True Martial World บทที่ 22 เกณฑ์คน

ในช่วงเช้าขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องและหมอกปกคลุมป่า ...ป่าใหญ่โบราณต้อนรับรุ่งอรุณวันใหม่การเก็บสมุนไพรยุติลงแล้ว เจียงเเสี่ยวโหรวกำลังเตรียมอาหารเช้าในขณะที่อี้หยุนกำลังผ่าฟืนอยู่ที่ลานบ้าน เขาไม่ได้ใช้ขวาน แต่ผ่าพวกมันด้วยมือเปล่า! “ป้าง” เสียงไม้แตกดังชัดเจน ฟืนสะอาดถูกตัดแยกออกเป็นสอง อี้หยุนมองไปที่ฟืนที่ผ่าออกแล้วทั้งสองชิ้น แล้วพูดกับตัวเอง “ ‘หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์’ เมื่อเข้าใจจะสามารถทำลายลำต้นของต้นไม้เป็นชิ้นๆเท่าตะเกียบได้ด้วยมือเปล่า ในเวลาไม่ถึง 1 นาที หากข้าฝึกฝนอีกสักสามเดือน คงจะไปได้ถึงจุดนั้น” ขณะที่ อี้หยุน ครุ่นคิด เขาก็ได้ยินเสียงโกลาหลดังมาแต่ไกล เมื่อฟังอย่างตั้งใจก็ได้ยินเสียงของ จ้าวเทียจู่ “คนเผ่าเหลียน! ตั้งใจฟัง! หัวหน้าเผ่ามีคำสั่งให้คัดเลือกคนแข็งแรงสิบคน ไปช่วยการกลั่นกระดูกเดียวดาย ผู้สนใจให้มาลงชื่อจะรับตามความสามารถ!” โอ้? คัดเลือกคนแข็งแรงสิบคนช่วยงานกลั่นกระดูกเดียวดาย? อี้หยุนใช้ความคิด เขากำลังคิดถึงการเจ็บป่วยของชาวบ้านที่ไปช่วยการกลั่นกระดูกเดียวดาย เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้ป่วยจำนวนมากหายป่วยด้วย “ยามหัศจรรย์” มีบางอย่างไม่ถูกต้องที่พวกเขาคัดเลือกคนใหม่ที่แข็งแรงสำหรับช่วยการกลั่น ด้วยความคิดนี้ อี้หยุนโยนฟืนทิ้ง แล้วมุ่งหน้าไปยังลานตากธัญพืชของหมู่บ้าน อี้หยุนมองเห็นจ้าวเทียจู่ที่กำลังยืนร้องตะโกน มาแต่ไกล ชาวบ้านหลายคนกำลังแตกตื่น คนที่เคยช่วยในการกลั่นกระดูกเดียวดาย และได้รับประโยชน์ไปแล้วมากมาย นอกจากยามหัศจรรย์และเนื้อหมักเกลือ พวกเขายังได้รับเงินอุดหนุนค่าอาหาร เป็นเพราะกระดูกเดียวดาย อาหารที่มีอยู่ในเผ่าเหลียนเหลืออยู่น้อยมาก สามารถเก็บอาหารได้มากขึ้นเป็นความฝันของชาวบ้าน “ข้าลงชื่อ” “ข้าก็ด้วย” ผู้คนรีบวิ่งไปที่จ้าวเทียจู่ เพื่อลงชื่อ ด้วยความกลัวว่าจะไปช้าเกินแล้วจะไม่ได้รับเลือก “ข้า หวังต้าหู ยินดีจะไปช่วยการกลั่นกระดูกเดียวดาย! ข้าเป็นบุรุษชั้นสอง!” บุรุษร่างกำยำแต่หน้าเหลืองเนื่องจากการขาดสารอาหาร เข้ามายืนด้านหน้า จ้าวเทียจู่ เขามอง จ้าวเทียจู่ ด้วยแววตาวาดหวัง “บุรุษชั้นสอง….เกือบไม่ถึงเกณฑ์...” จ้าวเทียจู่ พิจารณา หวังต้าหู ด้วยสายตาจับจ้องอย่างมากเรื่อง เขาไม่รู้ว่าขั้นตอนการกลั่นนั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต มันเป็นความลับสุดยอดของเผ่าเหลียน เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล จึงมีสมาชิกระดับสูงไม่กี่คนในเผ่าที่ล่วงรู้ สมาชิกอื่นๆ ของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธไม่มีทางได้รับรู้ กระดูกเดียวดายชุดนี้ มีปราณเยือกแข็ง ที่ร้ายแรงถึงตาย มันจะแพร่เข้าสู่ร่างและกัดกร่อนชีวิต ก่อนปิดผนึกชะตากรรม เป็นเหตุให้เสียชีวิตจากอวัยวะล้มเหลว เมื่อไม่รู้ จ้าวเทียจู่ จึงคิดว่ากระบวนการกลั่นนั้นเป็นงานน่ามหัศจรรย์ เมื่อได้รับอำนาจคัดเลือกคนไปทำงานอันน่ามหัศจรรย์ เขาอิ่มเอมใจยิ่ง อำนาจที่ได้รับทำให้เขาดูกระตือรือร้นและเปรมปรีจ้าวเทียจู่ เรื่องมากกับผู้คนอย่างยิ่ง “หวังต้าหู ออกมายืนข้างๆ เจ้าจะได้รับเลือกหากไม่มีใครเหมาะสมกว่า” เมื่อได้ยินจ้าวเทียจู่พูด หวังต้าหู ดีใจยิ่ง เขาขอบคุณจ้าวเทียจู่ไม่หยุดก่อน จะไปยืนข้างๆอย่างเชื่อฟัง “โอ้? หลิวเอ้อเจ้าก็มาลงชื่อกับเขาด้วย? สำหรับคนบอบบาง ลมพัดปลิวอย่างเจ้า! เจ้าต้องรู้ว่า การกลั่นกระดูกเดียวดาย เจ้าต้องผ่าฟืน นอกจากนี้อุณหภูมิรอบๆ หม้อน้ำสูงมาก คนไม่ค่อยได้ออกกำลังอย่างเจ้า จะเป็นลมทันที!” จ้าวเทียจู่ โบกมือไล่ เจ้าลิงผอม หลิวเอ้อ ให้ออกไป เหลียนเฉิงอยู่ส่งให้เขาลงมาปฏิบัติภารกิจคัดเลือกคนแข็งแรง พวกผอมแห้งไม่ถูกเลือกแน่นอน ชาวบ้านแต่ละคนรีบวิ่งไปลงชื่อ หลายคนโดนไล่ออกไป มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้อยู่ อี้หยุนยืนดูเหตุการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกระดูกเดียวดาย! แม้ว่าจะมีปัญหาแต่เขาจะต้องตรวจสอบเอง เพราะกระดูกเดียวดายมีความสำคัญมากกับเขา ด้วยสมุนไพรจากภูเขาเผ่าเหลียนถูกเก็บไปหมดสิ้นแล้ว เขาต้องการพลังงานและการบำรุงอย่างมากมาย สำหรับการฝึก โจ๊กข้าวไม่เพียงพอ “โอ้? เจ้านั่นเอง” ขณะอี้หยุนกำลังคิดถึงแผนการขั้นตอนไป เขาก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจากทางด้านหลัง เสียงนุ่มนวลสุภาพ แต่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน! นี่มัน เหลียนเฉิงอยู่! เหลียนเฉิงอยู่ ไม่ได้กักตน? จ้าวเทียจู่บอกว่า เขาต้องกักตน 3 เดือน ทำไมออกมาตอนนี้? ตามแผนเดิม ก่อนที่เหลียนเฉิงอยู่จะออกจากการกักตน อี้หยุนจะต้องเหนือกว่าให้ได้ในเวลา 3 เดือน ณ จุดนั้นก็ไม่ต้องกลัวเหลียนเฉิงอยู่อีก แต่ตอนนี้ อี้หยุนเพิ่งฝึกวิชายุทธ ได้เพียงเจ็ดวัน และแม้ว่าผลึกม่วง สามารถท้าทายโชคชะตา เขาก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะโลหิตมนุษย์ ระดับห้าได้ เหลียนเฉิงอยู่ ฝึกวิชายุทธมาสิบปีแล้ว อี้หยุนไม่ได้กลัวตาย แต่เขาต้องคิดอย่างรอบคอบสำหรับเรื่องอื่นๆ หากเหลียนเฉิงอยู่ ต้องการฆ่าเขา มันเป็นเรื่องง่ายดายมาก มันก็คล้าย คนที่เห็นหนูอยู่ในบ้าน คนจะฆ่ามัน แล้วพลาด ถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ทำลายผนังเพื่อไล่มันออกมาสู่ความตาย อี้หยุนมองไปรอบๆอย่างสงบ ก่อนหันมาสบตากับเหลียนเฉิงอยู่ แต่เมื่อเห็นเหลียนเฉิงอยู่ เขาแสดงความกลัวและไม่แน่ใจในสิ่งที่ทำ “นาย..นายน้อยเหลียน?” อี้หยุน ถอยหลังออกไปไม่กี่ก้าว ราวกับตกใจกับ การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเหลียนเฉิงอยู่ เหลียนเฉิงอยู่ ขมวดคิ้ว เจ้าเด็กนี่ยังไม่ตาย? การที่เขาพยายามฆ่า เดิมทีเป็นเพียงเรื่องของการขจัดปัญหา เหตุผลหลักคือความเกลียดชังที่มีต่ออี้หยุน เหลียนเฉิงอยู่ กลัวว่าในระหว่างขั้นตอนสำคัญของกระบวนการกลั่น ปัญหาที่เกิดจากการขาดอาหารและการเสียชีวิต จะปลุกระดมชาวบ้าน เขากลัวว่าอี้หยุนจะปลุกระดมชาวบ้านได้อย่างง่ายดายจนทำให้เกิดการจราจล นั่นเป็นสาเหตุให้เขาเกลียดชังอี้หยุน เหลียนเฉิงอยู่กำลังล่ามาตรฐานสูงสุดของวิชายุทธ มีเป้าหมายที่จะทำให้หนึ่งคนเป็นนายเหนือหนึ่งล้าน นี่ีคือแรงจูงใจของจักรพรรดิ บุคคลเช่นอี้หยุนไร้ค่า เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ความตายของอี้หยุนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างไรเสีย เหลียนเฉิงอยู่ ก็จะฆ่าคนเป็นจำนวนมาก จากการกลั่นกระดูกเดียวดายเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นจำนวนมากแล้ว การฆ่าอี้หยุนเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เหลียนเฉิงอยู่ไม่ได้นำมาใส่ใจ เขาไม่ได้ตรวจสอบเรื่องชะตากรรมของอี้หยุนก่อนหน้านี้ แต่หลังจากออกจากการกักตน เขาพบว่า อี้หยุนยังคงมีชีวิตอยู่ ทำให้เขางงงัน เจ้าเด็กยากไร้ไม่ตายจากการโจมตีของเขา อะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้? ทักษะของตัวเองไม่เพียงพอ? “เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เหลียนเฉิงอยู่ถาม “ตอบนายน้อย ข้าได้ยิน นายท่านเจา จะคัดเลือกคนแข็งแรงช่วยในการกลั่นกระดูกเดียวดาย ได้ยินมาว่า หากได้รับเลือก เราจะได้รับเนื้อหมักเกลือ ดังนั้นข้าจึงคิดจะลอง” “โอ้?” หลังจากที่ได้ยินที่อี้หยุนพูด ดวงตาของเหลียนเฉิงอยู่ เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม อี้หยุนอายุแค่สิบสอง แต่คำพูดในวันรับของปันส่วน แตกต่างจากเด็กอายุสิบสอง นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการปลุกระดมให้ผู้คนลุกฮือ ทำให้เขาเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอนในการคำนวณของเหลียนเฉิงอยู่ แต่ตอนนี้ อี้หยุนก็ดูเป็นแค่เด็ก คนที่มีตาไว้มองแต่เนื้อหมักเกลือจะทำอะไรได้? เหลียนเฉิงอยู่ไม่ใส่ใจกับอี้หยุน ยกเว้นเพียงเรื่องความล้มเหลวในการลอบฆ่าอี้หยุน “เจ้าต้องการช่วยเรื่องการกลั่นกระดูกเดียวดายทำไมไม่ไปลงชื่อ? มาทำอะไรที่นี่?” “เรียน..เรียนนายน้อย….นายท่านเจาต้องการอย่างน้อยก็บุรุษชั้นสอง แต่ข้า...ข้า” เสียงของอี้หยุนตะกุกตะกัก เมื่อเขากล่าวขึ้น เหมือนกับว่า เขารู้สึกละอายใจในความแข็งแรงอันน้อยนิดของเขาจนไม่สามารถพูดอะไรต่อไป ความดูถูกในดวงตาของเหลียนเฉิงอยู่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ไอ้เด็กโง่นี่ ทำให้ข้าคิดมากเรื่องมัน จริงซิ มันแค่สิบสอง ไม่มีอะไรเทียบข้าได้ เหลียนเฉิงอยู่ลืมไป เขาเองก็ไม่ได้มีวัยวุฒิ เขาก็เพียงสิบเจ็ด ในหมู่คนอายุสิบเจ็ด เขาดูเจนโลก แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป เขาย่อมไม่เคยคิดฝันว่า เด็กสิบสองที่ตรงหน้ามีจิตวิญญาณของผู้ใหญ่ “เมื่อเจ้ามีใจและยินดีที่จะใช้ความแข็งแรงของเจ้าเพื่อเผ่าเหลียน ข้าก็จะไม่ห้าม เห็นแก่ความทะเยอทะยานที่เจ้ามี ก็คุ้มค่าที่จะส่งเสริม ข้าจะยกเว้นและให้โอกาสกับเจ้าสักครั้ง” เหลียนเฉิงอยู่ ให้ไม่กี่คำของ “กำลังใจ” แก่อี้หยุน เจ้าปัญญาอ่อนนี่ มีความแข็งแรงเล็กน้อย แม้จะเป็นเด็กขี้โรคสภาพร่างกายไม่สำคัญ เมื่อใช้มันในการดูดซับ พิษเยือกแข็ง...

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้