True Martial World บทที่ 48 ตะกละเเบบไม่ต้องเกรงใจ

ผู้อาวุโสร่างอ้วนเอาไก่ฟ้าไปย่าง แต่เขาเอามันไปใกล้กองไฟเกินไป และความเร็วในการหมุนย่างก็ช้าเกินไป การย่างไฟกับกองไฟแบบนี้แตกต่างจากการย่างในร้านบาร์บีคิว ร้านบาร์บีคิวใช้เตาเฉพาะที่ปรับความร้อนได้ง่าย ความสม่ำเสมอของเปลวไฟเป็นเรื่องสำคัญ และที่สำคัญที่สุดคือมันต้องไร้ควัน แต่ไฟจากกองฟืน มันให้ความแรงไม่สม่ำเสมอ และมีควันมาก ควันนี้เป็นเขม่าจากการเผาไหม้ของไม้ ออกมากับเปลวไฟติดลงบนหนังของไก่ฟ้า ดังนั้น ไก่ฟ้าในมือของชายชราก็ถูกรมจนเป็นสีดำ แม้จะไม่สุกเกินไป แต่ถูกปกคลุมด้วยชั้นของเขม่า ไม่เพียงแต่ทำให้หนังเป็นสีดำ แต่มันยังมีรสขม แม้ว่าตอนนี้ชายชราจะพรมน้ำมันลงไปอยู่บ่อยๆ มันก็ไม่สามารถแก้ไขการจับตัวของชั้นเขม่าที่หนาขึ้นได้ จากวิธีที่ชายชรากระทำเป็นที่ชัดเจนว่าอีกไม่นานมันก็จะไหม้ การใช้กองไฟจากไม้ฟืนในการย่างเนื้อสัตว์เป็นงานที่ยาก แม้ผู้เชี่ยวชาญการย่างบาร์บีคิวในร้านบาร์บีคิวก็ไม่สามารถทำได้ดี แต่สำหรับการกระทำของชายชรานับเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ ด้วยสถานะของชายชราผู้นี้จำเป็นต้องมาทำอาหารเองด้วย? เวลามีค่า เขาจึงไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมอาหารสำหรับตัวเอง ทักษะการทำอาหารของเขาไม่มีอะไรน่าชื่นชม ตามธรรมดาแล้ว การย่างเนื้อสัตว์ด้วยกองไฟจากฟืนก็เป็นเรื่องยากมาก “ส่วนนี่เป็นวิธีการทำลายสมบัติของสวรรค์อย่างแท้จริง!” ในฐานะคนเห็นแก่กิน เอ๋ ไม่ใช่ นักชิมผู้ชื่นชอบการค้นหาของอร่อย อี้หยุนไม่สามารถทนเห็นได้อีกต่อไป ตอนนี้ไก่ฟ้าก็ถูกย่างเกือบเสร็จแล้ว ชายชราโรยเครื่องเทศต่างๆ ลงไป แล้วนำไก่ฟ้าย่างดำเกรียม ส่งให้หลินซินถง อี้หยุนรู้สึกว่ามันไม่มีจุดไหนที่จะสามารถกัดลงไป! แต่ดูเหมือนหลินซินถงไม่ได้คิดแบบนั้น นางพูดว่า “ขอบคุณ อาจารย์” แล้วรับไก่ฟ้าย่างไปกัดคำเล็กๆ แม้ว่านางจะมีริมฝีปากเล็กๆสีชมพู แต่หลังจากการกินไก่ฟ้าย่าง ริมฝีปากของนางก็กลายเป็นสีดำ ฉากนี้ทำเอาอี้หยุนสูญเสียการแสดงออกทั้งหมดบนใบหน้า มันฝ่าฝืนกับธรรมเนียมการกินอาหาร(ผู้อาวุโสต้องได้สิ่งดีที่สุด) ชายชรารักเอ็นดูลูกศิษย์ จึงเป็นธรรมดาที่ไก่ฟ้าย่างจะถูกนำไปให้กับนาง สำหรับอี้หยุนไม่มีข้อสงสัยใดๆแม้แต่น้อย แล้วยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม หากไก่ฟ้าตัวนี้ถูกนำไปขาย ก็คงจะมีราคาแพง ซึ่งแม้แต่คนอย่างเหลียนเฉิงอยู่ก็ไม่มีปัญญาจ่าย หลังจากที่เสร็จการย่างไก่ฟ้าไปตัวหนึ่งแล้ว ชายชราก็เริ่มย่างตัวที่สอง ตัวแรกที่เขามอบมันให้หลินซินถง เขาย่างมันอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ตัวที่สองที่เขาย่างให้ตัวเอง มันจึงดูเลวร้ายมาก แต่ถึงอย่างนั้นชายชราก็ยังคงพึงพอใจกับผลงาน หลังจากเขาเสร็จสิ้นการย่างไก่ฟ้าทั้งสองตัว เขาก็นำเหยือกเหล้าออกมาจากแหวน เขาเริ่มดื่มเหล้าแกล้มเนื้อไก่ฟ้าย่างอย่างมีความสุข หลังจากการกระทำนั้น เขาดูรื่นรมย์ ลูบเคราสีขาวด้วยความพึงพอใจ แล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน มองไปที่อี้หยุน พูดอย่างเกียจคร้านว่า “สำหรับเจ้า เจ้าต้องย่างเอาเอง ข้าไม่ทำให้” อะไรนะ... อี้หยุนอึ้ง แม้ว่าเขาจะไม่คาดหวังว่าชายชราจะย่างไก่ฟ้าให้ แต่ชายชราเคยพูดว่า “มีคนไม่กี่คนที่มีโอกาสลิ้มรสทักษะการทำอาหารของข้า!” ตอนที่อี้หยุนได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาเชื่อว่าชายชราจะย่างไก่ฟ้าให้ แต่จากสิ่งที่ได้เห็น เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น! อี้หยุนไม่มั่นใจมากนักที่จะย่างมันด้วยตัวเอง แม้ว่าเขาจะศึกษาวิธีการทำอาหารมาแล้ว แต่เขาเป็นคนสมัยใหม่ เขาสามารถทำไก่ย่างกรอบนอกนุ่มในได้อย่างง่ายดายด้วยเตาย่างบาร์บีคิวกับถ่านไร้ควัน แต่เป็นเรื่องยากที่เขาจะทำมันด้วยกองไฟจากไม้ฟืน มันไม่มีวิธีการป้องกันเขม่าจากฟืน และไม่ว่าจะหมุนย่างไปกี่รอบก็ตาม เขม่าก็ต้องติดอยู่บนเนื้อไก่ฟ้า “ขอถามว่า ท่านพอจะมีกระทะไหม?” อี้หยุนเอ่ยถามอย่างสุภาพมาก นี่เป็นหลักการของคนเห็นแก่กิน เขาไม่เต็มใจที่จะประนีประนอม ไม่ว่าเขาจะหิวเพียงไรก็ตาม! นี่เป็นครั้งแรกในระยะสองเดือนที่เขาเห็นเนื้อสัตว์ และไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นเนื้อสัตว์คุณภาพสูง! “มี” พูดแล้ว ชายชราก็นำหม้อ(หม้อสำหรับทำอาหาร) ออกมาจากแหวน แม้ว่าหม้อจะทำมาจากวัสดุที่ไม่รู้จัก มันก็ผลิตมาอย่างดีและมีขนาดพอเหมาะ อี้หยุนพอใจมาก และเริ่มเตรียมการ เขาเริ่มระบุเครื่องเทศที่ชายชรานำออกมา เขาประหลาดใจมากที่มันมากมายครบทั้งเครื่องเทศและน้ำมัน, ซีอิ้วและเกลือ มีแม้กระทั่งพืชชูกลิ่นบางชนิดที่คล้ายกับต้นหอมสีเขียวและผักชีฝรั่ง “เหล้านั่น ข้าขอสักหน่อยได้ไหม?” อี้หยุนตั้งคำถามอีกครั้ง “เอ๋? เหล้า? เจ้าต้องการดื่มมันสักสองจอกกับข้าผู้ชราหรือ?” ชายชรายิ้มในขณะที่ส่งเหล้ามาให้อี้หยุน หลังจากที่หายจากการตกตะลึงไปชั่วขณะแล้ว เจ้าหนูนี่จะดื่มเหล้าจริงๆ? แม้ว่าเขาจะเป็นคนตระหนี่ แต่เขาก็กระตือรือร้น ที่จะหาเพื่อนดื่ม การมีเพื่อนร่วมดื่มด้วย การดื่มจึงจะมีความหมาย แม้ว่าเขาไม่ชอบเจ้าเด็กตรงหน้าก็ตามที ดื่มกับอี้หยุนก็ยังดีกว่า ไม่มีเพื่อนร่วมดื่มเลย นั่นเป็นเพราะว่า หลินซินถง ไม่ดื่มเหล้า เขาเลยต้องดื่มเพียงคนเดียวมานานนับปี “อาจารย์!” หลินซินถง อึ้งไปเล็กน้อย “ท่านจะให้เด็กดื่มเหล้าได้อย่างไร?” แต่พวกเขาไม่คาดว่า หลังจากที่อี้หยุนทำให้ไก่ฟ้าแห้ง เขาก็เทเหล้าลงไปจนทั่วตัวไก่ฟ้า และไม่ได้ลืมที่จะใส่ลงไปในท้องของมัน “เจ้าหนู เจ้ากำลังทำอะไร?” ชายชราจ้องจนตาแทบถลน นี่เป็นเหล้าเก่าแก่อายุนับพันปี ด้วยความเป็นปีศาจสุรา เขาไม่สามารถทนต่อการสูญเสียนี้ “ข้ากำลังทำอาหาร” ด้วยความประหลาดใจ อี้หยุน ตอบ ตาม-หลัก-ความจริง ข้าต้องบอกว่า เหล้านี่เป็นของดีแน่นอน มันมีกลิ่นหอมหวาน สงสัยว่าคงจะกลั่นมาจากวัตถุดิบล้ำค่า ข้าเชื่อว่าการดื่มสักอึกคงจะทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์กับการบ่มเพาะเป็นแน่! “ทำอาหาร? เหล้าสามารถใช้ทำอาหาร?” ชายชราไม่อาจยอมรับได้ หลังจากลังเลไปชั่วครู่ อี้หยุนก็เข้าใจ วิธีการทำอาหารในโลกใบนี้แตกต่างจากบนโลก แม้แต่ในช่วงเวลาวัฒนธรรมด้านอาหารที่จุดสูงสุดในประเทศจีน ทุกๆเคล็ดลับการปรุงง่ายๆในสมัยโบราณ ในช่วงราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง การทำอาหารขั้นพื้นฐาน ได้แก่การนึ่งและการต้ม ไม่ว่าจะเป็นผัก หรือเนื้อสัตว์ พวกมันจะถูกใส่เกลือต้มหรือนึ่ง ภายใต้ฝาปิด ทำให้สุกในครั้งเดียว สำหรับการผัด,ทอด,ลวกหรือรมควัน หรือการปรุงด้วยเหล้า ฯลฯ ทุกๆวิธีการเหล่านี้ ได้รับการพัฒนาหลังจากมีความมั่นคงทางวัตถุแล้ว แต่ละภูมิภาคก็มีวัฒนธรรมทางอาหารที่แตกต่างกันไป มีอาหารจีนประมาณร้อยละแปดสิบที่ไม่ซ้ำกันเลย แม้ผัดผักที่ง่ายที่สุด ก็เป็นผลงานของประเทศจีนที่เผยแพร่ไปทั่วโลก แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่มันก็เป็นเช่นนั้น ในโลกเคล็ดลับการปรุงอาหารที่ซับซ้อนมากที่สุดก็เป็นของจีนไร้ผู้เทียบเคียง ในโลกใบนี้ เมื่อออกสู่ดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ การใช้แรงงานหนักก็ทำให้ชีวิตลำบากยากแค้นเกินไป จึงไม่มีพลังงานหรือวัสดุเหลือพอสำหรับการทดลองทำอาหาร ในเมืองที่มั่งคั่ง ก็อุดมไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ พวกเขาจดจ่ออยู่กับวิชายุทธ,ลำดับขั้นและเคล็ดลับการกลั่นกระดูกเดียวดาย แล้วจะมีเวลาที่ไหนมาค้นคว้าวิธีการปรุงอาหาร มีก็แต่เพียงคนรับใช้ในชนเผ่าใหญ่ที่สามารถค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้คนจะทำอาหารได้ดี เมื่อผ่านประสบการณ์สะสมทักษะกับอาหารบางอย่าง แต่ด้วยมีพื้นที่ขนาดเล็กให้แสดงฝีมือ จึงเป็นข้อจำกัดของทักษะการปรุงอาหาร แม้แต่ในอเมริกา หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าเหล้าสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้ อี้หยุนชโลมไก่ฟ้าด้วยน้ำมันและซีอิ้ว เขาเทเหล้าลงในช่องท้องแล้วโรยด้วย พืชชูกลิ่นบางอย่างที่คล้ายกับต้นหอมและผักชี อี้หยุนชิมรสเครื่องเทศ และด้วยความสามารถด้านความเห็นแก่กินของเขา ทำให้เขารู้ว่า มันไม่ต่างอะไรกับต้นหอมหรือผักชี ต่อจากนั้นก็เป็นจุดสำคัญ อี้หยุนใช้ผ้าสะอาดหยาบๆห่อไก่ฟ้าแล้ว เทเกลือจำนวนมากลงไปในหม้อ แล้วเอาไก่ฟ้าหมกลงไป หลังจากคลุมมันจนมิดแล้ว เขาก็ปิดฝาหม้อและเริ่มอบ ผู้อาวุโสร่างอ้วนมองอี้หยุนด้วยความสงสัย ใช้เกลือจำนวนมากและห่อไก่ฟ้า? นี่มันจะไม่เค็มมากไป!? เจ้าเด็กยากไร้ในเผ่านี้ไม่มีเกลือกิน? หากพวกเขาขาดเกลือ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกินด้วยวิธีนี้ ไร้คำพูดสำหรับเหตุการณ์นี้ ผู้อาวุโสร่างอ้วนเย้ยหยันในความผิดปกติของเด็กคนนี้ เขาก็ยังคงกินไก่ฟ้าย่างของเขาไปเรื่อยๆ แต่หลินซินถง หยุดกินแล้ว กำลังมองดู อี้หยุนวางหม้อเอาไว้บนไฟด้วยความอยากรู้อยากเห็น ของในหม้อเริ่มส่งกลิ่นหอมออกมาอย่างช้าๆ กลิ่นหอมนี้ไม่เด่นชัด หากคนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ ที่มีความรู้สึกอันเฉียบคม พวกเขาจะไม่ได้กลิ่นมัน กลิ่นเบาบางอันน่าอร่อย? ผู้อาวุโสร่างอ้วนกินไก่ฟ้าย่างของเขาเสร็จแล้ว และเริ่มเลียนิ้วมือที่หนาและสั้น ในขณะที่อี้หยุนเปิดฝาหม้อ ใช้ทัพพีปัดเกลือร้อน แล้วเอาไก่ฟ้าออกมา ไก่ฟ้าอบเกลือเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่เกลือที่หุ้มถูกนำออก กลิ่นหอมอร่อยก็โชยออกมา อี้หยุนพร้อมจะกินแล้ว เขารู้สึกประหลาดใจตัวเอง ที่สามารถเตรียมอาหารได้อย่างเต็มความสามารถ แน่นอนเหตุผลหลักก็คือ ไก่ฟ้า ซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานอยู่ภายในเนื้อของมัน ดีกว่าไก่ทุกพันธุ์บนโลก และเหล้าซึ่งต้มมาจากบางสิ่งที่ล้ำค่า เพียงแค่ยีสต์และเวลาไม่กี่ร้อยปี เพียงพอที่จะสร้างเครื่องดื่มของเทพเจ้า เมื่อทั้งสองสิ่งรวมกัน อี้หยุนก็สามารถปรุงไก่ฟ้าอบเกลือที่มีคุณภาพสูงเป็นประวัติการณ์ขึ้น “เอ๋?” จู่ๆ ดวงตาของชายชราก็หยุดดู

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้