True Martial World บทที่ 20 ความสงสัยของอี้หยุน

สองวันที่ผ่านมาอี้หยุนทุ่มเทกับการฝึกจนได้รับบาดเจ็บทั้งสองมือจนต้องพันมือทั้งสองข้างไว้ อี้หยุนมักลอบออกมาตอนกลางดึก แต่ก็ไม่อาจหลบลอด เจียงเเสี่ยวโหรวไปได้ “หยุนเอ๋อร์ หลายวันมานี้เจ้าทำอะไร?” “นอกจากนี้ มือของเจ้าเป็นอะไร?” นับตั้งแต่มารดาของอี้หยุนล่วงลับ เจียงเเสี่ยวโหรวก็เข้ามารับผิดชอบ อี้หยุนแทนนาง ดูแลเขาในทุกๆเรื่อง แม้แต่ในเวลาที่เขาทำผิด นางก็ไม่ตำหนิเขา แต่จ้องมองจนเขาต้องรับสารภาพความผิด วันนี้ก็เช่นเดียวกัน อี้หยุนอยากจะอ้างว่าได้รับบาดเจ็บตอนไปเก็บสมุนไพร แต่ภายใต้สายตาจับจ้องของเจียงเเสี่ยวโหรว เขาลังเลก่อนที่จะพูดความจริง “พี่เเสี่ยวโหรว ตอนกลางคืน ข้าไปฝึกวิชายุทธ บาดแผลที่มือเกิดจาก การฝึกของข้า...” เจียงเเสี่ยวโหรว ตกตะลึง ฝึกวิชายุทธ? “หยุนเอ๋อร์ ใครเป็นคนสอนวิชายุทธให้เจ้า?” “ข้าแอบเรียนมา” อี้หยุนตอบอย่างตรงไปตรงมา เจียงเเสี่ยวโหรวถึงกับหน้าเปลี่ยนสี การลักลอบเรียนวิชายุทธเป็นความผิดอันอภัยไม่ได้ นอกจากนี้การเรียนวิชายุทธ ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะไม่มีสมุนไพรและเนื้อ ก็จำเป็นต้องได้รับอาหารที่ดี ทุกๆวัน อี้หยุนเพียงกินโจ๊กข้าวและผักป่า แล้วเขาเอาแรงที่ไหนไปฝึก? เรื่องนี้เป็นเรื่องความเป็นความตาย “พี่เเสี่ยวโหรว ท่านเชื่อใจข้าไหม?” อี้หยุนคว้ามือของเจียงเเสี่ยวโหรวแล้วจ้องเข้าไปที่ดวงตาของนางอย่างจริงจัง เจียงเเสี่ยวโหรว ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนพยักหน้าอย่างลืมตัว “งั้นก็ดี หากท่านเชื่อใจข้าก็อย่าได้ถามอะไรอีก พี่เเสี่ยวโหรว ข้าจะทำให้ท่านมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต!” อี้หยุนกล่าวอย่างจริงจัง เจียงเเสี่ยวโหรวเป็นคนแรกที่เขาได้พบในโลกอันแสนประหลาดใบนี้ และเป็นคนเดียวที่ดูแลรับผิดชอบเขาด้วยชีวิตของนาง นับแต่ตอนนั้น เขาอยากตอบแทนบุญคุณของนาง เขาไม่ต้องการเพียงเปลี่ยนชะตากรรมของตน แต่ยังต้องการเปลี่ยนชะตากรรมของเจียงเเสี่ยวโหรว เจียงเเสี่ยวโหรว มองไปที่อี้หยุนด้วยท่าทางงุนงง มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ น้องชายของนางเติบโตขึ้น เขาไม่ใช่เด็กเหมือนเก่า คำพูดที่พูดออกมา ไม่ถือว่าเป็นคำพูดของเด็กทารกอีกแล้ว เขาทำงานหนักเพื่อให้ถึงจุดมุ่งหมายของเขา…. อี้หยุนเติบโตช้า เป็นเพราะคุ้นกับอาหารธรรมดาที่มี หรืออาจจะกล่าวว่า เขาไม่มีทางเลือก จึงได้แต่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าโจ๊กข้าวจะมีรสชาติเลวร้าย อี้หยุนย่อยมันได้ในทันที หลังจากเหตุ(การชำระเส้นเอ็นผลัดเปลี่ยนไขกระดูก)ที่ทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น หากไม่ได้ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียนช่วยเหลือ อี้หยุนจะอดอาหารตาย โดยไม่ต้องคิดถึงการก้าวสู่ขอบเขตประกาศศักดา อย่างไรก็ตามแม้ว่าสมุนไพรสามารถเสริมความต้องการทางโภชนาการและพลังงานของร่างกาย มันก็ไม่พอจะเทียบกับอาหารได้ รสชาติของสมุนไพรเลวร้ายยิ่งกว่าโจ๊กข้าว คืนวันที่ผ่านไป สำหรับคนเห็นแก่กินอย่างอี้หยุน สิ่งเหล่านี้เป็นความทรมาน สิ่งดีอย่างเดียวในชีวิต คือ ผักดองของเจียงเเสี่ยวโหรว มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่จะบอกว่า แม้ว่าอี้หยุนไม่ถือว่าเป็นคนร่ำรวยในโลกโน้น เขาก็มีโอกาสที่จะกินอะไร ก็ได้ที่เขาต้องการ แต่นับตั้งแต่เขาเข้ามาสู่โลกประหลาดใบนี้ เขาไม่ได้ลิ้มรส รสชาติของเนื้อ ผักดองตอนนี้คือ อาหารอันโอชะอย่างไรก็ตาม ที่แน่ๆ ผักดองของ เจียงเเสี่ยวโหรว อร่อยมาก สำหรับครอบครัวของเจียงเเสี่ยวโหรว ผักดองถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะ กับหมู่บ้านที่ไม่มีเกลือใดๆ เกลือทั้งหมดต้องซื้อมากจากชนเผ่าที่ใหญ่กว่า เกลือส่วนใหญ่จะถูกส่งไปให้เหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ พวกเขาใช้เกลือเก็บถนอมเนื้อสัตว์ จำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ถูกแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ส่วนใหญ่ถูกใช้ต้มน้ำแกงผัก การใช้เพื่อทำผักดอง ถือเป็นวิธีการที่ฟุ่มเฟือย หลังจากนั้นสองสามวัน สมุนไพรทั้งหมดของภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน ถูกเก็บจนหมดสิ้น ตอนนี้แม้มีผลึกม่วงนำทางก็ไม่พบสมุนไพรใดเลย ไม่อาจเก็บสมุนไพรได้อีก แม้แต่ต้นอ่อนของสมุนไพรยังถูกเก็บแบบถอนรากถอนโคน “เก็บสมุนไพรที่ภูเขาสมุนไพรจนสิ้น ก็ไม่ต้องคิดถึงอนาคตใดๆอีก ดูเหมือนว่าเผ่าเหลียนจะลงพนันจนหมดหน้าตัก ไม่หลงเหลือแม้แต่คุณค่าแผ่นดินที่พวกเขาอยู่ ความหวังของทุกคนอยู่ที่เหลียนเฉิงอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเหลียนเฉิงอยู่ จะได้รับเลือกเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักรไทอา ก็มีเพียงไม่กี่คนจากเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธเท่านั้นที่จะได้รับผลประโยชน์ มันเป็นไปได้ที่ชาวบ้านทั้งหมดจะถูกละเลย…..” อี้หยุนมีความรู้สึกที่ผสมปนเป นี่เป็นวิธีที่จะอาศัยอยู่ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ ทรัพยากรมีจำกัด ผู้แข็งแรงเท่านั้นที่จะได้รับ ผู้อ่อนแอต้องถูกละทิ้ง ปริมาณสมุนไพรจากภูเขาสมุนไพรที่เก็บได้น้อยลงเรื่อยๆ ชนชั้นสูงของเผ่าเหลียน หยุดการมุ่งเน้นไปที่ภูเขาสมุนไพร ความสนใจและพลังงานทั้งหมด ถูกทุ่มเทลงบนการกลั่นกระดูกเดียวดาย กระดูกเดียวดายชุดนี้เป็นความสำคัญสูงสุด ชนเผ่าเหลียนวางเดิมพันและความหวังทั้งหมดของพวกเขาลงไปที่มัน แม้แต่เหลียนเฉิงอยู่ ก็ได้วางทุกความใฝ่ฝันและความหวังของเขา ทุกอย่างกับการเดิมพันนี้ การกลั่นกระดูกเดียวดายต้องใช้เวลา 60 วัน! ในวันที่ 10 ของกระบวนการกลั่น มีสิ่งแปลกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น ชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ไปช่วยในกระบวนการกลั่นกระดูกเดียวดาย เริ่มล้มป่วย อาการเริ่มจากการไอและมีไข้ ไม่นานก็เกิดอาการท้องร่วง มีผื่นที่ผิวหนังและเกิดภาวะซึมเศร้า อาการคล้ายกับโรคไทฟอยด์ ในชนเผ่าเล็กๆในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ ผู้ฝึกยุทธจะได้รับการออกกำลังทางกายภาพที่ดี ทำให้ความต้านทานทางกายภาพแข็งแรง แต่สำหรับชาวบ้านยากจนเมื่อเจ็บป่วย มันก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเจ็บเล็กๆน้อยๆ เพราะร่างกายของพวกเขาอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ และทั้งเผ่ามีหมอเพียงคนเดียวที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาชนชั้นสูงเท่านั้น คนยากไร้ก็จะถึงแก่ความตายจากโรคความเย็นแทรกซ้อน เมื่อได้ยินข่าว อี้หยุนรู้สึกมีบางอย่างผิดปรกติ ไทฟอยด์ฟังเหมือนเกี่ยวกับความเย็น แต่มันก็เป็นจริงการติดเชื้อแบคทีเรีย อี้หยุนไม่แน่ใจว่าโรคไทฟอยด์ที่โลกประหลาดใบนี้ จะเป็นเช่นเดียวกับโลกโน้นหรือไม่ แต่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันต้องเป็นโรคติดต่อบางชนิด อี้หยุนไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ โรคติดเชื้อที่พบบ่อยมักจะแพร่กระจายผ่านทางน้ำหรืออากาศ แต่ทว่าชาวบ้านที่ไปช่วยเรื่องการกลั่นกระดูกเดียวดายถูกจำกัดขอบเขตอยู่ในบริเวณหม้อที่มีอุณหภูมิอยู่ในระดับที่สูงมาก! ภายใต้อุณหภูมิสูงและความชื้นต่ำ ไวรัสที่พบมากที่สุดยังยากจะอยู่รอด หากเป็นโรคระบาด ก็ต้องมาจากที่อื่น ไม่ได้มาจากคนที่ไปช่วยกลั่นกระดูกเดียวดาย? หรือว่าเป็นไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่ายในสภาวะที่แห้ง? สิ่งที่กำลังคิดทำให้ ใจของอี้หยุนห่อเหี่ยว เรื่องการรักษาผู้ป่วยไม่ใช่เรื่องง่าย! เมื่อมีคนห้าคนป่วย ผู้คนในเผ่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังเหลือจากการไปช่วยกลั่นกระดูกเดียวดาย ก็เริ่มตื่นตระหนก ด้วยว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น พวกเขาสามารถติดโรคได้ตลอดเวลา แม้ว่าการใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่มีใครอยากตาย โชคยังดีที่เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเหลียนมิได้เมยเฉย หัวหน้าเผ่าก้าวออกมาปลอบโยนฝูงชน และให้ยารักษาเม็ดสีแดง ยาขนาดเท่าลำไย สีแดงเหมือนเลือด ตามที่หัวหน้าเผ่าบอก มันกลั่นมาจากสมุนไพรราคาแพงมาก ยาแต่ละเม็ดคือสมบัติมีค่า หัวหน้าเผ่าให้ผู้ป่วยกลืนมันลงไปด้วยน้ำอุ่น หลังจากได้รับการรักษาด้วยยาอาการป่วยก็จะหาย วันแรกที่กินยา ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น รู้สึกมีกำลังวังชาหลังจากนอนหลับไปหนึ่งคืน ในตอนเย็นของวันที่สองพวกเขาไม่ต่างอะไรกับคนปกติ วันที่สาม พวกเขาดูดียิ่งกว่าก่อนล้มป่วยเสียอีก นอกจากนั้น หัวหน้าเผ่าได้แจกเนื้อหมักเกลือขนาดเท่าฝ่ามือให้กับชาวบ้านทุกคนที่ล้มป่วย นั่นคือเนื้อ มันเป็นอะไรที่ชาวบ้านไม่เคยเห็นมาเป็นเดือนๆ มันเป็นของขวัญชั้นดี ผู้ยากไร้จะสงวนไว้กินทีละเล็กทีละน้อย บางส่วนพวกเขานำไปมอบให้กับบุตรและภรรยาของพวกเขา ข่าวเรื่องเผ่าเหลียนแจกยาและเนื้อหมักเกลือให้แก่ผู้ป่วย ลามไปราวกับไฟไหม้ป่า ผู้คนยอมรับ สำหรับการตอบแทนที่ดีและการทำงานยากในการกลั่นกระดูกเดียวดาย บางคนยังปรารถนาที่จะล้มป่วยเพราะพวกเขาจะได้รับยาที่ทำให้มีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นและชิ้นเนื้อหมักเกลือ อี้หยุนขมวดคิ้ว เมื่อได้ทราบข่าว ยาที่สามารถรักษาโรคและทำให้พวกเขารู้สึกดียิ่งขึ้น? แม้ว่าอี้หยุนจะไม่ได้รับการอบรมทางการแพทย์มาก่อน เขาก็รู้ว่าผลกระทบที่ดีดังกล่าวหลังจากกินยา ต้องเป็นสิ่งกระตุ้นบางอย่าง ซึ่งจะต้องมีผลข้างเคียงอย่างมาก เช่นเดียวกับ สารกระตุ้นอย่างยาเสพติด และยาต้องห้ามอื่นๆ ที่ใช้เพื่อกระตุ้นศักยภาพของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อี้หยุนสงสัยเกี่ยวกับชนชั้นสูงในเผ่าที่กระจายข่าว เรื่องพวกเขาแจกยาที่ทำมาจากสมุนไพรมีค่า ชนเผ่าตระกูลเหลียนไม่เคยมีคนใจกว้าง นอกจากการแสดงความใจกว้าง พวกเขายังมีสมุนไพรมีค่าสำหรับ ในมุมมองของอี้หยุนแล้ว แม้แต่ชนชั้นสูงในเผ่าเหลียนก็ยังยากจนเกินไป นอกจากนี้พวกเขามีทรัพยากรจำกัด และได้ใช้มันทั้งหมดกับเหลียนเฉิงอยู่ แล้วพวกเขาจะเอาสมุนไพรเหล่านั้นออกมาให้ผู้ยากไร้ได้อย่างไร? แต่ในอีกวัน เผ่าเหลียนก็แจกจ่ายกากสมุนไพร เป็นกากสมุนไพรที่เหลือจากการใช้ของเหลียนเฉิงอยู่ สำหรับผู้ช่วยในการกลั่นกระดูกเดียวดาย เพื่อใช้เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย เป็นธรรมดาที่ผู้ได้รับจะรู้สึกเป็นพระคุณ...

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้