True Martial World บทที่ 29 เปิดเส้นลมปราณ

ตอนนี้ ภูเขาด้านหลังเผ่าเหลียนเต็มไปด้วยรอยเท้าของอี้หยุน ก่อนหน้านี้เขากลั่นกระดูกตอนกลางคืน ลอบไปที่เหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธในตอนเช้า แล้วใช้เวลาที่เหลือที่หลังภูเขาในการบ่มเพาะ เพียงแต่เมื่อถึงเวลาใกล้ตอนเย็น เขากลับบ้านไปนอน 2 ชั่วโมง การบ่มเพาะของอี้หยุนเริ่มยากมากขึ้น แต่ก็ยังก่อให้เกิดความแข็งแกร่งแก่เขาแบบก้าวกระโดด และยกระดับขอบเขต ด้านหลังของภูเขานี้ แยกออกมาจากภูเขาสมุนไพร และตำแหน่งก็ยังอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน มีไม่กี่คนที่เคยมาในเวลากลางวัน ในเวลากลางคืน จะไม่เห็นแม้แต่เงา ดังนั้น อี้หยุนจึงฝึกฝนได้โดยสะดวก ตอนนี้เขาฝึกฝนในเวลากลางคืนแล้ว 15 วันให้หลัง อี้หยุนคำราม ยิงร่างกายราวกับลูกศรขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เขากระโดดผ่านหินสูง 10 เมตร! อากาศดังก้องอยู่ในหูของเขา ทุกๆข้อต่อในร่างกายส่งเสียงดังลั่นเหมือนเสียงคำรามของพยัคฆ์ มังกร “พยัคฆ์ดุลงภูเขา!” อี้หยุนตึงร่างกายไว้กับเท้ากดสะโพก แล้วส่งหมัด “บิน” ออกไป! “เฟี้ยว!” ร่างกายของเขาส่งเสียงออกมาได้ยินอย่างชัดเจน มันคือหางเสียงของสายธนูที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเส้นเอ็นของอี้หยุน! เมื่อเทียบกับเสียงที่เหยาหยวนทำ เสียงนี้รุนแรงกว่ามาก! “ย๊ากกก!” ก้อนหินขนาดมหึมาที่ด้านหน้าอี้หยุน แตกร้าว เมื่อเขาชกมันด้วยหมัด! มีรอยร้าวราวกับใยแมงมุมปรากฏไปทั่ว! นี่ไม่ใช่หินธรรมดาแต่มันคือ หินเหล็กดำ มันแข็งกว่าหินธรรมดามากนัก แต่วันนี้กับแตกเป็นรอยด้วยหมัดของอี้หยุน “จิ๊บ! จิ๊บ! จิ๊บ!” นกในป่ามากมายบินออกมาด้วยความตกใจ เสียงแมลงและกบ เงียบลงทันทีจากความตื่นตระหนก! ในเวลานั้น ภูเขาทั้งลูกตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงขนนกกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน กับบนศีรษะและไหล่ของอี้หยุน ฟ้าคำรามเก้าเมฆา ศรอัศจรรย์ปักษาร่วง! หมัดของข้ามาถึงขอบเขตนั้นแล้ว! ตอนนี้ เมื่ออี้หยุนทุ่มเทพลังงานทั้งหมด ข้อต่อของเขาจะส่งเสียงดังลั่นด้วยเสียงฟ้าคำราม ดังนั้นด้วยศรอัศจรรย์ปักษาร่วง มันเป็นไปได้เพียงห่านป่าที่ได้รับบาดเจ็บเพียงตัวเดียว เพราะแม้แต่ ศรเก้าซือ ก็ยังมีปัญหาที่จะทำให้ร่วงได้ทั้งฝูง การเคลื่อนไหวแบบสบายๆ ร่างกายของอี้หยุน ยังส่งเสียง “กัก กัก กัก” กระดูกของเขากลายเป็นดั่งเหล็กเนื้อดี และเส้นเอ็นก็แข็งแกร่งดั่งซี่โครงมังกร! “ระดับปัจจุบันของข้าเต็มเปี่ยมแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเปิดช่องลมปราณ ก้าวสู่ ขอบเขตที่สี่ ชีพจรสัมพันธ์ ดินแดนแห่งลมปราณ!” ร่างกายมนุษย์มีเส้นลมปราณ แต่ในคนธรรมดาเส้นลมปราณเหล่านั้นไม่ได้เปิดออก ดังนั้นจึงไม่สามารถดำเนินการเพื่อรองรับการไหลเวียนของ ลมปราณ จาก สวรรค์และพิภพ (คำอธิบายอยู่บทที่ 28) เมื่อผู้ฝึกยุทธ พยายามจะกรุยเส้นลมปราณ หลังจากที่ร่างกายได้รับการฝึกอย่างสมบูรณ์แล้ว มันเป็นก้าวแรกบนเส้นทางสายวิชายุทธ ช่องทางของมนุษย์ประกอบด้วย 12 เส้นลมปราณปกติ และ 8 เส้นลมปราณพิเศษ 12 เส้นลมปราณปกติแผ่กระจายไปทั่วแขนขา มีเส้นลมปราณหยินแขน 3 เส้น (ปอด,เยื่อหุ้มหัวใจ,หัวใจ) เส้นลมปราณแขนหยาง 3 เส้น (ลำไส้ใหญ่,สามส่วน, ลำไส้เล็ก) เส้นลมปราณขาหยาง 3 เส้น (กระเพาะอาหาร,ถุงน้ำดี,กระเพาะ ปัสสาวะ) และเส้นลมปราณขาหยิน 3 เส้น (ม้าม,ตับ,ไต) นอกจากนั้นยังมีเส้นลมปราณพิเศษ 8 เส้นกระจาย ไปทั่วร่างกาย เส้นที่สำคัญมากที่สุดของเส้นลมปราณพิเศษนี้คือเส้นเริ่น กับเส้นตู ตำแหน่งของ เส้นเริ่น กับ เส้นตู อยู่กึ่งกลางลำตัว เส้นเริ่นอยู่ด้านหน้า เส้นตูอยู่ด้านหลัง เส้นสองเส้นเป็นวงกลม รอบร่างกายของคน พาดผ่าน ตันเถียน และ ฮุยหยิน (ตันเถียนล่าง = เสี้ย (เซี้ย) ตันเถียน จุดต่ำกว่าสะดือ 3 นิ้ว) (Hui Yin จุดตรงบริเวณเอวด้านหลังตำแหน่งตรงกับตันเถียน เรียกว่ามิ่งเหมิน จุดทวารชีวิต....มิ่ง = ชีวิต, เหมิน = ประตูหรือทวาร ) เหมือนเชือกสองเส้นที่พาดผ่านจุดสำคัญของบุคคล พวกมันปิดกั้นร่างกายของคน พวกเขาต้องกรุยช่องทางระหว่างเส้นเริ่นกับเส้นตู เมื่อเส้นเริ่นกับเส้นตูเปิดออก ช่องทางจะได้รับการเชื่อมต่อกลายเป็นเส้นทางด่วนสำหรับพลังงานที่จะไหลเวียนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเพื่อให้สามารถเปิดเส้นเริ่น กับ เส้นตู อันเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะเปิดเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างกาย ในนิยายกำลังภายในที่ อี้หยุนได้อ่านมาก่อนหน้านี้ มีหลายวิธีในการเปิดเส้นเริ่นตู ตัวอย่างเช่น จางวูจิ(เตียบ่อกี้) ใช้ “พลังเคลื่อนสวรรค์พิภพ”* เปิดเส้นลมปราณของเขา ในขณะที่ ซวีจู เปิดเส้นลมปราณด้วยความช่วยเหลือจากหลีชิวซุยกับทงเหลา ในหนังสือทางการแพทย์โบราณ ก็มีบันทึกเอาไว้มากมายเกี่ยวกับวิธีการเปิดเส้นเริ่นตู ในขณะที่เส้นเริ่นตูเปิดออก บุคคลก็จะได้รับการปรับสภาพและเพิ่มพลังยุทธ ผลดีเลิศของเส้นลมปราณจะปูทาง สู่ขอบเขตที่สูงขึ้นของวิชายุทธในอนาคต อี้หยุนไขว้ขาลงนั่งสมาธิ เริ่มสะสมพลังที่จะเปิดเส้นลมปราณ เมื่อเขาเปิดเส้นลมปราณได้ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเป็นระดับเดียวกับจอมยุทธไร้ผู้เทียมทาน จากนิยายกำลังภายในเหล่านั้น ในประเทศจีนโบราณ เขาจะสามารถเดินบนกำแพงชำระแค้นตัดหัวศัตรูทั้งหมดได้ มี 2 วิธีที่จะเปิดเส้นเริ่นตูได้ หนึ่งคือต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอก อีกหนึ่งคือ ช่วยเหลือตัวเอง ในนิยายมักจะมีจอมยุทธผู้ไร้เทียมทานมาช่วย ตัวละครหลักเปิดเส้นเริ่นตู ทำให้ตัวละครหลักแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ “ถ่ายทอดพลัง” มันจะไปได้เร็ว แต่ไม่ได้เป็นวิธีการที่เหมาะสม มันจะดีกว่าหากว่าบ่มเพาะด้วยตัวเอง แน่นอนว่า อี้หยุนเลือกวิธีที่สองในการเปิดเส้นลมปราณ คือเปิดมันด้วยตัวเอง เคล็ดวิชา “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” ว่าไว้วิธีที่จะเปิดเส้นลมปราณ ให้นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ ให้ลึกยาวเท่าที่จะทำได้ เมื่อผู้ฝึกยุทธเข้าสู่ระดับสามของโลหิตมนุษย์ ลมหายใจของเขาจะผสมกับพลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกายก่อให้เกิดการไหลเวียนที่แพร่กระจายราวเปลวเพลิง อี้หยุนส่งพลังงานไปที่จุดตันเถียนและบีบอัดมัน! ครั้งแล้วครั้งเล่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน ลมหายใจเพิ่มความเร็วขึ้น แต่หายใจได้ลึกกว่าที่ผ่านมา ได้รับแก่นพลังงานจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์แล้วหายใจในปราณสวรรค์พิภพ! หากมีคนมองจากระยะไกล พวกเขาจะเห็นว่าร่างกายของอี้หยุนล้อมรอบด้วยชั้นแสงสลัวบางๆ โดยเฉพาะที่หน้าอก จะมีแสงสีม่วงเข้มค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา นี่เป็นแสงจากผลึกม่วงบรรพชนที่ปล่อยออกมาหลังจากดูดซับลมปราณจากสภาพแวดล้อม เมื่ออี้หยุนหายใจออก ผลึกม่วงที่หัวใจจะดูดซับพลังงานจากสภาพแวดล้อม ให้ความช่วยเหลือกับความพยายามครั้งสุดท้ายของเขาในการเปิดเส้นลมปราณ แสงสีม่วงรอบๆตัวของอี้หยุนหนาแน่นขึ้นอย่างช้าๆ แสงสีม่วงนี้เหมือนกับตำนานจีนโบราณว่า “สายลมสีม่วงเคลื่อนจากตะวันออก” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเซียนผู้วิเศษ! อีกครั้งของเวลาและพลังงานสะสม ร่างกายของอี้หยุนเริ่มทำเสียงคล้ายเสียงคำรามของ พยัคฆ์ มังกร การไหลเวียนของเลือดเหมือนกระแสอันยิ่งใหญ่ที่ไหลไปโดยไม่อาจยั้งได้! ในแต่ละลมหายใจ อากาศรอบกายของอี้หยุนหมุนวนอย่างรวดเร็วเป็นภาพน่าอัศจรรย์ ราวกับวาฬดูดน้ำ “ฟิ้ว-ฟิ้ว-ฟิ้ว-” ลมหายใจของอี้หยุนหนักมากขึ้นๆ ทุกๆลมหายใจรวบรวมอยู่ในร่างกายของเขา ร่างกายของเขาเหมือนเรือที่ถูกซัดด้วยคลื่นเคลื่อนไหวขึ้นลง พลังงานในร่างกายเริ่มรวมตัว เส้นเอ็นเริ่มเปล่งเสียงของหางเสียงลูกธนู ผิวหนังพลิ้วราวกับมีชีวิต กระดูกส่งเสียงกึกกัก เมื่อถูกสะสมไปจนสุดขั้ว อี้หยุนรู้สึกราวกับร่างกายจะระเบิด เขาควบคุมการใช้พลังงานและส่งความร้อนที่ไหลไปสู่ ตันเถียน ราวคลื่นลูกแล้วลูกเล่า ไปกระแทกกับโขดหิน! อี้หยุนเริ่มช้าลง เขาเข้าใกล้ขีดจำกัดแล้ว เมื่อเส้นเลือดเล็กๆบนผิวของร่างกายกำลังโป่งพองออกมา เขาได้ยินเสียง “ตูม!” พลังงานระเบิดออกหินที่อี้หยุนนั่งอยู่แตกออก ต้นไม้ในรัศมี 5 เมตรหักระเนระนาด! อี้หยุนรู้สึกร่างกายไร้สิ้นเรี่ยวแรง จมูก หู ของเขาต่างมีเลือดออกไม่ใช่เลือดสดๆ แต่เป็นเลือดสีดำ รวมทั้งรูขุมขน ต่างมีเหงื่อสีเทาไหลซึมออกมา มันสำเร็จแล้ว! ระดับสี่ของ โลหิตมนุษย์ ชีพจรสัมพันธ์! อี้หยุนรู้ว่าเขาเปิดเส้นลมปราณได้สำเร็จแล้ว และได้เทียบเท่ากับพระเอกจากนิยายกำลังภายใน ที่เคยอ่านตอนวัยรุ่น เขามักมีฝันว่าจะเป็นวีรบุรุษหล่อเหลา เดินบนกำแพง ชำระความแค้น พิทักษ์ความคุณธรรม ในที่สุดเขาก็ได้รับอำนาจนั้นแล้วในวันนี้ อย่างไรก็ตามในโลกประหลาดใบนี้ พลังงานมีมากยิ่งกว่าบนโลก เมื่อเปิดเส้นเริ่นตู บนโลกจะทำให้เป็นจอมยุทธผู้ไร้เทียมทานแต่ก็เป็นได้แค่นั้น เพราะโลกมีเพียง ลมปราณสวรรค์พิภพ บนโลกแห่งนี้ ไม่เพียงมี ลมปราณสวรรค์พิภพ ยังมีพลังเดียวดาย อำนาจจิตลึกลับและพลังงานอื่นๆที่อี้หยุนก็ยังไม่สามารถเข้าใจ พลังงานเหล่านี้มีประสิทธิภาพ พอๆกับพลังงานนิวเคลียร์บนโลก แล้วพลังงานเหล่านั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ด้วยตัวเอง ขอบเขตที่ 4ของ โลหิตมนุษย์ ชีพจรสัมพันธ์ เป็นเพียงขั้นตอนของทารกบนเส้นทางของวิชายุทธ อี้หยุนกระโดดขึ้นจากพื้น เขาเห็นได้ชัดเจนและรู้สึกถึงทุกสิ่งรอบๆตัวเขา รู้ทุกอย่างที่เกิดในรัศมีสิบก้าว เสียงกรอบแกรบของใบไม้ เสียงดิ้นของหนอนทุกตัว ได้ยินดังและชัดเจน เขาสามารถนับจำนวนใบไม้ที่ร่วงหล่นที่เบื้องหน้าได้อย่างรวดเร็ว มี 32 ใบ! ด้วยการรับรู้ที่ชัดเจนและจิตใจที่เฉียบคม ผู้เยี่ยมยุทธมากมายมีความทรงจำแบบภาพถ่าย(จำได้แม่นยำในชั่วพริบตา) นี่เป็นผลมาจากเส้นลมปราณที่เปิดขึ้นส่งผลให้ ปรับปรุงความสามารถของสมองของพวกเขา! หลังจากการเคลื่อนพลังงานผ่านเริ่นตูไปสู่สมองทุกๆรอบจะช่วยเพิ่มความทรงจำและปฎิกิริยาตอบสนอง “มันเยี่ยมจริงๆ เจ๋งมาก!” มีระดับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อี้หยุนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาก้าวผ่านเข้าสู่ระดับ 4 ของโลหิตมนุษย์ ชีพจรสัมพันธ์ ไม่เพียงแค่นั้นเขายังมีประสบการณ์การชำระเส้นเอ็นผลัดเปลี่ยนไขกระดูกอีกครั้ง ปุถุชนกินธัญพืชทุกชนิดลงไปทำให้ร่างกายของพวกเขาจะเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ก่อนที่จะถึงขอบเขตโลหิตม่วง มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องทำการชำระเส้นเอ็นผลัดเปลี่ยนไขกระดูก มันจะดีหากทำให้สะอาดอย่างมากได้ อี้หยุนผ่านมันมาสองครั้งแล้ว มีสิ่งสกปรกน้อยกว่าครั้งก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้า กระโดดลงไปอาบน้ำในแอ่งน้ำ พุ่งลงไปลึกหลายสิบเมตรแล้วกลั้นลมหายใจใต้น้ำ ประมาณ 20 นาที ก่อนว่ายน้ำกลับขึ้นไป อี้หยุนโผล่ขึ้นจากน้ำราวกับปลาหลีฮื้อยักษ์ น้ำกระจายออก เป็นระเบิดหยดน้ำ! เนื่องจากไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยน อี้หยุนต้องสวมเสื้อผ้าเก่าเปียกชื้น เสื้อผ้าชุดนี้ถูกแช่ด้วยน้ำ มันแนบติดร่างกาย เห็นสัดส่วนอันสมบูรณ์ของร่างกายเขาอย่างชัดเจน หลังจากวันอันยากลำบากของการฝึก กล้ามเนื้อของอี้หยุนเติบโตและกระชับขึ้น และรูปร่างของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เขายังสูงขึ้น กลายเป็นชายหนุ่มหล่อเหลา อี้หยุนได้รับกลิ่นอายใหม่ หลังจากก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขต ชีพจรสัมพันธ์ เขายืนบนก้อนหินขนาดใหญ่ ร่างกายเหยียดตรง ราวฝักดาบ หยิ่งผยองไปกับชัยชนะ ภายใต้แสงจันทร์นุ่มนวล มันส่องสว่างกระทบผิวบอบบางของเขาให้ระยิบระยับเหมือนปรอท มองไม่เหมือนเด็กยากไร้ที่ไม่มีอะไรจะกิน แม้ว่าเขาจะเป็นเหมือนรูปปั้นแกะสลัก เขาก็ยังเป็นเหมือนเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน เสื้อผ้าที่สวมใส่ อธิบายได้ด้วยคำว่า “ผ้าขี้ริ้ว” เท่านั้น แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดกลิ่นอายอันเจิดจรัสของเขาได้ ที่มาของชื่อ 1. Purple Crystal Origins = ผลึกม่วงบรรพชน มีที่มาจาก คำว่า Origins ที่มีความหมายว่าบรรพบุรุษ 2.กรุยเส้นลมปราณ = ชำระล้างเส้นลมปราณ มาจากหนังสือกำลังภายในเก่าๆ ใช้คำว่า กรุยเส้นชีพจร ดังนั้นจึงให้ชื่อระดับ 4 นี้ว่า ชีพจรสัมพันธ์ ไม่ใช้ เส้นลมปราณสัมพันธ์) 3. “พลังเคลื่อนสวรรค์พิภพ” ชื่อนี้ตั้งแบบมั่วขึ้นเอาเอง สาระนิดๆ ว่าด้วยเรื่องลมปราณ ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยเส้นลมปราณหลัก 12 เส้น และ 8 เส้นลมปราณพิเศษ เส้นลมปราณหลัก 12 เส้น ที่เดินอยู่เป็นแนวตั้งทั้งด้านหน้าเป็นเส้นหยินและด้านหลังเป็นเส้นหยาง เป็นเส้นลมปราณปกติ ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงอวัยวะภายในกับระบบโครงสร้างร่างกายและแขน-ขา อันดับแรก เส้นหยินแขน 3 เส้น เรียกว่า 1.เส้นแขน ไท่หยิน 2.เส้นแขน เส้าหยิน 3. เส้นแขน เจวียหยิน อันดับสอง เส้นหยางแขน 3 เส้น เรียกว่า 1. เส้นแขน หยางหมิง 2. เส้นแขน ไท่หยาง 3. เส้นแขน เส้าหยาง อันดับสาม เส้นหยางขา 3 เส้น เรียกว่า 1. เส้นขาหยางหมิง 2. เส้นขาไท่หยาง 3. เส้นขาเส้าหยาง และอันดับสี่ เส้นหยินขา 3 เส้น เรียกว่า 1. เส้นขา ไท่หยิน 2. เส้นขา เส้าหยิน 3. เส้นขา เจวียหยิน นอกจากนั้นยังมีเส้นพิเศษอีก 8 เส้น 1. เส้นเริ่น เป็นเส้นลมปราณที่เดินอยู่ตรงกึ่งกลางลำตัวด้านท้อง ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมพลังปราณของระบบเส้นลมปราณหยิน 2.เส้นตู เป็นเส้นลมปราณที่เดินอยู่ตรงกึ่งกลางลำตัวด้านหลัง หรือ พาดตามแนวปมกระดูกสันหลัง ทำหน้าทีเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมพลังปราณ ของ ระบบเส้นลมปราณหยาง 3.เส้นชง ทำหน้าที่ต่อจากเส้นเริ่น ในการหล่อเลี้ยงเลือดให้กับบริเวณ ท้องน้อยและอุ้งเชิงกราน 4.เส้นไต้ เป็นเส้นที่เดินแนวในพาดขวางของลำตัว อยู่บริเวณเอวและ ชายโครง 5.เส้นหยินเชียว และ 6.เส้นหยางเชียว (“เชียว” หมายถึงการพาดข้าม) เป็นเส้นที่เดินพาดจากตาตุ่มในและตาตุ่มนอกขึ้นไปยังหัวตา 7.เส้นหยินเหวย (“เหวย” หมายถึง ผูกมัด หรือ เชื่อม) ทำหน้าที่ เชื่อมประสาน ระบบเส้นลมปราณหยินโดยเดินจากบริเวณเหนือ ข้อเท้าทางด้านในผ่านท้องและอกขึ้นสู่ลำคอเชื่อมต่อกับเส้นเริ่น 8.เส้นหยางเหวย ทำหน้าที่เชื่อมประสานระบบเส้นลมปราณหยาง โดยเดินจากใต้ตาตุ่มทางด้านนอกขึ้นไปทางด้านหลังและก้านคอ เชื่อมต่อกับเส้นตู เรียกว่า “ฉีจิงปาม่าย” หมายถึงเส้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่เส้นลมปราณหลัก เส้นทั้ง 8เรียกรวมกันเป็น 2 เส้น คือ เส้นเริ่น กับ เส้นตู จึงรวมเส้นสำคัญทั้งหมดของร่างกายได้เป็น 14 เส้น

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้