True Martial World บทที่ 34 คำเตือนของเจียงเเสี่ยวโหรว

อี้หยุนกับเจียงเเสี่ยวโหรวกลับบ้านโดยเกือบอยู่ภายใต้การคุ้มกันของชาวบ้านทั้งหมด สำหรับชนเผ่าเหลียนแล้ว มันเป็นข่าวใหญ่ อี้หยุนผ่านการทดสอบ เด็กยากไร้ได้รับการคัดเลือกจากท่านราชทูตผู้สูงส่ง จะได้รับการชี้แนะเรื่องวิชายุทธ และยังมีสิทธิ์เข้าร่วมการคัดเลือกของอาณาจักรในอนาคต! เรื่องนี้ไม่มีลางมงคลใดๆบ่งบอกมาก่อน “บอกเจ้า ข้าเฝ้าดูเจ้าหนูหวินโตขึ้นมา ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลย เขาเป็นอัจฉริยะทางวิชายุทธจริงๆ? จะเข้าแข่งในการคัดเลือกของอาณาจักรเป็นความจริง?” “ก็ตั้งแต่ท่านราชทูตผู้สูงส่งบ่งบอกด้วยตนเอง มันก็ต้องจริงแต่ข้าสงสัยว่าเขาจะมีเวลาไม่พอที่จะเตรียมตัวสำหรับการคัดเลือกของอาณาจักร ถึงจะเป็นอัจฉริยะก็คงไม่มีหวัง” สำหรับชาวบ้านของเผ่าเหลียน พวกเขาก็รู้ว่าวิชายุทธไม่ได้ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน การคัดเลือกของอาณาจักรเป็นขั้นตอนการคัดเลือกกลุ่มบุคคลชั้นยอด ได้เป็นที่ชื่นชมของจางอวี๋เซียน ก็โชคดีมากอยู่แล้ว แต่เป็นฝันกลางวันที่จะผ่านการคัดเลือกของอาณาจักร มันไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก หรือ มอบให้แก่เด็กที่ไม่เคยเรียนรู้ และไร้ผู้ชี้แนะในวิชายุทธมาก่อน มันไม่ทำให้เขากลายมาเป็นผู้รู้ ผ่านการทดสอบได้ภายในเวลาสองเดือน ด้วยเหตุผลนี้ สำหรับการมีส่วนร่วมในการคัดเลือกของอาณาจักร เผ่าเหลียนได้มีฉันทามติโดยไร้ผู้โต้แย้ง ด้วยความพยายามอย่างมาก เจียงเเสี่ยวโหรว กับอี้หยุนก็มาถึงบ้าน แม้นางจะปิดประตูลานบ้านแล้ว หลายคนก็ปีนขึ้นบนกำแพง มองดูเข้าไปในบ้าน กำแพงที่ทำจากโคลน ชาวบ้านเตี้ยๆเด็กๆ ก็สามารถปีนขึ้นได้โดยง่าย ด้วยเหตุนี้กำแพงบ้านของเจียงเเสี่ยวโหรวก็ทรุดตัวจากน้ำหนักของผู้คน กำแพงโคลนเริ่มจมลง ราวกับว่ามันกำลังจะพังทลาย เจียงเเสี่ยวโหรวไม่ได้กังวลเรื่องนั้น นางมีความคิดหลากหลาย ภาคภูมิใจในน้องชาย แต่ก็ผสมด้วยความกลัว และความสับสนของการไม่รู้อนาคตข้างหน้า นางรู้ว่า อี้หยุนมีความสามารถเท่านั้น แต่ขาดความแข็งแกร่ง ชาวบ้านอาจคิดผสมกันขึ้นมาเองว่าอี้หยุนอาจได้พบกับเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เจียงเเสี่ยวโหรวรู้ว่าในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ ความแข็งแกร่งสำคัญที่สุด คนที่มีความสามารถจะใช้ความแข็งแกร่งเพื่อพัฒนาหรือละทิ้งมัน “หยุนเอ๋อร์ นายท่านจางบอกว่า ร่างกายของเจ้าไร้รอยต่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ร่างกายไร้รอยต่อคืออะไร?” เจียงเเสี่ยวโหรวจับมือของอี้หยุนไว้ขณะที่นั่งอยู่ข้างเตียง อี้หยุนส่ายศีรษะ “พี่เเสี่ยวโหรว ท่านรู้ใช่ไหมว่ามันคืออะไร?” “ใช่...ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างเล็กน้อยร่างกายไร้รอยต่อหมายความว่า ร่างกายไม่มีพลังงาน ‘รั่วไหล’ เป็นสภาพร่างกายที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการฝึกวิชายุทธ” “ร่างกายไร้รอยต่อก็มีระดับขั้นเช่นกัน ระดับต่ำสุดเป็น ร่างกายโลหิตมนุษย์ไร้รอยต่อ ไร้การรั่วไหลแม้จะอยู่ในขอบเขตโลหิตมนุษย์ แต่มันจะไม่เป็นเช่นนั้นเมื่ออยู่เหนือขอบเขตโลหิตม่วงขึ้นไป ร่างกายโลหิตม่วงไร้รอยต่อ ก็ยังคงไม่มีการรั่วไหลใดๆ มันจะเป็นอยู่ที่สองขอบเขตนี้ โลหิตมนุษย์ กับโลหิตม่วง แต่ถ้าเหนือกว่านั้นก็จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก….. ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะเป็นอะไรเมื่อเข้าสู่เวลานั้น” อี้หยุนรู้สึกประหลาดใจในคำของเจียงเเสี่ยวโหรว “พี่เเสี่ยวโหรว ท่านรู้เรื่องมากมายพวกนี้ได้อย่างไร?” เจียงเเสี่ยวโหรวลูบหัวอี้หยุนแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนข้ายังเด็ก ข้าได้รับการทดสอบความสามารถจากครอบครัว ข้าเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างมาจากตอนนั้น” “ขั้นตอนในการทดสอบร่างกายไร้รอยต่อ ลำบากมาก นายท่านจางไม่อยู่ในระดับนั้น และการบ่มเพาะของเขาก็มีขีดจำกัด ดังนั้น เขาสามารถทดสอบเจ้าได้อย่างคร่าวๆ...” “บุคคลที่มีร่างกายไร้รอยต่อจะเป็นที่ชื่นชมอย่างสูงในเผ่า หากถ้าเป็นเพียง ร่างกายโลหิตมนุษย์ไร้รอยต่อแล้ว ความชื่นชมนั้นก็จะมีขีดจำกัด อย่างไรก็ตามร่างกายไร้รอยต่อในระดับสูงๆหากยากมาก ข้าจำวันที่ทดสอบได้ ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของข้าชื่อเจียง หมิงเจ๋อ เป็นระดับ “ร่างกายผู้รอบรู้ไร้รอยต่อ” ทุกคนในครอบครัวดีใจมาก และพวกเขาเฉลิมฉลองกันเป็นวัน มีบุคคลสำคัญมาในวันนั้นมากมาย ส่วนรายละเอียด ข้าจำไม่ได้อีกแล้วจริงๆ...” อี้หยุนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเเสี่ยวโหรว ระดับ ร่างกายผู้รอบรู้ไร้รอยต่อ? ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าระดับนั่นคืออะไร แต่ฟังดูมีพลังจริงๆและ… เพื่อสร้างสถานะภาพในครอบครัว เจียงเเสี่ยวโหรว จัดเป็นอะไรในเผ่า อี้หยุนรู้ว่าเจียงเเสี่ยวโหรวมีภูมิหลังมาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง นางได้รับการสอนอ่านเขียนมาตั้งแต่เด็ก ได้อ่านมาอย่างมากมาย ดังนั้นนางจึงรู้เรื่องการบ่มเพาะ มันเป็นไปไม่ได้ สำหรับเด็กที่จะมาจากครอบครัวเล็กๆที่จะทำได้ เมื่อเกิดมาในชนเผ่าเช่นนั้น นางจะไม่สามารถอธิบายการค้นพบว่าตนเองกำลังหาที่หลบภัยในดินแดนรอบนอกอันไพศาล ในครอบครัวของเขาเองได้อย่างไร? อี้หยุนไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ตั้งคำถามว่า “พี่เเสี่ยวโหรว แล้วสถานะครอบครัวชนเผ่าของท่านคือ?” เจียงเเสี่ยวโหรว ขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะกำลังครุ่นคิดก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ข้าจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว จำได้เพียงว่าเป็นครอบครัวชนเผ่าใหญ่แค่นั้น แล้วจำได้ว่า….ข้าเริ่มอ่านเขียนตั้งแต่ยังเด็ก ข้าจำสนามรอบบ้านที่เคยอยู่ตอนเป็นเด็กได้ ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้น ข้าก็จำอะไรไม่ได้อีก แม้จะลองพยายามแล้วก็ตาม” คำพูดของเจียงเซียงโยรวสะกิดความอยากรู้อยากเห็นของอี้หยุน หรือว่าครอบครัวของเจียงเเสี่ยวโหรว ประสบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง? ผู้ใดหรือสิ่งใดสามารถทำลายครอบครัวที่รุ่งโรจน์เป็นเหตุให้ชนเผ่ากระจัดกระจาย? ราชวงศ์รุ่งเรืองหรือล่มสลาย ครอบครัวรุ่งโรจน์หรือถูกทำลายล้าง ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรเป็นนิรันดร์ “หยุนเอ๋อร์ ข้าตัดชุดนี้ให้เจ้า มาลองดูซิ” เจียงเเสี่ยวโหรวพูดขณะที่หยิบชุดที่ตัดเย็บใหม่ขึ้นมา จากหีบเก่าๆ มันทำจากผ้าสีเขียว เนื้อสัมผัสหยาบ ผู้คนจากดินแดนรกร้างเมฆามักจะใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากลินิน มันเหนียวและทนทาน อี้หยุนรู้สึกประหลาดใจ ในครอบครัวยากไร้สิ่งทอไม่มีความจำเป็น มันไม่ได้พูดเกินจริง แต่เป็นความจริง ไม่มีสิ่งทอในดินแดนรกร้างเมฆา สิ่งทอที่ทำจากโลหะมีราคาแพง ชะตากรรมของครอบครัวยากไร้ไม่คุ้มกับราคาของสิ่งทอ ในสถานการณ์ดังกล่าว เจียงเเสี่ยวโหรว เอาผ้าจากไหนมาตัดเสื้อใหม่ให้เขา? อี้หยุนรับเสื้อผ้ามาด้วยความรู้สึกผสมปนเป แม้เนื้อผ้าจะหยาบ มันก็เรียบร้อยสง่างาม ชายเสื้อเรียงรายด้วยหมุดเล็กๆ การเย็บตะเข็บแบบนี้ เจียงเเสี่ยวโหรวต้องใช้เวลาไปมาก โดยความสัตย์แล้ว เนื้อผ้านี้ก็ไม่ใช่ว่าดี ความจริงมันค่อนข้างเลว เมื่อเทียบกับผ้าฝ้าย และผ้าไหมที่อี้หยินเคยใส่บนโลก ราวกับสวรรค์กับพื้นพิภพที่แตกต่างกัน แต่เสื้อผ้านี้กับทำให้อี้หยุนรู้สึกพิเศษอย่างมาก “เร็วเข้า ลองใส่ซิ ข้าต้องการให้เจ้าตอนปีใหม่แต่เจ้าต้องเข้าฝึกวิชายุทธวันนี้ที่ลานฝึก มันเป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นเจ้าต้องสวมใส่สิ่งที่ดี คนอื่นๆจะไม่มีทางเย้ยหยันเจ้าได้” ได้ยินคำพูดของเจียงเเสี่ยวโหรว ราวกับมีก้อนในลำคอของเขา เขาหายใจลึกๆ ก่อนที่จะถอดเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งออก เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ เสื้อผ้าทำให้คน เช่นเดียวกับอานทำให้ม้า เสื้อผ้าของเจียงเเสี่ยวโหรว ใส่ได้พอดีมาก ถึงแม้มันจะทำจากลินิน แต่ก็เหมาะดีกับร่างกายที่กำลังเจริญเติบโต และกลิ่นอายที่ได้รับจากการก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตชีพจรสัมพันธ์ของอี้หยุน มันเป็นที่สะดุดตา เจียงเเสี่ยวโหรวดึงอี้หยุนเข้ามาและมองเขาทุกมุม ด้วยความรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง แต่นางมีบางสิ่งที่ต้องพูด “หยุนเอ๋อร์ เจ้าอาจได้รับความชื่นชมจากนายท่านจาง แต่นายท่านจางจะจากไปใน 3 วัน เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา ดังนั้นมันเป็นการยากที่เขาจะดูแลพวกเรา ดังนั้นในอนาคตพวกเราต้องพึ่งพาตนเอง” “นายท่านจางอาจบอกว่าเจ้ามีความสามารถมาก แต่ความสามารถไม่เพียงพอที่จะป้องกันตัวเจ้า ก่อนที่เจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เจ้าอาจต้องประสบกับเภทภัย ดั่ง ช้างมีงา แรดมีนอ มันจึงถูกตามล่า เมื่อเจ้าได้ฝึกจาก นายท่านจาง อย่าให้มากจนเกินความจำเป็น การรักษาให้อยู่ในระดับต่ำเป็นกุญแจสำคัญ และอยู่อย่างระมัดระวังเป็นหนทางที่ถูกต้อง” “โดยเฉพาะกับคนใจคอคับแคบอย่างเหลียนเฉิงอยู่ เขาจะไม่ยอมให้เจ้าขโมยแสงแห่งความรุ่งโรจน์ของเขาแน่!” “เมื่อนายท่านจางยังอยู่ที่นี่ เหลียนเฉิงอยู่จะไม่กล้าพยายามทำสิ่งใด แต่อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อนายท่านจางจากไป? นายท่านจางอาจไม่รู้สถานะภาพของเหลียนเฉิงอยู่ หรือ เขาก็รู้เรื่องราวในชนเผ่าเหลียน และความเกลียดชังที่เหลียนเฉิงอยู่มีต่อเจ้า มือของนายท่านจางผูกติดกับสถานการณ์บางอย่างและเขาจะไม่มาที่นี่ หากไม่ใช่เพราะการคัดเลือกรอบแรกของอาณาจักร เขาจะไม่คิดมากเกินไปกว่านั้นและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของเผ่าเหลียน การหวังให้เขาปกป้องคุ้มครองเป็นไปได้ยากมาก เจ้าเข้าใจหรือไม่?” เจียงเเสี่ยวโหรวกล่าวมากมายในหนึ่งอึดใจ ทำให้อี้หยุนอัศจรรย์ใจยิ่ง ความคิดของนางสุขุมรอบคอบ ความเข้าใจต่อคนและต่อโลกของนางเกินกว่าผู้หญิงในอายุเดียวกัน ผู้หญิงปกติจะเป็นลม หากน้องชายของนางได้รับการชื่นชมจากท่านราชทูตผู้สูงส่ง นางจะไม่อยู่บ้านเพื่อให้คำแนะนำเขา แต่จะวิ่งออกไปบ้านเพื่อนบ้านพร้อมคุยโวเกี่ยวกับความสามารถของน้องชาย “พี่เเสี่ยวโหรว ข้าเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านพูด” อี้หยุนจับมือของเจียงเเสี่ยวโหรวเอาไว้ “ไม่ต้องกังวล หากข้าไม่มีความมั่นใจที่จะจัดการกับเหลียนเฉิงอยู่ วันนี้ข้าจะไม่ก้าวออกไป” อี้หยุนชั่งน้ำหนักตัวเลือกอย่างรอบคอบระมัดระวังก่อนที่จะลงชื่อเขาต้องผ่านการคัดเลือกรอบแรกจากจางอวี๋เซียน มันไม่เพียงเป็นตั๋วไปสู่การคัดเลือกของอาณาจักร แต่สามารถที่จะได้รับทักษะความรู้จากจางอวี๋เซียน นั่นทำให้เขาความสนใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้อี้หยุนได้ขโมยเรียนจากเหยาหยวน ดังนั้นผลที่ได้รับจึงน้อยลงอย่างมาก อี้หยุนต้องก้าวออกไป เมื่อจางอวี๋เซียนทำการคัดเลือกเปิดเผยความสามารถของเขา แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยการฝึกที่เกิดขึ้นจริงต่อหน้าจางอวี๋เซียน จางอวี๋เซียนไม่รู้เรื่องไพ่ลับของอี้หยุน แม้แต่เหลียนเฉิงอยู่ก็ไม่รู้ อี้หยุนเป็นเด็กอ่อนแอเมื่อไม่กี่วันก่อน หากไม่มีสมุนไพรหรือไม่มีคนสอนทักษะแก่เขา มันคงเป็นเรื่องประหลาด เขาจะไปถึงขอบเขตชีพจรสัมพันธ์ ได้อย่างไร! หากเหลียนเฉิงอยู่ บอกจางอวี๋เซียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ จางอวี๋เซียนจะเกิดความสงสัย คนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง เหมือนเขายังไม่สามารถมีความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนี้ แม้ว่าจะกินสมุนไพรมีค่าทุกอย่างเป็นประจำ ในเวลานั้นจางอวี๋เซียนจะสงสัยว่า เขามีความลับ! แม้ว่าจางอวี๋เซียนดูเหมือนเป็นคนตรง แต่มันจะดีที่สุด หากจะมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด คนตรงก็อาจจะถูกล่อลวงได้โดยมหาสมบัติตรงหน้า เขาก็จะกระทำการอันน่ากลัวได้ อี้หยุนไม่สามารถเปิดเผยเรื่องผลึกม่วงได้อย่างแน่นอน

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้