True Martial World บทที่ 35 ทักษะพื้นฐานของกองกำลัง

ตอนสาย อี้หยุนมาถึงสนามฝึก จ้าวเทียจู่และคนอื่นๆในเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ ได้มาถึงก่อนแล้ว ด้วยความกระตือรือร้น พวกเขายกลูกกลิ้งหินและโม่หินขนาดใหญ่ขึ้น คนหยาบกระด้างเหล่านี้อาศัยการฝึกเช่นนี้สำหรับความแข็งแกร่งของพวกเขา มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดและเป็นสิ่งที่พวกเขามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ดังนั้นแม้ว่า จางอวี๋เซียนยังไม่มา คนจากเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธเหล่านี้ ก็เริ่มยกลูกกลิ้งหิน มีชาวบ้านหลายคนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาไม่สามารถหยุดตัวเองให้ดูฉากที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาได้ “โอ้ นี่วิชายุทธของพวกเรา วิ้ว!(เสียงเป่าปาก) เป็นอย่างไร จะลองบ้างไหม” จ้าวเทียจู่แสดงอวดเมื่อเห็นอี้หยุนเบียดฝูงชนออกมา “ปัง!” เสียงดังโครมคราม เมื่อจ้าวเทียจู่โยนลูกกลิ้งหินหนัก 500จิน มาตรงหน้าอี้หยุน “กล้าพอที่จะลองไหม?” จ้าวเทียจู่พูดท่าทางดูถูก มองไปที่อี้หยุน ต่อหน้าฝูงชนทั้งหมด จ้าวเทียจู่อยากพิสูจน์ตน ให้เห็นว่าที่อี้หยุนเป็นอัจฉริยะทางวิชายุทธ ที่ผ่านมาแค่โชคดีเท่านั้น “พี่เจา ท่านเอาที่หนักเกินไปให้เขา เขาจะยกลูกกลิ้งหินหนัก 500 จินได้อย่างไร? มานี่น้องชาย ทำไมไม่ลองที่น้ำหนักน้อยๆนี้” ชายอีกคน โยนหินหนัก 200 จินมาที่อี้หยุน เขารวมหัวกับจ้าวเทียจู่สร้างความอัปยศให้อี้หยุน สำหรับพวกเขา 50 จิน ก็ยากสำหรับอี้หยุนแล้ว ไม่ต้องพูดถึง 200 จิน จะเป็นอัจฉริยะทางวิชายุทธได้อย่างไร? อี้หยุนมองไปที่พวกเขา ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนปัญญาอ่อน เขาไม่ได้ใส่ใจกับพวกนั้น เขาได้พิสูจน์ความสามารถสำหรับวิชายุทธแล้ว เขาไม่ใส่ใจว่าพวกนั้นจะเชื่อหรือไม่ เขาบรรลุวัตถุประสงค์ในการปลูกคิดนั้นไว้ในใจพวกเขาได้แล้ว ต่อไป เขาจะต้องบ่มเพาะอย่างเหมาะสม เมื่อเขาแสดงความแข็งแกร่งเกินปกติในการคัดเลือกของอาณาจักร มันจะเป็นที่เข้าใจได้ อี้หยุนไม่ได้วางแผนที่จะขัดแย้งโดยตรงกับเหลียนเฉิงอยู่ ระดับการบ่มเพาะของเหลียนเฉิงอยู่เหนือกว่าเขาหนึ่งระดับ และยังเปี่ยมด้วยประสบการณ์การต่อสู้ นอกจากนี้ เหลียนเฉิงอยู่ ไม่ใช่แค่คนเดียว ยังมีคนอื่นๆเช่น เหยาหยวน และหัวหน้าเผ่า และผู้คนจำนวนมาก จากชนชั้นสูงที่สนับสนุน เหลียนเฉิงอยู่ หากจริงๆแล้วการลงให้ ก็เป็นเพราะอี้หยุนรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันยังอ่อนแอเกินไป นอกจากนั้นเขายังมีจุดอ่อน - เจียงเเสี่ยวโหรว ทันใดนั้นชายคนหนึ่งตะโกนเสียงต่ำมาว่า “นายท่านจางมาแล้ว” เหล่าสมาชิกเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธกระจายกันออกไปเหมือนไก่ และเริ่มยกลูกกลิ้งหิน “เฮ้! ฮ่า! เฮ้! ฮ่า!” คนพวกนี้ยกลูกกลิ้งหินร่วมกันมาเป็นปีๆ ส่งผลให้มีความสามัคคี ส่งเสียงขึ้นราวสวดมนต์ เป็นฉากที่เต็มไปด้วยพลังจริงๆ เหลียนเฉิงอยู่ กับจางอวี๋เซียน เดินมาที่กลางลานกว้างพร้อมกัน ใบหน้าของคนเหล่านั้นแดงก่ำไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาพยายามแสดงความแข็งแกร่งให้จางอวี๋เซียนเห็น หวังว่าจะได้ความน่าเชื่อถือเล็กน้อย ในบรรดาคนทั้งหมด จ้าวเทียจู่ ทำงานหนักที่สุด ทุกๆการแสดงออกบนใบหน้าของเขากล่าวว่า “ท่านเห็นมันหรือไม่?” นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา เขาเล่นสนุกกับลูกกลิ้งหินหนัก 500 จิน เขามิอาจเปรียบได้กับเจ้าเด็กเล็กๆนั่นได้อย่างไร นายท่านจาง ดูให้ดี นี่คือความผิดพลาดของท่านตอนนี้? เมื่อเห็นฉากดังกล่าว จางอวี๋เซียนถึงกับขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่า ความอดทนของเขาตกต่ำเหลือน้อยที่สุด ชนชั้นสูงในอาณาจักรไม่รู้เรื่องอะไรเลย กับต้องการให้มีการคัดเลือกของอาณาจักรในดินแดนรอบนอก และเขาก็ต้องรับภารกิจนั้น เขารู้สึกว่า เขากำลังจะสอนพวกเศษสวะ “เจ้าเหล่าเศษสวะทั้งหลาย ยืนให้ดี!” จางอวี๋เซียนแผดเสียงขึ้นทันที คลื่นเสียงของเขาปะทุไปข้างหน้าราวกับระเบิด สร้างความตกใจให้กับสมาชิกของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ พวกเขาปล่อยของทั้งหมดที่จับไว้ลง “ปัง! ปัง! ปัง!” พวกเขาหลายคนเกือบหลังหักด้วยการทิ้งลูกกลิ้งหินลงพื้น จ้าวเทียจู่กับพวกที่เหลือตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอกับ ความน่าเกรงขามเป็นอันดับแรก ความเป็นกันเองของจางอวี๋เซียนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ในความเป็นจริง จินลองเหว่ยคือกองกำลัง ในฐานะครูฝึกหน่วยทหาร มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะลงแส้ผู้คนจนตาย จางอวี๋เซียนนับว่าอยู่สถานปานกลาง เพราะเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะก้มลงไปมองในระดับเศษสวะ ลงแส้พวกเศษสวะ ใครทำก็แสดงว่าสมองมีปัญหา มันเป็นมลทินต่อชื่อเสียงของเขาที่เป็นจินลองเหว่ย “เจ้าพวกโง่! ข้าจะสอนทักษะให้แค่ 3 วัน ในระหว่างการเยือนเผ่าเหลียน ในตอนแรกข้าต้องการจะสอนทักษะหมัดหรือทักษะการเคลื่อนไหว แต่ดูจากการกระทำและความโง่เขลาของพวกเจ้า ข้าไม่แน่ใจว่าจะสอนทักษะได้จบ” จางอวี๋เซียนกวาดสายตาเฉียบคมของเขาผ่านคนเหล่านั้น มันเหมือนมีมีดลอกผิวหน้าของพวกเขาออกมา ทำให้ระคายไปทั่วทั้งใบหน้า! จางอวี๋เซียนหมุนตัวเดินออกไปที่มุมสนามฝึก มีต้นไม้สูงใหญ่ยืนต้นอยู่ นี่คือ ต้นไทรใหญ่ จ้าวเทียจู่เคยสัญญาว่าจะกินมันเมื่อตอนที่เขาเย้ยหยันอี้หยุน จางอวี๋เซียนยืนตรงหน้าต้นไทรใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้ว สับไปที่ต้นไม้ “ย๊ากกก!” เสียงคมชัดปะทุขึ้น ต้นไทรใหญ่ถูกตัดลงด้วยมือของจางอวี๋เซียน! ว้าว- คนจากเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธอ้าปากค้างเมื่อเห็นฉากนี้ ชาวบ้านโดยรอบต่างตกตะลึงและไม่อาจหยุดแยกเขี้ยวยิงฟันได้ พวกเขาไม่เคยเห็นการแสดงทักษะอันยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน เหลียนเฉิงอยู่ถึงกับคิ้วกระตุก หากมันเป็นการเตะ เขาก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่การสับมือแบบสบายๆที่ต้นไทรใหญ่ ราวกับว่าเขาตัดต้นหญ้า เป็นการแสดงพลังที่น่าตกใจ จางอวี๋เซียนลากต้นไทรใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายพันจิน ราวกับมันเป็นแค่กิ่งไม้ เขาโยนต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าสมาชิกเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ ผู้คนมองไปที่ต้นไม้ พวกเขานึกถึงคำพูดของจางอวี๋เซียนที่บอกว่าเขาจะสอนทักษะหนึ่งให้มันคือการสับด้วยมือนี้? กับความคิดนี้ พวกเขาหลายคนไม่อาจมุ่งหวัง การเคลื่อนไหวสบายๆเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจเทียบกับจางอวี๋เซียนได้ แค่หนึ่งในสิบของพลังก็พอจะสบายมาก! “ทักษะที่ข้าจะสอนพวกเจ้าในวันนี้ ไม่ใช่เคล็ดวิชา ไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ มันเป็นวิชาลับ! เป็นทักษะพื้นฐานสำคัญของจินลองเหว่ย อันประเมินค่ามิได้! หากเจ้าสามารถเรียนรู้ได้ดี ถนนสายวิชายุทธก็จะราบรื่น และมันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังจะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของเจ้า” คำพูดของจางอวี๋เซียนกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คน ไม่แค่ช่วยเรื่องวิชายุทธ ยังเพิ่มความแข็งแกร่ง และแม้กระทั่งการเอาชีวิตรอด เป็นทักษะพื้นฐานสำคัญของจินลองเหว่ย! วิชาลับฟังดูดี มันคืออะไร? “เจ้า!” จางอวี๋เซียน ชี้ไปที่ จ้าวเทียจู่ “ก้าวมาข้างหน้า” จ้าวเทียจู่ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างฉลาด ไปตรงหน้าของจางอวี๋เซียน กึ่งหนึ่งเขากำลังจะประสาทเสีย และอีกกึ่งกำลังตื่นเต้น “วิชาลับนี้ จะสาธิตโดยเจ้า” จ้าวเทียจู่รู้สึกยินดีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ความรู้สึกดีห่อหุ้มเขาไปทั่ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า จ้าวเทียจู่หัวเราะในใจสามครั้ง จางอวี๋เซียนจะบอกวิชาลับให้เขาเป็นการส่วนตัว เขาจะเรียนรู้มันได้ดีไหม? ถึงแม้นายท่านจางจะไม่ได้พูดอะไร หลังจากทั้งหมดนี่ เขาจะชื่นชมข้า คาดหวังได้ ข้าจะเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุด ในเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธทั้งหมด เป้าหมายการฝึกวันนี้คือต้นไทรใหญ่อย่างน้อยข้าก็จะสามารถตัดชิ้นส่วนของเปลือกไม้ลงได้ในหนึ่งสับ! จ้าวเทียจู่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะลอง จางอวี๋เซียนผ่าต้นไทรใหญ่ออกจากกันด้วยการสับเพียงสองสับ! ต่อจากนั้น จางอวี๋เซียนชี้ไปที่ต้นไทรใหญ่ แล้วบอกจ้าวเทียจู่ว่า “เจ้า! กินต้นไทรใหญ่นี้ซะ!” ด้วยคำพูดนี้ ความตื่นเต้นของจ้าวเทียจู่ แทบจะตีลังกาปลูกหัวของเขาลงไปในดิน อะไร? อะไรกันวะ? กินต้นไทรใหญ่นี่ กินต้นไทรใหญ่ กินต้นไม้ กิน... คำพูดดังขึ้นในหัวของจ้าวเทียจู่ เขาไม่อยากจะเชื่อ จางอวี๋เซียน ข้าได้ยินผิดไป!

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้