True Martial World บทที่ 19 แข็งแรง

หม้อน้ำขนาดเท่ามนุษย์ ถูกจัดตั้งไว้ที่ลานตากธัญพืชของเผ่าเหลียน หม้อน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำ หลี่ฮั่ว น้ำหลี่ฮั่ว ถูกซื้อมาจากชนเผ่าใหญ่ มันมีพลังแห่งไฟอยู่ในตัวเอง อุณหภูมิปกติของมันอยู่ที่ 500 องศาเซลเซียส ถูกใช้เป็นพิเศษสำหรับการกลั่นกระดูกเดียวดาย ฟืนถูกซ้อนกันอยู่ภายใต้หม้อน้ำขนาดใหญ่เป็นพิเศษ มันเป็นฟืนสีม่วง ลักษณะของมันโค้งงอ แต่ละท่อนเหมือนงูตากแห้งเก่าๆ แม้ว่าฟืนม่วงจะมองไม่น่าประทับใจ แต่พวกมันก็มีราคาแพง ฟืนม่วงมีไฟพิเศษอยู่ในนั้น เปลวไฟที่ได้จากฟืนสีม่วงสามารถเผาไหม้ได้ตลอดวัน สามารถต้มหม้อน้ำขนาดใหญ่ๆได้หลายใบ เผ่าเหลียนได้ตระเตรียมไว้เป็นเวลานานแล้วเพื่อวันนี้ แม้พวกเขาไม่เต็มใจที่จะใช้มัน ฟืนหนึ่งท่อนก็ต้องถูกใช้ในหนึ่งวัน พร้อมกับที่ไฟเริ่มเผาไหม้ ฟืนม่วงพ่นเปลวไฟสีม่วงเข้มออกมาอย่างเงียบสนิท ให้อุณหภูมิสูงมากในระดับที่พอจะละลายหิน! ภายใต้เปลวไฟสีม่วงเข้ม น้ำหลี่ฮั่วในหม้อเริ่มเดือด! ผู้ควบคุมการต้มกลั่นกระดูกเดียวดายคือ หัวหน้าเผ่าเหลียน ซึ่งเป็นปู่ของ เหลียนเฉิงอยู่ ด้วยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เขาจึงตัดสินใจที่จะทำมันเอง “นำกระดูกเดียวดายลงไป!” หัวหน้าเผ่าออกคำสั่งเมื่อน้ำถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม ชาวบ้านร่างกำยำจำนวนหนึ่งแบกหีบไม้ใบใหญ่ออกมา ยกกระดูกเดียวดาย ก่อนที่จะทิ้งมันลงไปในหม้อขนาดใหญ่! หัวหน้าเผ่ามองไปที่ฟองอากาศในหม้อด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตามธรรมดาการกลั่นกระดูกเดียวดาย ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติจะทำได้ บุคคลที่เชี่ยวชาญในการกลั่นกระดูกเดียวดาย ที่รู้จักกันในนาม ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดายยืนอยู่ฐานะของผู้ทรงเกียรติสูงสุด! พวกเขามีความสามารถในการสกัดกลั่นแก่นพลังในกระดูกเดียวดาย ที่เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายเฝ้าฝันและปรารถนา-ธาตุกระดูกเดียวดาย โครงกระดูกที่พบบ่อยของกระดูกเดียวดาย หนักประมาณ 10,000 จิน แม้จะรู้กันว่า มีพลังงานมหาศาลถูกกักเก็บไว้ในกระดูก มนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะบริโภคกระดูกจำนวนมากได้ หากพวกเขาฝืนทำ มันก็ยังยากที่จะย่อย! พลังงานภายในกระดูกเดียวดาย ดูดซับไม่ได้ง่าย แม้จะบริโภคกระดูกเดียวดายเป็นจำนวนมาก แต่ประสิทธภาพที่ได้ก็น้อยกว่า 10% แต่หากรับการกลั่นโดย ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย ให้เป็นธาตุกระดูกเดียวดาย ที่มีขนาดเล็กเท่าลำไย หรือ แม้กระทั่งเท่าเมล็ดถั่ว ผู้มั่งคั่งก็จะกิน 7-8 เม็ดต่อวัน ได้อย่างง่ายดาย หลังจากได้รับการกลั่นโดย ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย แก่นพลังจะถูกดูดซับได้ง่าย เมื่อผู้ฝึกยุทธ ได้เข้าสู่ระดับที่มั่นใจได้ว่าสามารถป้องกันไม่ให้ร่างกายระเบิดจากพลังที่มากล้นเกินไป แล้วเขาก็จะสามารถย่อยธาตุกระดูกเดียวดายได้ในที่สุด ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย ผู้สามารถกลั่นกระดูกสัตว์อสูรรกร้างระดับสูงได้ เป็นผู้ที่เหล่าผู้ทรงอำนาจมหาศาลต่างแย่งชิง! มีเรื่องเล่าลือกันว่า อาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ ให้การอบรมปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย ความสุขที่ได้จากสถานะและศักดิ์ศรี ไม่ได้เป็นอะไรที่คนธรรมดาสามารถจินตนาการได้ สัตว์อสูรรกร้างในโลกใบนี้มีหลายระดับ บางตัวสามารถเปิดเจ็ดสมุทร ทะลวงภูผา กระดูกสัตว์อสูรรกร้างเหล่านั้น ยากที่จะกลั่น เป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดา! มีเรื่องเล่าลือกันว่า ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย ได้เข้าสู่ขอบเขตที่ไม่อาจจินตนาการได้ ของการกลั่นกระดูกของสัตว์อสูรโบราณ-คิเมียร่าม่วงทอง ที่ต้องใช้เวลา 12 ปี 12 ปีของการกลั่นกระดูกเดียวดายกับตัวตนอันลึกลับ ทำให้ตำนานมีเสน่ห์มากขึ้น มีผู้บอกว่า การกลั่นที่เกิดขึ้นจะทำให้รัศมีพันไมล์ กลายเป็นทะเลทราย แม้แต่ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดายก็มีราคาที่ต้องจ่ายในการกลั่นธาตุกระดูกเดียวดาย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ธาตุกระดูกของคิเมียร่าม่วงทอง ถูกใช้เพื่ออะไรมีเรื่องเล่าลือต่างๆนาๆ บางคนกล่าวว่ามันถูกใช้เพื่อช่วยชีวิตของใครบางคน สำหรับเรื่องใครเป็นผู้ใช้นั้น มีเรื่องเล่าต่างกันเป็นโหล แต่ละเรื่องก็ใช้การคาดเดา อาทิเช่น ลูกสาวของปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย คนรักของเขา ศิษย์ของเขา ฯลฯ เรื่องเล่าลือเพียงผนึกสถานะของ ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดายไว้ในจิตใจของพวกเขา เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตำนานที่เล่าต่อกันมาจึงมีรายละเอียดปลีกย่อยประกอบอยู่ด้วย เป็นที่เข้าใจได้ เพราะมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้คนที่ต้องเอาชีวิตรอดในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ ต้องการจะได้สักการะปรมาจารย์ ที่พวกเขาไม่รู้จัก เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก จากเรื่องเล่าของตำนาน สำหรับเผ่าเหลียน เผ่าขนาดเล็กเสมือนมดตัวน้อย ย่อมไม่มีความสามารถจ้างวาน ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดายได้ แม้แต่ปรมาจารย์สวรรค์เดียวดายระดับต่ำสุด ก็เป็นคนที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะมอง เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาจึงใช้วิธีการดั้งเดิมในการกลั่นกระดูกเดียวดาย โชคดีที่ราคาของกระดูกเดียวดาย ที่พวกเขาจะกลั่นนั้นต่ำ แม้วิธีการดั้งเดิมจะสามารถรวบรวมแก่นพลังกระดูกเดียวดายได้ประมาณ 50-60% นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเหลียนเฉิงอยู่ การกลั่นกระดูกเดียวดายทำกันทั้งวันทั้งคืนไม่มีหยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน ใครสักคนคงได้เห็นแสงสว่างสีม่วงอันลึกลับจากฟืนม่วงในจุดที่ไม่มีสิ่งกีดขวางสายตาในหมู่บ้าน ในขณะที่ชนเผ่าเหลียนกำลังยุ่งอยู่กับการกลั่นกระดูกเดียวดาย อี้หยุนก็ไม่ได้นั่งว่าง เขาทำการฝึกทั้งกลางวัน กลางคืน มีไม่กี่คนที่เข้าไปยังหลังภูเขาของเผ่าเหลียน มันจึงเป็นสถานที่เหมาะมากสำหรับฝึกตนของอี้หยุน 5วันแล้วที่ อี้หยุนฝึก “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” “ปัง!” “ปัง!” หมัดที่ปล่อยออกไปของอี้หยุน แต่ละหมัดมาพร้อมกับหางเสียงของสายธนู คล้ายจังหวะการเต้นของหัวใจ เขาทำลายต้นไม้ด้านหลังต้นที่ชกไปด้วย เลือดหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเส้นเลือดที่หมัดและแขนโปนออก “ยะ!” อี้หยุนคำราม และส่งหมัดไปที่ก้อนหินด้านหน้า “ย๊ากกก!” ก้อนหินทะลายลง เส้นเอ็นของอี้หยุนเข้าสู่ประสิทธิภาพสูงสุดของมัน! “ซู่ ซู่ ซู่” สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฝูงนกในป่าแตกตื่นบินขึ้นฟ้า ในขณะที่พวกมันบินออกไปทำให้ใบไม้ร่วงปลิดปลิวลงมาบนใบหน้าของอี้หยุน อี้หยุนรู้สึกอิ่มเอิบ มันเหมือนกับว่าพลังงานทั้งหมดในร่างกายเคลื่อนย้ายผ่านร่าง สดชื่นอย่างอธิบายไม่ถูก! ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงขั้น ศรอัศจรรย์ปักษาร่วง ของ หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์ 18 ท่า แต่ทำให้นกตกใจบินจากต้นไม้ได้ ก็เป็นความคืบหน้า ความแข็งแกร่งของอี้หยุนยังคงไม่เพียงพอ เขาสามารถทำได้ประมาณ 600 จิน หากเขาไปถึงความแข็งแรงของหลายหม้อน้ำหรือแม้กระทั่ง 10,000 จิน แล้วก็จะทำให้ฝูงห่านตกใจตกลงจากท้องฟ้า ก็ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้! แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีความแข็งแรง 600 จิน พยัคฆ์ดุลงเขาของอี้หยุน เมื่อปล่อยออกมาก็มีพลังมากกว่า 600 จิน! พยัคฆ์ดุลงเขา เส้นเอ็นดั่งสายศร จุดสำคัญคือการจัดเก็บพลังงานที่มีศักยภาพ ก่อนที่จะยิงหมัดออกไป เช่นนั้นหมัดจะมี 10,000 จินของความแข็งแกร่ง มากพอที่จะทำลายหัวเสือ อี้หยุนหลับตาที่แสดงความพึงพอใจลง เขารู้สึกพลังงานที่เคลื่อนผ่านร่าง ให้ความสบายเป็นอย่างยิ่ง ลมหายใจของเขาเริ่มกลายเป็นยืดยาวและละเอียดอ่อนอย่างมาก ความเร็วของการไหลเวียนเลือดในร่างกายของเขาเริ่มแสดงการเปลี่ยนแปลง โอ้...นี่มัน อี้หยุนมองไปที่มือทั้งสองข้าง เส้นเลือดที่โป่งออกมาได้หายไป ขณะที่ลมหายใจสงบลง อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงมาก อี้หยุนตระหนักถึงบางอย่าง แล้วกระโดดลงบนเท้า (อาการกระโดดอยู่กับที่) เขาสูดลมหายใจลงลึก ก่อนจะปล่อยออกมา ปล่อยตกแล้วพุ่งแทงออก ก่อนที่จะหมุนตัวบินออกไป “ฟิ๊ว!” หมอกควันสีขาวพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกธนู เป็นระยะทาง 6 เมตร “ขอบเขตประกาศศักดา” “ข้าเข้าสู่ขอบเขตประกาศศักดาแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธระดับประกาศศักดา มีลมหายใจลึกยาวเชื่องช้า แต่การเต้นของหัวใจแข็งแรงยิ่ง ความแตกต่างอันยิ่งใหญ่จากผู้ฝึกยุทธระดับแข็งแกร่งคือ ความอดทนของผู้ฝึกยุทธระดับประกาศศักดา เขาสามารถต่อสู้ได้เป็นเวลานานและสามารถโจมตีได้จากระยะไกล ตัวอย่างเช่น กองทัพของผู้ฝึกยุทธระดับประกาศศักดาเดินทางหลายร้อยไมล์ต่อวันสู่สนามรบ เสร็จสิ้นการรบด้วยการจู่โจมจากพันไมล์ มันเป็นการผ่านสู่ระดับประกาศศักดาโดยธรรมชาติ ร่างกายของอี้หยุนได้เข้าสู่อีกระดับของการฝึกฝน “ตั้งแต่มาถึงโลกใบนี้ ข้าฝึกวิชายุทธจริงๆแค่ 5 วันเท่านั้น ข้าถึงระดับ 2 ของโลหิตมนุษย์ได้ใน 5 วัน ในขั้นโลหิตมนุษย์นี้ ทุกขั้นเป็นเพียงพื้นฐานของการฝึกวิชายุทธ ระดับต่อจากนี้ก็ยังไม่รู้จัก ถ้าอย่างนั้นผู้เยี่ยมยุทธในอาณาจักรไทอา พวกเขาอยู่ในระดับไหน?” ด้วยยันต์ผลึกม่วง พลังงานที่จำเป็นในการบ่มเพาะไม่ใช่ปัญหาที่เป็นปัญหาคือ วิธีจะลวงเอาเคล็ดวิชาการบ่มเพาะ หากไร้ซึ่งเคล็ดวิชาเป็นแนวทาง เขาก็จะเหมือนพ่อครัวที่มีเครื่องปรุงที่ดี แต่ไร้ซึ่งทักษะการทำอาหารใดๆ เขาคงไม่สามารถที่จะปรุงอาหารดีๆขึ้นมาได้ “เข้าสู่ระดับประกาศศักดาแล้ว ต้องลองพยายามเข้าระดับสาม ด้วย 'หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์' ” อี้หยุนพูดกับตัวเอง ตอนที่เขาเห็นท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อเห็นเขารีบวิ่งลงจากเนินเขา ในเส้นทางที่ผ่านไปทางลานตากเมล็ดธัญพืช เขาชะลอฝีเท้าลง ภายใต้หม้อหนัก 1,000 จิน เปลวไฟสีม่วงเข้มกำลังลุกไหม้ในรัศมี 20 เมตรเป็นรั้วไม้สูง เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆเข้าไปภายใน เป็นเพราะรั้วไม้ อี้หยุนไม่แน่ใจในสถานการณ์ที่อยู่ภายใน เขารู้สึกถึงความร้อนสูงจากไฟมาแต่ไกล อย่างไรก็ตามแม้จะมีชั้นความร้อน อี้หยุนก็รู้สึกถึงความเย็นอันคลุมเครือที่อยู่ภายในนั้น แม้ความเย็นจะไม่เด่นชัดนัก มันเป็นความทรมาน…..

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้