True Martial World บทที่ 45 กำเนิดเมฆาม่วง

ในดินแดนรกร้างเมฆา มีผู้คนอยู่เพียงเล็กน้อย ในขณะที่มีสัตว์ป่าดุร้าย อยู่ทุกหนทุกแห่ง เป็นผลให้มีเผ่าเล็กๆจำนวนมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การจะรวมเผ่าเล็กๆเข้าด้วยกัน เพื่อรับการทดสอบจำเป็นต้องใช้บุคลากรและทรัพยากรจำนวนมาก แม้อาณาจักรจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่จำนวนผู้ฝึกยุทธ ที่คัดเลือกจากดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดว่า การกำเนิดในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่คือ โศกนาฏกรรม ไม่เพียงเท่านั้น ที่แห่งนี้ขาดแคลนซึ่งทรัพยากร แม้จะมีอัจฉริยะก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความก้าวหน้าในชีวิต อาณาจักรไทอารู้เรื่องนั้นดี แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ นอกจากดินแดนรกร้างเมฆาแล้ว แม้แต่อัจฉริยะบางคนจาก 108 แว่นแคว้น ก็ยังไม่ถูกหาพบเช่นกัน! นานนับปี อัจฉริยะมากมายไม่อาจนับได้จากดินแดนรอบนอกที่เสียชีวิตไปอย่างไร้ค่า พวกเขาเสียชีวิตจากความอดอยาก ความเจ็บป่วย ตกลงมาตายเนื่องจากการเก็บสมุนไพร หรือ ถูกกินโดยสัตว์อสูร บุคคลที่อาจกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่จบลงด้วยการตายราวกับขอทาน แม้หลังความตาย พวกเขาก็ไม่ได้รับการฝังอย่างเหมาะสม เพียงถูกฝังอยู่ใต้ดิน บางครั้งมีแผ่นไม้ป้ายหลุมศพ เช่นเดียวกับอี้หยุน แต่หลุมฝังศพเหล่านั้นจะสลายตัวและพังทลายไปหลังจากนั้นไม่กี่ปี ไม่มีผู้ใดจดจำ ผู้เสียชีวิตมีมากเกินไป พวกเขาถูกโลกลืมเลือน เกิดอย่างยากไร้และตายอย่างไร้ร่องรอย นี่คือชะตากรรม ของคนที่อยู่ในดินแดนรอบนอก เหลียนเฉิงอยู่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง จนเป็นเหตุให้มีมุมมองในชีวิตบิดเบี้ยว ผู้อาวุโสร่างอ้วนพูดขึ้นว่า “การเดินทางมาที่นี่ของเรามีบางสิ่งเกี่ยวข้อง และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกของอาณาจักรไทอา จะพูดให้เห็นชัดเจนถึงเหตุผลที่ทำไมพวกเรามาที่นี่กับการคัดเลือกอย่างกะทันหันของอาณาจักรไทอาล้วนมาจากเหตุการณ์นั้นเช่นเดียวกัน” เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวสนใจ ดวงตาอันเรียวงามทั้งคู่ขยับเบาๆ ขนตายาวต้องแสงแดดอ่อนๆ “ห้าเดือนที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น ในดินแดนรกร้างเมฆา มันเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส แต่ภายในไม่กี่วินาที ท้องฟ้าเหนือดินแดนรกร้างเมฆา ครอบคลุมอาณาบริเวณนับแสนไมล์ก็ปกคลุมด้วยเมฆหนา!” “และสิ่งแปลกประหลาดนั้นก็คือ เมฆ มันเป็นเมฆที่มีสีม่วง!” “เมฆสีม่วงครอบคลุมท้องฟ้าเหนือดินแดนรกร้างเมฆา นี่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ เป็นที่รับรู้ของนักดาราศาสตร์ในอาณาจักรไทอา ในคืนนั้นพวกเขาได้ตั้งชื่อมันว่า ‘กำเนิดเมฆาม่วง’!” “ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอีกเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา มันงดงามมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งบนฟากฟ้าและปกคลุมทุกสรรพสิ่งบนพื้นพิภพ!” “ ‘กำเนิดเมฆาม่วง’ นี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับอาณาจักรไทอา แต่สำหรับชาวบ้านในดินแดนรกร้างเมฆา พวกเขาไม่ได้รับรู้อะไรเลย ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนกลางคืน ด้วยสายตาคนปกติเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะ ความแตกต่างของสีในเวลากลางคืน จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามีเมฆสีม่วงปกคลุมไปทั่วดินแดนรกร้างเมฆาและพวกเขาก็ไม่รู้ว่าการกำเนิดเมฆาม่วงเป็นเหตุให้เกิดความผิดปรกติของลมปราณในเขตดินแดนรกร้างเมฆา” “ในเวลานั้น แม้นในส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนรกร้างเมฆา สัตว์อสูรรกร้างที่กบดานนิ่งเป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปียังสะดุ้งตกใจ!” “มีความเป็นไปได้เพียงไม่กี่อย่างสำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น” “อย่างแรกคือการกำเนิดของสมบัติมีค่าบางอย่าง อย่างไรก็ตามอาณาจักรไทอาได้ใช้เข็มทิศมหาสมบัติ ค้นหาในดินแดนรกร้างเมฆา ตั้งแต่ห้าเดือนที่ผ่านมาเข็มทิศมหาสมบัติ ก็ยังไม่สามารถค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนของสมบัติ พวกเขาก็ยังยืนยันว่ามีสมบัติอยู่ภายในบริเวณใกล้เคียงขนาดใหญ่นี้” “แต่เข็มทิศมหาสมบัติก็ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่ครั้งเดียว นั่นก็หมายความว่า ไม่มีสมบัติแต่อย่างไร หรือไม่ ก็เป็นสมบัติลึกลับที่ไม่มีอะไรจะสามารถตรวจสอบได้ หากเป็นอย่างหลัง มันก็ยากเกินจินตนาการ! สมบัติดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดพายุการนองเลือดในแผ่นดิน!” “ความเป็นไปได้ที่สอง คือผู้สันโดษ ในหมู่มนุษย์ ได้ก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตอันยิ่งใหญ่ หรือ สัตว์อสูรรกร้างดึกดำบรรพ์ เป็นเหตุของความวุ่นวายในครั้งนี้ แต่ความเป็นไปได้เช่นนั้นมีไม่มากแม้ว่าดินแดนรกร้างเมฆาจะเป็นที่กว้างใหญ่มาก เมื่อพิจารณาจากภูมิหลังของโลกนี้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ ผู้สันโดษหรือสัตว์อสูรรกร้างดึกดำบรรพ์ไม่น่าจะเลือกสถานที่เช่นนี้” “สำหรับความเป็นไปได้ที่สาม เป็นเรื่องของคนแคระ (ดูคำชี้แจงท้ายบท) พวกเขาเป็นเพียงตำนานจากคำบอกเล่าเท่านั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้” “ที่ข้านำเจ้ามาที่ดินแดนรกร้างเมฆานี้ ก็เป็นเพราะปรากฏการณ์ที่ว่านี้ สมบัตินั้นอาจสามารถเชื่อมต่อเส้นลมปราณหยินของเจ้าได้” “อาจารย์...” หญิงสาวถอนหายใจอย่างแผ่วเบา แม้ว่านางจะซาบซึ้งใจ แต่ก็ไม่อาจทนเห็น ผู้อาวุโสร่างอ้วนคนนี้วิ่งวุ่นไปทุกๆที่ พยายามจะรักษาความเจ็บป่วยของนาง แม้ว่าจะมีความเป็นได้น้อยสักแค่ไหนก็ตามที แต่นางก็รู้ว่าความเจ็บป่วยของนางเป็นคำสาป แม้จะมีคำร่ำลือว่า จักรพรรดิหญิงในสมัยโบราณ สามารถเชื่อมเส้นลมปราณได้ด้วยตัวเอง แต่มันก็เป็นเพียงการร่ำลือที่ยากจะพิสูจน์ได้! ผู้อาวุโสร่างอ้วนรู้ถึงความคิดของหลินซินถง แล้วก็ยิ้มออกมา “เอาล่ะ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว สำหรับปรากฏการณ์ดังกล่าวก็เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ของเจ้า แม้ว่าจะไม่ได้ผลอะไรจากมันเมื่อปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอาณาจักรไทอา เป็นเหตุให้ราชวงศ์ไทอาตื่นตระหนก นอกจากอาณาจักรไทอาแล้ว อาณาจักรใกล้เคียงก็ได้ลอบส่งคนเข้ามาตรวจสอบในดินแดนรกร้างเมฆานี้ด้วย” “ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาอาณาจักรไทอาได้ส่ง หลินหลงเหว่ยออกมาหาสาเหตุของปรากฏการณ์นี้ พวกเขาปรารถนาให้มันคือการปรากฏของสมบัติบางอย่าง ตั้งแต่หลินหลงเหว่ยเข้ามาในดินแดนรกร้างเมฆา พวกเขาก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำการคัดเลือกผู้ฝึกยุทธ” หลังจากการพูดคนเดียวของผู้อาวุโสร่างอ้วน หญิงสาวก็มีความเข้าใจในทันทีว่า มันไม่น่าประหลาดใจเลยที่ หลิงหลงเหว่ย จะวาดรายละเอียดของแผนที่ ที่รวมแม้กระทั่งพันครัวเรือนของเผ่าขนาดเล็กในดินแดนรกร้างเมฆาได้ “เอาล่ะ ไปกันเถอะ หลังจากผ่านภูเขา พวกเราก็จะเข้าสู่เผ่าเหลียนแล้ว เราจะไปหยุดที่เผ่าเทาเป็นเผ่าใหญ่ที่มีมากกว่าแสนครัวเรือน เราสามารถพักที่นั่นได้” เพียงแค่พูดจบ หัวใจของเขาก็กระตุก เขาส่งเสียง “เอ๊ะ” ออกมา “อาจารย์ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?” “ดูเหมือนว่าที่น้ำตกข้างหน้ามีใครบางคนกำลังจมน้ำอยู่ ลองไปดูกัน!” เขาพูดขณะที่เริ่มก้าวไปข้างหน้าผ่านป่าทึบ แม้ย่างก้าวจะดูเชื่องช้า แต่ก็ได้ระยะทางไกล ราวกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาได้หดสั้นลง ถึงกระนั้น หลินซินถงก็ยังตามทัน บุคคลที่อยู่บนจุดสูงสุดไม่ยุ่งเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานของผู้คนนับล้านในโลกใบนี้ แต่พวกเขาจะตอบสนองทันที หากต้องมีการช่วยชีวิต ... อี้หยุนไม่รู้ว่าเขานอนอยู่ใต้แอ่งน้ำนานเท่าไร จากคืนที่ผ่านมาหลังจากการดูดซับพลังงานของกระดูกเดียวดายทั้งหมดภายในครั้งเดียว เขาได้กระโดดลงไปในแอ่งน้ำ สู่การบ่มเพาะในภวังค์ จนกระทั่งขณะนี้อี้หยุนก็ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ มันราวกับว่าเขาอยู่ในความฝัน ร่างกายของอี้หยุนได้ย่อยพลังงานกระดูกเดียวดายอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีการทิ้งเสียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขาเข้าสู่สภาวะอดอยากอีกครั้ง ในอาการงุนงง อี้หยุนรู้สึกมีมือนุ่มคว้าปกคอเสื้อของเขาแล้วยกเขาขึ้น…. ร่างกายของเขาเบาหวิว รู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่บนผืนหญ้านุ่มและมีมือนุ่มๆกดลงบนหน้าอกของเขา อี้หยุนพ่นน้ำออกมาจากปาก ไม่ใช่น้ำสะอาดใส แต่มันเป็นน้ำขุ่น มันผสมด้วยสิ่งสกปรกที่ขับออกมาจากการบ่มเพาะร่างกายของเขา “เอ๋?” หญิงสาวที่กำลังช่วยอี้หยุนไม่ได้แสดงความรังเกียจใดๆ แต่มีความประหลาดใจ ในฐานะปรมาจารย์สวรรค์เดียวดาย นางรู้ได้ทันทีถึงความหมายของน้ำที่คายออกมา หลังจากที่อี้หยุนตื่นขึ้นและกู้คืนทัศนวิสัยของเขาแล้ว เขามีปัญหาในการเปิดดวงตารับแสงแดดสดใส

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้