  สำหรับโลกแห่งนี้ ผู้คนไม่มีความเสมอภาคกันหรอก  แม้กระนั้น อริสก็ยังดูอารมณ์ไม่ดีอยู่นิดหน่อยอยู่ดี 「คาซึซัง อีกข้อหนึ่ง」  ทามากิพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน 「ผ้าม่านของห้องเรียนน่ะ ไหม้เป็นเถ้าถ่านเลย」 「หมายความว่ายังไง」 「อืーม ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่รู้สึกเหมือนโดนเผาน่ะ แล้วก็ คิดว่าบางทีอาจจะเป็นคุณครูด้วยล่ะ……มีศพที่ไหม้เกรียมอยู่ศพหนึ่งอ่ะ」  ไหม้เกรียม?  พวกออร์คเล่นรอบกองไฟกันงั้นเหรอ?  ผมนึกถึงCamp・Fireที่อยู่ในสนามโรงเรียน  อืーม ไม่เข้าใจแฮะ  เอาเป็นว่า ต้องลองไปดูสถานที่จริงก่อน  โชคดี พวกออร์คที่อยู่บนทางเดินนั้น อริสกับทามากิจัดการไปเรียบร้อยแล้ว  ไม่จำเป็นต้องกลังว่าจะถูกพวกออร์คพบเห็นในทันที  คนที่เลเวลอัพในครั้งนี้ก็คืออริส ซึ่งผมให้เธอเก็บสกิลพอยท์เอาไว้ก่อน  อยากจะให้อัพสกิลการใช้หอกเป็นแรงค์5ให้ได้โดยเร็วที่สุด อริส:เลเวล10 การใช้หอก4/เวทรักษา3 สกิลพอยท์4         ※  กลับมายังที่เดิม  ผมเข้าไปเก็บคริสตัลสีแดงที่หล่นอยู่บนทางเดิน  มิอะก็ช่วยเก็บด้วยเหมือนกัน  ในจังหวะที่เก็บคริสตัลทั้งหมดเสร็จแล้ว อริสก็ออกมาจากห้องข้างๆพอดี  เก็บกวาดออร์คในห้องเรียบร้อย การรักษาหญิงสาวที่ช่วยเอาไว้ได้ก็เรียบร้อยด้วยเหมือนกัน  Silent・Fieldยังคงแสดงผลอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงได้แค่พยักหน้าให้กันเท่านั้น  ผมกับมิอะ เข้าไปในห้องเรียนข้างๆนั้นสลับกับพวกอริส  ผ้าม่านของห้องเรียนนั้น ไหม้เป็นเถ้าถ่านจริงๆด้วย  กลิ่นไหม้ยังคง หลงเหลืออยู่นิดหน่อย  นอกจากกลิ่นเหม็นชวนคลื่นไส้แล้ว ผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลย  ส่วนลึกของห้องเรียน มีศพของผู้ชายที่ไหม้เกรียมกองอยู่  ข้างๆนั้น คือศพของนักเรียนชาย4คนที่คอหักไปในทิศทางที่น่าเหลือเชื่อ  มุมลึกด้านตรงข้ามกับจุดนั้น คือหญิงสาวที่ไม่มีอะไรปกคลุมร่างกายเลยทั้งหมด3คน  อริสคงจะใช้เวทรักษาช่วยไปแล้วล่ะมั้ง พวกเธอไม่มีบาดแผลภายนอกหลงเหลืออยู่เลย  ถึงจะดูหนอะหนะไปด้วยแยมของพวกออร์คก็เถอะ  อริสน่าจะใช้Cure・Mindไปแล้ว แต่ภาพที่ผมเห็นนั้น พวกเธอไม่มีทีท่าจะปกปิดร่างกายของตัวเองเลย  กับพวกเธอแล้ว พวกผมในตอนนี้ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย  ต้องอดทนเอาไว้ จนกว่าพวกชิคิซังจะย้อนกลับมา  ใช้MPไปกับSummon・Clothes ก็ไม่ต่างกับการเสียเปล่า  ช่วงเช้าน่ะ หากใช้MPไปโดยไม่วางแผนให้ดี จะกลายเป็นตัวนำพาอันตรายมาให้ในภายหลัง  ไม่อยากจะซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว  แต่ว่านะ โชคดีที่ทุกคนยังมีอวัยวะครบ32  หากโดนตัดแขนหรือขาไปล่ะก็ จะให้มาเป็นกำลังรบให้คงจะยาก  หากใช้เวทรักษาแรงค์4 Cure・Deficitล่ะก็ มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถฟื้นฟูอวัยวะส่วนที่หายไปได้อยู่แค่ว่า……  เวทรักษาของอริสอยู่ที่แรงค์3เท่านั้น  เวทมนตร์นี้คงไม่สามารถใช้ได้ในเร็วๆนี้หรอก  เอาเป็นว่าเรียกหมาป่าขนเทา2ตัวที่อัญเชิญมาก่อนแล้วมาที่ห้องนี้ แล้วให้พวกมันรอก็แล้วกัน  ให้มาเป็นผู้คุ้มกันพวกผมน่ะ  แต่ทว่า เหล่าหญิงสาวเมื่อเห็นร่างของหมาป่ากลับตัวสั่นกันหมด  อ่าー、นั่นสินะ กลัวสินะ  ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าพวกเธอส่งเสียงร้องล่ะก็ลำบากแน่  ตอนนี้Silent・Fieldยังแสดงผลอยู่ ผมจึงขยับท่าทางส่งสัญญาณบอกพวกเธอว่าหมาป่าพวกนี้ไม่มีอันตรายนะ  อะไรแป็นอะไรก็ไม่รู้แล้วตอนนี้  ยังไงดีล่ะ อย่างกับ คนบ้าเลยนะ ตัวผม  พอหันไปมองดูข้างๆ มิอะกำลังกลั้นขำอยู่  ยัยบ้านี่  ช่วยไม่ได้  ผมรอจนSilent・Fieldหายไป ใช้คำพูดอธิบายอย่างรัดกุม ว่าหมาป่าขนเทาพวกนี้เป็นพวกเดียวกัน  ให้ตายสิ มองดวงตาใสซื่อของหมาน้อยพวกนี้แล้ว จะมาตัวสั่นกลัวอะไรกันล่ะห๊ะ  ……ไม่สิ กลัวอยู่แล้วล่ะ  อื้ม ขอโทษครับ  ระหว่างที่คิดอยู่นั้น หญิงสาวพวกนั้นก็พากันส่ายหัว 「คิดว่าเป็นสุนัขประหลาดที่พาพวกหมูนั่นมาน่ะ……」 「เดี๋ยวก่อนนะ นั่นน่ะ」  ขณะที่ผมคิดจะก้าวเข้าไปหาผู้หญิงกลุ่มนั้น มิอะก็จับแขนเสื้อผมเอาไว้ 「คาซึจิ ไม่สุภาพบุรษเลย หันไปข้างหลัง」 「อิย๊า คือว่า」  เธอน่ะเมื่อกี้ ยังหัวเราะขำขันตอนเห็นผมเล่นไม้เล่นมือส่งสัญญาณอยู่เลยแท้ๆ 「อริสจิน มองอยู่นะ?」  ผมรีบหันหลังกลับทันที ที่ตรงนั้นมีอริสซึ่งมีใบหน้าเศร้าๆยืนอยู่ตรงประตู  ดูเธอจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ 「คาซึซัง ห้องเรียนทั้งหมด ไปดูมาแล้วล่ะ Elite2ตัว ลูกกระจ๊อก9ตัว จัดการหมดไปแล้ว คนที่รอดอยู่มีแค่เด็กคนนี้คนเดียว」  ทามากิแบกเด็กผู้หญิงกึ่งเปลือยไว้บนหลัง  อย่างนี้นี่เอง เธอคือผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของชั้น2สินะ 「แล้วก็ ท่าทางของคาซึซังเมื่อกี้ทำให้อริสอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา」  รู้แล้วเฟ้ย  อ๋า ปัดโธ่เอ๊ย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ「สุนัขประหลาด」ที่พวกเธอพูดถึงเมื่อกี้แท้ๆนะ  เจ้าตัวนั้นน่ะ จะต้องเป็น「เจ้านั่น」ที่มองเห็นตอนใช้Remote・Viewingแน่ๆ  สัตว์ที่ตัวใหญ่กว่าหมาป่าขนเทา ซึ่งอยู่ข้างๆGeneral・Orc 「เจ้าสุนัขตัวใหญ่นั่น เป็นตัวแบบไหนเหรอ」  ผมหันหลังให้กับพวกผู้หญิงที่เปลือยอยู่ พร้อมถามคำถาม  ถึงจะไม่เห็นท่าทางของพวกเธอ แต่ก็พอจะเข้าใจถึงสภาพที่พวกเธอยิ้มแห้งๆกันได้  อืม ก็นะ อย่างน้อยถ้ายังยิ้มได้ก็ยังนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี 「สุนัขสีดำ พ่นไฟออกมาจากปากได้ แล้วก็ อาโน มันเผาคุณครู……」  เปลวเพลิงจากปาก?  ถ้าพูดแบบเกม Breathงั้นเหรอ?  ไม่สิ ออร์คเองก็เป็นพวกสัตว์ประหลาดอยู่แล้วด้วยนี่  ต่อให้มีมอนสเตอร์ที่เคยงัดกันมาก่อนในเกมRPGตัวอื่นโผล่ออกมาตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  สักวัน พวกนั้นก็คงจะปรากฏตัวออกมาล่ะนะ คิดว่า  เหตุผลที่ผมคาดการณ์ถึงการปรากฏตัวของศัตรูพวกนั้น มีอีกอย่างหนึ่ง  เวทซัพพอร์ทแรงค์4 มีเวทมนตร์ที่ชื่อว่าResist・Elementอยู่  เวทมนตร์นี้ จะทำการเลือกคุณสมบัติดิน น้ำ ลม ไฟ สักอย่างหนึ่งร่ายให้เป้าหมาย ซึ่งส่งผลให้การโจมตีที่ได้รับจากธาตุที่เข้าข่ายถูกลดดาเมจลงไป  การโจมตีธาตุมันอะไรกันเล่า  นี่มันจะเป็นRPGไปถึงไหนเนี่ย บ้าเอ๊ย  แต่จะว่าไป แบบนั้นน่ะ ก็หมายความว่าจะมีการโจมตีพรรค์นั้นอยู่อย่างนั้นสินะ  นี่คือคำสบถที่ผมพ่นออกมาตอนอ่านคำอธิบายที่Notebook  แถมอีกหน่อย ผมเห็นมันเมื่อวานนี้น่ะ เพราะงั้นในตอนนั้น อริสจึงหัวเราะอย่างลำบากใจข้างๆผมที่กำลังงุนงง 「Hellhound……หรือว่าCelberos?」  มิอะพึมพำ  อ้า จะว่าไปในเกมRPGก็มีมอนสเตอร์พวกนั้นอยู่ด้วยนี่นะ  เป็นสุนัขสีดำ เพราะงั้นก็น่าจะเป็นHellhoundล่ะมั้ง  อืม เจ้าCelberosดูท่าจะแข็งแกร่งด้วยสิ ลุ้นให้เป็นHellhoundแล้วกัน  ถึงจะเลือกที่มอนสเตอร์ที่ดูอ่อนแอ แต่ยังไงความแข็งแกร่งของศัตรูก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรอก 「เอาเป็นว่า ให้เจ้านั่น เป็นHellhoundก่อนนะ」 「อืม ท่าจะแย่ คาซึจิ เอายังไง?」  ผมคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง  ถ้ามัวชักช้าอืดอาดล่ะก็ อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่  ว่ากันตามตรง จะให้รับมือกับGeneralกับHellhoundพร้อมกันมันก็……  รู้สึกจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นา  ถึงอย่างนั้น ในสภาพความเป็นจริง ทั้งคู่ก็อยู่ในสถานที่เดียวกัน  ไม่มีแผนไหนเลยที่จะแยกพวกมันออกจากกันได้  เมื่อเป็นแบบนั้นก็…… 「ต้องถอย ล่ะมั้ง」  ผมพึมพำ มองมิอะ  มิอะ「อืม」พร้อมกับพยักหน้า  ไม่มีอะไรจะพูดเลย งั้นเหรอ  ที่เหลือก็อริสกับทามากิ……  เสียงของชิคิซังดังขึ้นมาจากอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย  ดูเหมือนว่าพวกเธอจะวกกลับมาถึงจุดที่ใกล้กับอาคารเรียนหลักแล้ว 「Nice Timing」  ผมพูดขึ้น

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้