True Martial World บทที่ 39 ประสบการณ์เจ็บปวดที่สุดในชีวิต

อี้หยุนปฏิบัติ 12 เคลื่อนย้าย ของ เคล็ดวิชากลืนกินคชสาร ซ้ำๆโดยไม่รู้เหตุผล มันเป็นการกระทำที่ใช้พลังงานอย่างมาก อี้หยุนอยู่ในสภาวะกึ่งไร้สติ เขาเคลื่อนย้ายซ้ำๆ ห้าครั้ง ก่อนที่จะรู้สึกเหนื่อย! เขาเปิดตาขึ้น และรู้สึกว่าช่องท้องร้อนราวไฟเผาเหมือนกับมีเปลวไฟลุกโพลงขึ้น พลังงานทั้งร่างพุ่งไปที่กระเพาะ เลือดและพลังงาน จำนวนมากถูกส่งไปที่นั่น! ในคนปกติหลังกินอาหาร เลือดจะไหลเวียนไปที่กระเพาะเพื่อช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร อี้หยุนก็อยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน เพียงแต่มันขยายมากกว่ากันเป็น100 เท่า อี้หยุนรู้สึกว่า หากเขาปรารถนาเลือดทั้งหมด ในร่างกายก็อาจมารวมกันอยู่ที่กระเพาะ แม้ตะปูเหล็กและแก้วก็สามารถย่อยได้ ความรู้สึกอึดอัดจากการกินกวนอิมดินหายไปโดยสิ้นเชิง ภายใต้การบีบตัวอันแข็งแกร่งของกระเพาะ กวนอิมดินที่จับตัวกันเหนียวหนืดก็กระจายตัวออก อี้หยุนเงยหน้าขึ้นและตระหนักว่าทุกคนกำลังมองเขาอยู่ จางอวี๋เซียนมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า สำหรับคนของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ สามารถอธิบายได้แค่ ประหลาดใจ,อิจฉาริษยา และความไม่เป็นมิตร ในเวลานี้ เหลียนเฉิงอยู่เดินไปหาอี้หยุนด้วยรอยยิ้ม “อี้หยุน ข้าต้องขออภัย” อี้หยุนมองเหลียนเฉิงอยู่พูดด้วยความประหลาดใจ เหลียงเฉิงอยู่ตบไหลอี้หยุนแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “อี้หยุน โดยความสัตย์แล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าผ่านการคัดเลือกรอบแรกมาได้เป็นเพราะโชคดี แต่เจ้าก็ได้พิสูจน์ตนเองแล้ว ข้าต้องอภัยต่อเจ้าที่ไม่เชื่อว่าเจ้ามีความสามารถสูง!” เหลียนเฉิงอยู่ไม่ได้ตระหนี่คำชมเชยของเขา “ในอดีตที่ผ่านมา การใช้ให้เจ้าไปเก็บสมุนไพรเป็นการทำให้ความสามารถสูญเปล่า จากวันนี้ไป เจ้าสามารถเข้าสู่เหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ เผ่าเหลียนจะเตรียมการดูแลเจ้าเอง!” “มันเลวร้ายเหลือเกินที่การคัดเลือกของอาณาจักรจะเกิดขึ้น ในอีกไม่กี่สิบวัน เจ้าจะตำหนิข้าที่ไม่สังเกตเห็นความสามารถของเจ้า ทำให้เจ้าเสียเวลาไป และมีเวลาไม่นานพอที่จะฝึกวิชายุทธ ทำให้เจ้าไม่น่าจะผ่านการคัดเลือกของอาณาจักร...” “แต่ก็ไม่เป็นไร หากพี่ชายผู้โง่เขลาคนนี้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักร แน่นอนว่าข้าจะให้ความช่วยเหลือเจ้า และทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะสามารถเดินทางออกจากดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่นี้ ในเวลานั้นเจ้าจะสามารถได้รับการสนับสนุนจากเผ่าเหลียน ไปสู่ความรุ่งโรจน์ พวกเราก็จะสามารถนำมวลชนอพยพเข้าไปในเมือง!” เหลียนเฉิงอยู่พูดอย่างเป็นจริงเป็นจังดวงตาของเขาไม่มีสัญญาณของความหลอกลวงแม้แต่น้อยนิด หากอี้หยุนไม่รู้จักเหลียนเฉิงอยู่ดี เขาก็คงถูกหลอก! มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินหัวใจผู้คนจากใบหน้าของเขา หากผู้คนต้องการซ่อนความตั้งใจจริงไว้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกได้จากสีหน้าว่าที่จริงเขาคิดอะไร เหลียงเฉิงอยู่กำลังกระทำเช่นนั้น อี้หยุนเข้าใจ เขาแสดงเช่นนั้นเป็นเพียงการกระทำต่อหน้า จางอวี๋เซียน เมื่อจางอวี๋เซียนจากไป เหลียนเฉิงอยู่ก็จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา เหลียนเฉิงอยู่จะทนต่อความเจริญของเขาไปได้อย่างไร? อี้หยุนยิ้มโง่งม แล้วพูดกับเหลียนเฉิงอยู่ว่า “ขอบคุณนายน้อยเหลียน ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เมื่อเห็นอี้หยุนหลงกล เหลียนเฉิงอยู่ก็ไม่อาจกลั้นยิ้มได้ เขาไม่ได้คาดว่าภายใต้ผิวหนังของเด็กอายุสิบสองปี มีผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ยิ่งกว่าเขา เหลียนเฉิงอยู่กล่าวให้กำลังใจ ก่อนหันหน้าไปทางจางอวี๋เซียนแล้วพูดขึ้นว่า “นายท่านจาง ข้าเป็นผู้โง่เขลา ความสามารถรับรู้ไม่ดีเท่าน้องอี้หยุน ข้ายังไม่สามารถเข้าใจเคล็ดวิชากลืนกินคชสาร นายท่านจางได้โปรดแสดงให้เห็นอีกสักครั้งจะได้หรือไม่?” นับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจชำระแค้นภายหลัง เหลียนเฉิงอยู่ก็แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนให้เห็น แต่สำหรับจ้าวเทียจู่ กับสมัครพรรคพวกแล้ว แทบสำลักเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น “นายน้อยเหลียน...” จ้าวเทียจู่เป็นกังวล เหลียนเฉิงอยู่คิดกับอี้หยุนอย่างสูงส่งได้อย่างไร เขาพูดคำเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร... “หุบปาก เจ้าพวกไม่มีอะไรดี เสบียงอาหารและเนื้อสัตว์ทั้งหมดที่เผ่าให้กับเจ้า ไม่ทำให้พวกเจ้าสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชากลืนกินคชสารได้ในวันนี้ มันเป็นความอัปยศ หากเจ้าไม่สามารถปฏิบัติได้จริงๆเจ้าต้องการท้องแตกตายจากการกินกวนอิมดิน?” ขณะที่เหลียนเฉิงอยู่ พูดว่า “ท้องแตกตาย” จ้าวเทียจู่และสมัครพรรคพวก จู่ๆก็มีท่าทางเปลี่ยนไป ถูกต้อง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากพวกเขาไม่อาจเรียนรู้ได้ พวกเขาต้องเผชิญกับผลที่ตามมา! เมื่อเห็นเหลียนเฉิงอยู่ จัดการเรื่องราวและใช้คำพูดได้อย่างเหมาะสม จางอวี๋เซียนก็พยักหน้า เหลียนเฉิงอยู่มีทั้งความสามารถและความเป็นผู้นำที่ดี เขาเป็นบุคคลที่มีความสามารถ จางอวี๋เซียน พูดขึ้นว่า “สำหรับเคล็ดวิชากลืนกินคชสาร การกินไม้และกวนอิมดินนั้น เป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้น หากเจ้าประสบความสำเร็จตามเกณฑ์ เจ้าสามารถทดลองกินวัตถุที่มีพลังทำลายล้าง เป็นอาหารที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการฝึกให้ได้ดียิ่งขึ้น” คำพูดเหล่านี้เพียงกล่าวแก่เหลียนเฉิงอยู่และอี้หยุน จากมุมมองของจางอวี๋เซียน มีเพียงเหลียนเฉิงอยู่และอี้หยุนเท่านั้น ที่สามารถออกจากดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่และการเป็นยอดยุทธที่แท้จริง เขาหันมากล่าวกับจ้าวเทียจู่และสมัครพรรคพวกว่า “สำหรับพวกเจ้าไม่มีโอกาสที่จะกินอาหารมีค่าเหล่านั้น แต่หากเจ้าสำเร็จเคล็ดวิชากลืนกินคชสาร เจ้าอาจจะกินรากหญ้าหรือเปลือกไม้ได้อย่างปลอดภัยในช่วงเวลาขาดแคลน มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดต่อการเอาชีวิตรอด แม้เรียนรู้ได้แม้เพียงนิดเดียวก็มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับเจ้า” “ข้าจะแสดงให้ดูอีกครั้ง อย่างช้ามากๆ ดูให้ดี จะสามารถระบุเสน่ห์ของเคล็ดวิชากลืนกินคชสารได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเอง!” แล้ว จางอวี๋เซียนก็เริ่มเคลื่อนย้ายอีกครั้ง เขาเคลื่อนย้ายอย่างช้ามากจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้จ้าวเทียจู่กับสมัครพรรคพวกเรียนรู้ได้ ผลที่ได้คือ เสียงคร่ำครวญจากสุขา ของเผ่าเหลียนในคืนนั้น บางคนบอกว่าสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต คือความล้มเหลวในการหาสุขาให้พบเมื่อมีอาการท้องเสีย ในที่สุดพวกเขาต้องอุจจาระรดกางเกง แต่สำหรับจ้าวเทียจู่กับสมัครพรรคพวก สิ่งนี้ควรถูกเรียกว่าอะไร? สำหรับประสบการณ์นี้ จ้าวเทียจู่รู้สึกว่าการอุจจาระรดกางเกงเป็นความสำราญสุดยอด คืนนั้นหมอประจำเผ่าต้มยาระบายหม้อใหญ่ สำหรับให้สมาชิกในเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธได้ดื่มมัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้ และที่พึ่งสุดท้ายพวกเขา ก็ต้องทำตามคำพูดของจางอวี๋เซียน พวกเขาต้องใช้นิ้วมือขุด และเมื่อพวกเขาตระหนักว่านิ้วมือไม่ยาวพอ พวกเขาก็ใช้แท่งไม้ไผ่ เมื่อแท่งไม้ไผ่ ถูกสอดเข้าไปในทวารหนักของพวกเขา…. นั่นรู้สึก…… “สวรรค์” ความจริงการใช้แท่งไม้ไผ่ขุดไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นเรื่องยากที่จะทำเอง เพราะพวกเขาไม่สามารถมองเห็น ที่พึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ต้อง “มีผู้ช่วย” พวกเขาต้องแสดงก้นให้พี่น้องช่วย... ฉากที่สมบูรณ์แบบเกินไปนั้น อี้หยุนไม่ต้องการคิดถึงมัน การเห็นแก้มก้นของเพื่อนไม่นับเป็นอะไร แต่การที่จะต้องช่วยเพื่อนขุดอุจจาระออกมาคือการแสดงความรักที่แท้จริง เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ประหนึ่งว่าจะสามารถจินตนาการฉากสังหารที่เกิดขึ้นได้ เมื่อแท่งไม้ไผ่ได้ขุดผ่านบางสิ่งบางอย่าง... ในวันที่สอง จ้าวเทียจู่กับสมัครพรรคพวกเดินแข้งขาอ่อน ใบหน้าซีดเผือด พวกเขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เพราะต้องวิ่งเข้าสุขาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พวกเขาดื่มยาระบายจนทั้งหมดที่ออกมาเป็นของเหลวสีเหลืองราวกับแท่งไม้ไผ่ ความทรมานนั้นไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้ ยังโชคดีที่พวกเขาไม่ได้กินกวนอิมดินเข้าไปมากเกินไป ผลของยาระบายกับเครื่องมือขุด จึงไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ... สำหรับการฝึกในวันที่สอง จ้าวเทียจู่กับ สมัครพรรคพวก ไม่มีใครกล้ากินกวนอิมดิน ดังนั้นจางอวี๋เซียนจึงสอนเฉพาะอี้หยุนและเหลียนเฉิงอยู่ ในที่สุดจางอวี๋เซียนก็ไม่ได้อยู่ที่ชนเผ่าตระกูลเหลียนครบ 3 วัน ในคืนวันที่สอง ม้วนหยก ที่จางอวี๋เซียนนำมาด้วย ก็สั่นจนเกิดเสียง ม้วนหยกเป็นอุปกรณ์ในการส่งข้อความที่จินลองเหว่ยใช้ เมื่อเห็นม้วนหยกสั่น จางอวี๋เซียนมีท่าทีเปลี่ยนไป เขาทิ้งข้อความไว้ และขับสัตว์อสูรตัวใหญ่หายลับไปในความมืดของรัตติกาล….

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้