True Martial World บทที่ 28 หลอก

เมื่อได้ยาเม็ดผลาญโลหิต ทุกคนที่ล้มป่วยด้วย “ไทฟอยด์” ก็หายดีในวันถัดมา หลังจากที่ได้ยาวิเศษและเนื้อหมักเกลือ เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องรู้สึกสำนึกพระคุณ และทำงานกลั่นกระดูกเดียวดายอย่างหนักเป็นการตอบแทน แน่นอนว่า อี้หยุนก็เป็นหนึ่งในพวกเขา เขารีบเช็ดหยาดเหงื่อปลอมที่ฉีดพ่นบนใบหน้าออก แล้วมุ่งหน้าสู่ลานตากเมล็ดธัญพืช ในเช้าของวันถัดไป ด้วยท่าทีเปี่ยมไปด้วยพลังงาน หลังจากการล้มป่วยครั้งนี้ เขาเปลี่ยนกะทำงานจากกลางคืนมาเป็นกลางวัน นี่เป็นความปรารถนาของอี้หยุน ตั้งแต่ที่ไม่อาจเรียนรู้ “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” เพิ่มได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เหยาหยวนไม่มีแผนที่จะสอนท่วงท่าที่เหลือเพิ่มอีก แต่เพียงไม่กี่ท่วงท่าแรก ก็พอที่จะให้อี้หยุนต้องใช้เวลาไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง กลั่นกระดูกเดียวดายในเวลากลางวันและฝึกฝนที่หลังภูเขาในเวลากลางคืน ทำให้สามารถปกปิดได้ดีขึ้น “เจ้าหนูหวิน ดีขึ้นแล้วหรือ?” ท่านป้าข้างบ้านร้องถาม นางเห็น อี้หยุนกระโดดออกมาที่ถนน ราวกับว่าเขามีพลังงานมากเกินไป “ท่านป้าหวัง ข้าสบายดีแล้ว! ขอบคุณยาวิเศษของ นายน้อยเหลียน! นายน้อยเหลียนเป็นสุดยอดคนดี!” อี้หยุน ยิ้มด้วยท่าทีสำนึกพระคุณแล้วเดินไปตามถนน อวดกับคนอื่นๆ ถึงประสิทธิภาพของยาเม็ดผลาญโลหิต “ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม!” ป้าหวังพูด นางมองเห็นกำลังวังชาของอี้หยุนและรู้ได้ว่าเขาหายดีแล้ว สำหรับผู้ใหญ่อย่างอี้หยุน มันน่าอึดอัดใจอย่างยิ่งที่ต้องกระโดดโลดเต้นไปตามถนน แต่เขาในสายตาคนอื่นเป็นแค่เด็กอายุสิบสองปี อายุสิบสองเป็นวัยซุกซนที่สุดของเด็กๆ เขาได้รับความ “สนใจ” จากเหลียนเฉิงอยู่ เพราะเหลียนเฉิงอยู่ รู้สึกว่าเขามีวุฒิภาวะมากเกินกว่าเด็กอายุ 12 ก็ต้องทำตัวเหมือนอายุ 12 บางครั้งการแสดงเช่นนี้ ก็เป็นการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าไม่มีอะไรผิดไปจากสิ่งที่ควรเป็น “คนที่บ้านข้าอยากกินน้ำแกงกระดูกซักหน่อย น่าเสียดายที่ทำได้แค่นี้ เจ้าหนูหวินเจ้าโชคดีมาก” ท่านป้าหวังพูดด้วยความอิจฉา “ฮ่าๆ ท่านป้าหวังเนื้อหมักเกลือที่ข้าได้มายังพอมีอยู่ คืนนี้ข้าจะเอาไปให้ท่าน” อี้หยุนตั้งใจพูด เขาไม่ได้หวงเนื้อหมักเกลือนี้ แม้นั่นจะเป็นความปรารถนาของชาวบ้านยากไร้ทั้งหมด อันที่จริง เขาได้ตัดเนื้อหมักเกลือชิ้นเล็กๆเอาไปให้สุนัขกิน แน่นอนว่ามันไม่ใช่สุนัขที่เขาเลี้ยงไว้ ครอบครัวยากจนย่อมไม่อาจเลี้ยงสุนัขได้ แม้ว่าจะเป็นการเลี้ยงไว้ฆ่ากิน ในเผ่าเหลียน มีเพียงเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธเท่านั้นที่เลี้ยงไว้จำนวนไม่มากทั้งหมดเป็นสุนัขล่าเนื้อ สำหรับล่าสัตว์อสูรจำนวนเล็กน้อยใกล้ๆดินแดนมหัศจรรย์ที่ได้รับการปกป้องนี้ แม้แต่การหากระต่ายก็ต้องใช้สุนัขล่าเนื้อเช่นกัน มิฉะนั้นก็จะเป็นเช่นเดียวกับงมเข็มในมหาสมุทร อี้หยุนเอาเนื้อให้สุนัขกินเพราะกลัวว่าเหลียนเฉิงอยู่จะวางยาพิษไว้ในเนื้อหมักเกลือ แม้ว่าจะไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ต้องระวังตัว หลังจากที่เห็นว่าสุนัขที่กินเนื้อลงไปไม่เป็นอะไร อี้หยุนจึงยอมให้ เจียงเเสี่ยวโหรวนำมันไปปรุงเป็นอาหาร นานแล้วที่อี้หยุนไม่ได้มีความสุขกับการลิ้มรสเนื้อ แต่รสชาติของเนื้อหมักเกลือมันไม่ได้ดีนัก คล้ายกับว่ามันถูกเก็บไว้นานมากแล้ว มันแข็งเหมือนไม้ มีแค่รสเค็มและขาดกลิ่นหอมของเนื้อ แต่สำหรับเนื้อหมักเกลือชิ้นนี้ เจียงเเสี่ยวโหรวตั้งใจที่จะเก็บเอาไว้ให้อี้หยุน นางจึงปฏิเสธที่จะกินมัน เขาพยายามอย่างมากในการโน้มน้าว นางจึงกัดไปคำเล็กๆ เขาเองก็ไม่ได้กินมาก เขาแขวนเนื้อส่วนที่เหลือไว้บนผนัง อี้หยุนมีจุดประสงค์ที่จะเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักรไทอาภายในสองเดือน ด้วยเหตุดังกล่าวเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเนื้อไร้รสชาตินี้ เขาเคยได้ยินจากเจียงเเสี่ยวโหรวว่า ท่านป้าหวังเพื่อนบ้านใกล้เคียง ดูแลพวกเขาในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมาหลังจากที่มารดาของเขาจากไป เจียงเเสี่ยวโหรวมักจะไม่ได้รับอาหารจากการปันส่วน และหากไม่ได้ท่านป้าหวังให้อาหารพวกเขา พวกเขาอาจอดตายไปนานแล้ว มันเป็นการติดค้างหนี้ที่ดีที่สุด ในโลกใบนี้มีเพียงไม่กี่คนที่ยินยอม ให้อาหารของพวกเขาแก่คนอื่นๆ ดังนั้นการให้เนื้อหมักเกลือกับท่านป้าหวังนั้นเป็นการเหมาะสมยิ่ง “จะ..จะได้อย่างไร เจ้าหนูหวิน เจ้ากับพี่สาวกำลังอยู่ในช่วงวัยกำลังโต พวกเจ้าต้องการเนื้อนี่ ป้าไม่อาจรับมันได้!” ท่านป้าหวังกล่าวอย่างหนักแน่น ผสมด้วยความรู้สึกเมตตาปรานีต่ออี้หยุน ในเผ่าที่ทั้งยากจนและล้าหลังนี้ แม้ว่าจะมีประชากรที่ยากต่อการควบคุมและชั่วร้าย แต่ก็ยังมีคนที่เหมือนท่านป้าหวัง ที่คิดถึงคนอื่นแม้ว่าพวกเขาก็กำลังหิวโหยอยู่เช่นกัน เป็นดินแดนที่มีผู้คนทุกประเภทจริงๆ “ท่านป้าหวัง เซียวเคอก็อยู่ในวัยกำลังโต แม้ท่านจะไม่กินมันแต่เซียวเคอก็ต้องการมันเช่นกัน” ลูกของท่านป้าหวัง เซียวเคอ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอี้หยุน เมื่อตอนที่ยังเด็ก นางติดตามเขาไปทุกๆที่ แต่ตอนนี้เซียวเคยเติบโตขึ้นรู้จักชีวิตมากแล้ว รวมทั้งการที่เขาฟื้นจากความตายมา ทำให้ทั้งสองมีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลงมาก “ป้าบอกว่าไม่เป็นไร ป้ากำลังจะไปต้มน้ำแกงกระดูก” อี้หยุนไม่รอการตอบรับของท่านป้าหวังรีบวิ่งหนีไปก่อน “เด็กคนนี้!” ท่านป้าหวังส่ายศีรษะ แต่มีรอยยิ้มที่ฉาบไปด้วยความสุขบนใบหน้าของนาง ในเผ่าเหลียน ที่พักของหัวหน้าเผ่า เหลียนเฉิงอยู่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานหิน เขาสวมชุดฝึกที่หลวม ทำจากผ้าไหมหายาก ในเผ่าเหลียน มันราคาแพงมาก เป็นชุดที่ให้สัมผัสเนียนนุ่มสบายอย่างมากเมื่อสวมใส่ เหลียนเฉิงอยู่วาดท่วงท่าเป็นวงกลม ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน เมื่อช้าก็เหมือนผู้ชราที่ออกกำลังกายในยามเช้า แต่เมื่อเร็วก็เหมือนเสือชีตาร์ กำลังล่าเหยื่อ ต่อมา เหลียนเฉิงอยู่ก็พุ่งสายตาจับจ้องที่นิ้วมือของเขา แขนของเขาเหมือนงูที่เลื้อยผ่านป่า ทำให้ยากที่จะกำหนดทิศทางที่เขาจะเริ่มโจมตี จ้าวเทียจู่ ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้างเงียบๆ รอให้เหลียนเฉิงอยู่ เสร็จสิ้นการฝึก หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เหลียนเฉิงอยู่จึงสิ้นสุดการฝึกลง เขาเอามือไว้ที่เอว แล้วผ่อนลมหายใจออกมาเป็นลูกศรลมหายใจ ลูกศรนี้บินไปไกลโดยไม่สลายไป ปล่อยลมหายใจเป็นลูกศร เป็นสัญลักษณ์ของขอบเขตประกาศศักดา แต่ลมหายใจของเหลียนเฉิงอยู่ ไม่เหมือนกับของประกาศศักดาที่เรียบง่าย มันถูกขับเคลื่อนจากระดับห้าของโลหิตมนุษย์ ลมปราณรวบรวม เหลียนเฉิงอยู่สามารถรวบรวมลมปราณจากสภาพแวดล้อมเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นอากาศที่เขาปล่อยออกมาไม่ได้เป็นเพียงอากาศ แต่ยังประกอบด้วยลมปราณ! “ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมากๆ!” จ้าวเทียจู่ตะโกนเมื่อเขาเห็นเหลียนเฉิงอยู่เสร็จสิ้นการฝึก ดวงตาเป็นประกายแล้วเริ่มทำการสอพลอ “ความแข็งแกร่งนี้ ทักษะนี้ ในการคัดเลือกผู้ฝึกยุทธอีกสองเดือน นายน้อยเหลียนต้องกลายเป็นผู้กล้าของอาณาจักรไทอาแน่นอน!” จ้าวเทียจู่เริ่มการประจบสอพลอของเขาอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของเหลียนเฉิงอยู่ความจริงก็ไม่ได้เลวอะไร สำหรับเขาที่มีความทะเยอทะยาน เขาต้องการสิ่งที่มีความหมายมากกว่านั้น เขาเข้าถึงระดับห้าของ โลหิตมนุษย์ เมื่อปีที่ผ่านมา เขาแสดงท่วงท่าต่ออีกไม่กี่หมัด ก็ระลึกถึงสิ่งสำคัญได้ “มีอะไรผิดปกติกับการกลั่นกระดูกเดียวดายหรือไม่?” “ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ! มันต้องปกติดีทุกอย่าง!” จ้าวเทียจู่พูดพร้อมกับเอามือตบที่หน้าอก “เจ้าพวกคนราคาถูกพวกนั้นสำนึกพระคุณอย่างมากที่ได้รับยาและเนื้อหมักเกลือของท่านนายน้อย พวกมันหวังว่าจะได้กลั่นกระดูกทุกวัน!” “อืม… เอาบางส่วนของกากสมุนไพรไปให้พวกมัน” เหลียนเฉิงอยู่ พูดไปเรื่อยๆ กากสมุนไพรเป็นของไม่มีค่าสำหรับเขา ทันใดนั้น เขาก็ถามขึ้นว่า “แล้ว มีอะไรเกิดขึ้นกับอี้หยุนไหม?” “อี้หยุน...” จ้าวเทียจู่ แสดงท่าทางรังเกียจ “เด็กนั่นล้มป่วยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีอาการท้องร่วง เหงื่อออกมาก กับอาเจียนจนเหม็นตลบบ้าน มันโสโครกไม่ต่างอะไรกับขอทาน” “หากไม่ได้ความเมตตาของนายน้อยเหลียน มันตายไปนานแล้วโดยไม่ต้องเสียยาอายุวัฒนะ! ผู้น้อย ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายน้อยเหลียนและเห็นด้วยตาตัวเองว่าเด็กนั่นกลืนยาลงไป แต่โชคดี ที่เจ้าเด็กนั่นยังมีจิตสำนึก ช่วงวันมานี้มันร้องสรรเสริญนายน้อยเหลียนไปทั่วบอกว่าที่มันหายดีเป็นเพราะยาของนายน้อยเหลียน!” “นี่...” ปากของเหลียนเฉิงอยู่ถูกยกขึ้นเป็นรูปส่วนโค้งอ่อนโยน หลังจากได้ฟังคำสาธยายของจ้าวเทียจู่ ชีวิตราคาถูกของชนเผ่านี้ มีคนโง่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง เขาเคยคิดว่ามีคนอยู่ไม่กี่คนในเผ่าที่ฉลาดเหมือนอี้หยุน แต่ดูเหมือนว่าเขากังวลมากเกินไป แต่ก็ดี พวกมันจะได้ถูกความโง่ ครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย “ทำให้แน่ใจคอยดูไว้ เรื่องของเรากำลังใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ระวังให้มากขึ้น เราต้องแน่ใจว่าต้องไม่มีอะไรผิดพลาดกับการกลั่นกระดูกเดียวดาย หากมันกลั่นได้สำเร็จ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างมาก แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาด ข้าจะจ่ายมันด้วยหัวของเจ้า!” เหลียนเฉิงอยู่ กล่าวคำพูดสุดท้ายอันเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ด้วยความหวาดกลัว จ้าวเทียจู่ พยักหน้าไม่หยุด “นายน้อยเหลียนไม่ต้องวิตก ข้ารับใช้ผู้นี้จะทำงานทั้งกลางวันกลางคืน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด!” … จ้าวเทียจู่รีบไปที่ลานตากเมล็ดธัญพืชด้วยท่าทางลุกรี้ลุกรน อี้หยุนยังคงผ่าฟืนไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปตามปกติ แอบยิ้มเมื่อเขาเห็นจ้าวเทียจู่ มันเป็นความจริงที่ว่า คนโง่ย่อมไม่มีอันตราย “มองหาอะไร ทำงานไป! มองหาที่ตายหรือ!” จ้าวเทียจู่ คำรามพร้อมกับโยนถุงใบใหญ่ เมื่อถุงถูกเปิดออก ข้างในมีกากสมุนไพรกองใหญ่ มันเป็นเศษเหลือจากการแช่ร่างของเหลียนเฉิงอยู่ “กากสมุนไพรนี่เป็นรางวัลของพวกเจ้า สรรพคุณยายังเหลืออยู่อีกมาก นำกลับไปต้มในน้ำแช่ตัวขณะที่ยังร้อนมันจะเป็นประโยชน์กับพวกเจ้ามาก บัดซบ! เจ้าพวกนี้ได้ของดีจริงๆ!” จ้าวเทียจู่ สบถ ในขณะที่เขากล่าวคำพูดเหล่านั้น ดวงตาของคนเหล่านั้นเปล่งประกายเมื่อได้ยิน พวกเขารีบวิ่งไปคว้ากากสมุนไพร แน่นอนว่า อี้หยุนไม่ต้องการแม้แต่น้อย ถึงแม้มันจะถูกนำมามอบให้ถึงมือเขาก็ไม่อยากได้ นี่เป็นส่วนที่เหลือจากน้ำอาบของเหลียนเฉิงอยู่ เขาต้องการที่จะแช่ตัวในน้ำอาบเหลือทิ้ง? ตลกตาย! อี้หยุนยังคงพุ่งตัวไปข้างหน้า เมื่อไม่ได้อะไรเลย เขาก็ถอนหายใจ เมื่อเห็นอี้หยุนมีการตอบสนองเชื่องช้า และทำท่าโง่งม จ้าวเทียจู่ก็หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าโง่ที่ไม่สามารถทำอะไรรีบร้อนได้ อะไรที่มันทำได้? มันสมควรหิวตาย! จ้าวเทียจู่ผละจากไป คนเหล่านั้นก็ดำเนินการกลั่นกระดูกเดียวดายต่อไป ขั้นตอนการกลั่นคือการต้มแก่นพลังกระดูกเดียวดายในน้ำหลีฮั่ว จนน้ำ หลีฮั่ว ระเหยไปหมด ทำให้แก่นพลังละลายและตกผลึก จุดเดือดของน้ำ หลีฮั่ว สูงมาก จึงไม่เป็นการง่ายในการทำให้ระเหยออกไป ฟืนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเผาไหม้ คนที่ดูแลการกลั่นผิวของพวกเขาถูกย่างจนแดง แต่อี้หยุนเป็นข้อยกเว้น ผิวของเขายังคงเหมือนก้นทารก(baby’s bottom) แก้มยังเป็นสีกุหลาบ สีดอกกุหลาบนี้ไม่ได้เกิดจากการอังไฟ แต่เกิดจากการดูดซับแก่นพลังกระดูกเดียวดาย เพราะเขาได้รับการบำรุงดี สุขภาพร่างกายจึงแสดงเลือดฝาดสีชมพู สุขภาพดีออกมา อี้หยุนมองไปที่ด้านหลังของจ้าวเทียจู่ เขาเหลือบไปมองที่หม้อน้ำขนาดใหญ่ อีกครั้งที่เขาอิ่มหน่ำสำราญ และแทบรอไม่ไหว ที่จะไป “อาละวาด” ที่หลังภูเขา ร่างกายอิ่มหนำ แต่หมัดไม่อาจคอยนาน!

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้