ในความคลุมเครือ อี้หยุนเห็นหญิงสาวชัดเจนขึ้นทีละนิด ผิวของนางขาวซีด ดวงตาสดใส มีความรู้สึกสดชื่นกระจายออกมาจากร่างกายและมีกลิ่นอายของบัณฑิตอ่อนแอ ทำให้นางดูราวกับบุตรีของเผ่าใหญ่ แต่เสื้อผ้าที่นางสวมใส่ไม่ได้ทำมาจากผ้าไหมล้ำค่า มันทำมาจากผ้าลินินสีขาว ที่ได้รับการซักมาอย่างสะอาดหมดจดไร้จุดมลทิน
ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ คนยากไร้จะสวมเสื้อผ้าแบบนี้ เด็กร่ำรวยจะสวมใส่เสื้อผ้าลินิน ก็ต่อเมื่อญาติผู้สูงอายุเสียชีวิต สิ่งนี้เป็นเครื่องบอกสถานะของความยากไร้ และเป็นเครื่องแต่งกายสำหรับไว้ทุกข์
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาดูไม่เหมือนเด็กยากไร้ ไม่ว่าจะดูในแง่พื้นฐานทางอารมณ์หรือรูปลักษณ์ แต่นางก็ยังสวมเสื้อผ้าลินินและจากรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางของนางและผิวขาวราวหยก การสวมชุดเสื้อผ้าลินิน มันให้ความประทับใจราวกับนางฟ้าที่ลงมายังซุกซ่อนตัวในภูเขาบนโลกมนุษย์
“ท่าน...ท่านคือ...”
อี้หยุนคลางแคลงใจ หญิงสาวนางนี้ไม่ได้มาจากเผ่าเหลียน นางเป็นคนนอก?
อี้หยุนมองดูท้องฟ้า มันเป็นตอนสายของวันรุ่งขึ้น ตอนที่เขาลงไปอยู่ในน้ำ มันเป็นช่วงกลางดึก นี่เขาอยู่ในน้ำมาทั้งคืน?
ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักถึงบางสิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุด เขาอยู่ใต้น้ำมาตลอดทั้งคืน มันเกินความสามารถของคนธรรมดา
ถึงแม้ว่าอี้หยุนจะตกอยู่ในภวังค์ แต่เขาก็ยังรับรู้ถึงการไหลของกระแสความเย็นจากผลึกม่วงที่คอยดูแลร่างกาย ช่วยไม่ให้เขาตายจากการอาการขาดอากาศหายใจ ผลึกม่วงเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
ทำไมหญิงสาวคนนี้จึงอยู่ที่นี่ในเวลานี้?
นางจะรู้ถึงระยะเวลาที่เขาอยู่ในน้ำหรือไม่?
โชคดีที่คำพูดต่อมาของหญิงสาวนางนี้ ทำให้ความวิตกกังวลของเขาหายไปทันที
“ทำไมเจ้าถึงไปลอยอยู่บนน้ำ? กำลังจมน้ำ?”
ลอยอยู่บนน้ำ?
ดูเหมือนว่าตอนที่หญิงสาวนางนี้เห็นเขา เขาก็ได้ลอยขึ้นมาแล้ว อี้หยุนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ และประสานกำมือแล้วพูดว่า
“ขอบคุณแม่นางที่ช่วย เออ….”
อี้หยุนตระหนักได้ว่ามีผู้อาวุโสร่างอ้วนอยู่ ข้างหลังหญิงสาวนางนี้ ผู้อาวุโสคนนี้มีผมสีเงินยวงทั้งศีรษะ และดูไม่เหมือนคนหนุ่มแต่ผิวของเขากระจ่างใสอย่างมาก ไม่เพียงไร้ซึ่งริ้วรอยมันยังเป็นสีแดงของสุขภาพที่ดี
ทำให้เขาคิดถึงวลีที่ว่า “แดงท่ามกลางขาว โดดเด่นเป็นเอก” ออกมา อี้หยุนรู้สึกขนลุก วลีนี้ใช้เพื่ออธิบายถึงสาวงาม แต่กับเอามา ใช้อธิบายชายชราคนหนึ่ง มันน่าขบขัน
อี้หยุนรู้สึกตัวว่าชายชรามองมาที่เขาอย่างไร้ความเกรงใจและกำลังสนใจเขาอย่างมาก
ดวงตาของเขามีขนาดเล็กกว่าธรรมดา ใบหน้าอวบอ้วน หากหัวเราะอาจทำให้ดวงตาของเขาหายไป แต่ดวงตาคู่นั้นเหมือนมองทะลุผ่านอี้หยุน
จู่ๆเขารู้สึกเหมือนไม่มีที่ใดสามารถหลบซ่อนได้ และรู้สึกอึดอัดใจมาก
เขา...สามารถมองเห็นผลึกม่วงในหัวใจของข้า!
แต่ในอึดใจต่อมา อี้หยุนก็ตระหนักว่า เขากังวลมากเกินไป ผู้อาวุโสร่างอ้วนไม่ได้จับจ้องที่หัวใจของเขา แต่พูดได้ว่ามันมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น
“หนุ่มน้อย เจ้ายังเด็ก แต่ก็มีความคิดลึกล้ำ!”
“โอ้?” อี้หยุนสะท้าน
ชายแก่นี่หมายถึงอะไร?
“เจ้าไม่ได้จมน้ำ แต่ก็ขอบคุณเรา ทั้งที่พวกเราไม่ได้ช่วย แต่เจ้าก็ยังหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เจ้ากำลังซ่อนบางสิ่ง? ท่าทีของเจ้าเหมือนมีความหวาดกลัวอยู่ชั่วขณะ”
ต้องบอกว่าผู้อาวุโสร่างอ้วนแสร้งยิ้ม ราวกับว่าเขาจับอะไรได้บางอย่าง หัวใจของอี้หยุนเต้นไม่เป็นจังหวะ!
ในเวลานี้ มือของผู้อาวุโสร่างอ้วนวางอยู่บนไหล่ของอี้หยุนเรียบร้อยแล้ว มันสร้างความกังวลให้แก่เขา
บัดซบ ข้าเกลียดที่มีคนเอามือมาไว้บนไหล่! ครั้งสุดท้ายที่เหลียนเฉิงอยู่ทำมันเกือบเอาชีวิตของเขา!
“อย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้สนใจในความลับเล็กๆของร่างกายเจ้า”
ผู้อาวุโสร่างอ้วนกล่าวอย่างร่าเริง เป็นเรื่องตลกอะไร ด้วยสถานะอันเป็นที่เคารพนับถือ ทำไมข้าจะต้องปิดบังความคิดกับเด็กสิบกว่าขวบที่อาศัยอยู่ในเผ่าเล็กๆในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่นี้ด้วย? ทำราวกับว่าจะเป็นเช่นจักรพรรดิยื้อแย่งสิ่งของกับขอทานเล็กๆ มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของผู้อาวุโสร่างอ้วน
แต่ในสายตาของอี้หยุน เขามีความรู้สึกว่ารอยยิ้มของชายชรา มัน…..น่าทุเรศมาก
“ข้าแค่อยากรู้….เจ้าดูราวกับว่า…..โอ้….”
ท่าทีของผู้อาวุโสร่างอ้วนเปลี่ยนไป
“เจ้าสามารถเข้าถึงระดับนี้แล้วจริงๆ?”
คำพูดที่ผู้อาวุโสร่างอ้วนกล่าวกับอี้หยุน มีระดับเสียงแหลมขึ้นเล็กน้อย สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
อี้หยุนเพียงแค่ลอยขึ้นมาจากน้ำมาพบกับ ผู้ชรา เยาว์วัยสองคน และยังไม่ได้ตรวจสอบสภาพทางกายภาพของตนเอง
หลังจากการตรวจสอบ เขาก็ตระหนักว่าการบ่มเพาะของเขา….ฮะ? ทำไมมันยังคงอยู่ในระดับสี่ของโลหิตมนุษย์ ชีพจรสัมพันธ์? การบ่มเพาะของเขาไม่ได้พัฒนาขึ้น แต่ลึกลงไปมีบางสิ่งที่แตกต่าง
“เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ข้าดูดซับแก่นพลังสมุนไพรกองใหญ่กับพลังงานกระดูกเดียวดายเล็กน้อย ข้าก็สามารถเปลี่ยนจากคนอ่อนแอ เปิดเส้นลมปราณเริ่นตูทั้งสองได้ แต่เมื่อคืนนี้ข้าดูดซับแก่นพลังกระดูกเดียวดายทั้งหมด และสามารถย่อยมันได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ ข้าคิดว่าข้าจะสามารถกระโจนเข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วงในตำนานได้ แต่ถึงแม้ว่าจะทำไม่ได้ ก็ควรจะสามารถเข้าสู่จุดสูงสุดของระดับลมปราณรวบรวม แต่ทำไมข้ายังติดอยู่กับขอบเขต ชีพจรสัมพันธ์?”
หลังจากการจัดการกระดูกเดียวดายทั้งชิ้นได้หมดสิ้น มันน่าผิดหวังเหลือเกินที่ยังคงติดอยู่ในระดับสี่ของโลหิตมนุษย์! นี่เป็นพลังงานที่เหลียนเฉิงอยู่ต้องการใช้ก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วง หรือความสามารถตามธรรมชาติของข้าจะไม่ดี?
แต่...
คำพูดของผู้อาวุโสร่างอ้วนหมายความว่าอะไร ที่พูดว่า ถึงระดับดังกล่าวแล้ว “จริงๆ” ?
การก้าวผ่านสู่ขอบเขต ชีพจรสัมพันธ์ เป็นความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อ สำหรับผู้ฝึกยุทธจากชนเผ่าเล็กๆ? ผู้อาวุโสร่างอ้วนมองมาที่ อี้หยุนอย่างไม่ค่อยแน่ใจ แล้วพึมพำว่า
“กรุยเส้นสมปราณ,ชีพจรมังกร,ร่างกายแสดงอารมณ์,กระดูกโลหิตเป็นหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ เด็กคนนี้เกิดจากดินแดนรกร้างเมฆาและก็น่าจะมาจากเผ่าเหลียน ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีร่างกายแสดงอารมณ์ ,ชีพจรมังกร?”
ผู้อาวุโสร่างอ้วนมองไปที่เสื้อผ้าสีหม่น และรองเท้าเก่าขาดที่อี้หยุนสวมอยู่ แล้วคาดเดาภูมิหลังของเขา หากเป็นศิษย์จากเผ่าใหญ่ที่เข้ามายังดินแดนรกร้างเมฆาเพื่อฝึกฝน พวกเขาจะสวมใส่เสื้อผ้าลินิน แต่มันจะเป็นของใหม่ มันจะแตกต่างจากของเขา ที่ดูแล้วน่าจะสวมใส่มาแล้วเป็นปี
“กรุยเส้นลมปราณ,ชีพจรมังกร,ร่างกายแสดงอารมณ์, กระดูกโลหิตเป็นหนึ่ง?”
อี้หยุนไม่ทราบความหมายของคำพูดของผู้อาวุโสร่างอ้วน แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่ามันเป็นสิ่งดี! ดูเหมือนเขาจะได้รับประโยชน์เป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก?
“อาจารย์ ที่พูดว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีร่างกายแสดงอารมณ์?”
หญิงสาวพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสร่างอ้วน มันดูราวกับว่าผลการประเมินนี้เป็นสิ่งที่ไม่ธรรดา!
“ใช่...หากนี่จะเกิดกับบุคคลชั้นยอดจากตระกูลเก่าแก่จะไม่เป็นที่น่าประหลาดใจ แต่สำหรับเด็กยากไร้ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่จะบรรลุร่างกายแสดงอารมณ์นั้นหาได้ยากมาก!”
ผู้อาวุโสร่างอ้วนสามารถบอกได้ว่า อี้หยุนไม่ทราบว่ามันหมายความว่าอะไร และได้ให้คำอธิบายกับเขา
“แม้ว่า ในห้าระดับของโลหิตมนุษย์ มีเพียงสี่ระดับแรกที่เป็นการฝึกร่างกาย ระดับห้าลมปราณรวบรวมเป็นตัวกลางระหว่างโลหิตมนุษย์กับโลหิตม่วง การก้าวผ่านสู่ระดับสี่นั้นไม่ยาก จะต้องฝึกอย่างมาก แต่การจะทำให้ร่างกายทุกตารางนิ้ว แสดงอารมณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงจะต้องกรุยเส้นลมปราณทั้งหมด เส้นลมปราณนั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธปกติอย่างมาก มันจะต้องมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งราวกับมีมังกรร่ายรำอยู่ในร่างกาย และเมื่อร่างกายแสดงอารมณ์โดยสมบูรณ์ กระดูกเลือดเนื้อจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว การโจมตีจะทำให้กระดูกและเลือดกู่ก้องออกมาเป็นหนึ่งเดียว!”
คำอธิบายของผู้อาวุโสร่างอ้วนทำให้อี้หยุนรู้แจ้ง ไม่น่าประหลาด หากพลังงานกระดูกเดียวดายมากกว่าครึ่งของทั้งหมดที่ดูดซับไป ยังไม่อาจทำให้เขาพัฒนาขึ้น ด้วยพลังงานทั้งหมดถูกใช้ไปในการก้าวสู่ร่างกายแสดงอารมณ์! พัฒนาการฝึกฝนของเขาได้อย่างรวดเร็ว
และอี้หยุนก็รู้หลักว่า การเร่งรีบมีแต่จะทำให้เสียหาย การก้าวผ่านเข้าสู่ระดับที่เพิ่มขึ้นด้วยความรวดเร็วอาจไม่ใช่สิ่งดี! แต่ด้วยการเข้าสู่การหลับลึกใต้น้ำอยางไม่ได้ตั้งใจ เขาได้ออกจากปัญหาที่แฝงเร้นนั้น!
“เอ๋..สภาพร่างกายของเจ้าปกติมากๆ”
เมื่อเปรียบเทียบกับจางอวี๋เซียนแล้ว ความสามารถของชายชราสูงกว่ามาก ชายชรากล่าวในขณะที่หรี่ตาของเขา
วิธีการที่จางอวี๋เซียนใช้ทดสอบความสามารถของอี้หยุนที่ได้รับ “ความสามารถ” มาจากผลึกม่วง กับวิธีที่ชายชราคนนี้ที่บอกความสามารถที่แท้จริงของเขาจากตาเปล่า
อี้หยุนถึงกับตกตะลึง
ชายชราผู้นี้อยู่ในขอบเขตของการเปิด “จักษุสวรรค์” อย่างเห็นได้ชัด!
ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้