True Martial World บทที่ 50 ความสนใจอันร้ายกาจของผู้อาวุโสร่างอ้วน

“เจ้าอยากเป็นศิษย์ข้า?” ดวงตาของผู้อาวุโสร่างอ้วนมองผ่านเขาอย่างไม่พึงพอใจ แล้วส่งพลังกดดันออกมา! อี้หยุนสูดลมหายใจและมองจ้องไปที่นัยน์ตาผู้อาวุโสร่างอ้วน เขาสั่นศีรษะและพูดอย่างช้าๆว่า “ท่านถามข้าว่า ข้าต้องการเป็นศิษย์ของท่านหรือไม่ นั่นไม่ใช่จุดมุ่งหมายของข้า สิ่งนั้นมันไม่สำคัญ หากจะเป็นศิษย์ของท่าน ข้าแน่ใจว่าต้องมี ผู้คนชั้นยอดมาคุกเข่ากราบกรานขอร้อง ให้ท่านเลือกมากมาย ซึ่งมันเป็นการกระทำอันไร้ประโยชน์” ผู้อาวุโสร่างอ้วนประหลาดใจในคำกล่าวของอี้หยุนอีกครั้ง เด็กคนนี้ ถึงแม้จะปรารถนา แต่ก็รู้ขอบเขตของเขา! นี่หาได้ยากมาก! บางคนไม่รู้วิธีการได้มาซึ่งผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาทำสิ่งธรรมดาๆอย่างเอื่อยเฉื่อย ปราศจากจุดมุ่งหมายในชีวิต คนเหล่านี้เป็นผู้ไม่พึงประสงค์ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขามีความปรารถนา แต่ก็ไม่เข้าใจในสถานะที่พวกเขายืนอยู่ ด้วยความอวดดี ในที่สุดก็จะนำไปสู่การทำลายตัวเอง นี่อธิบายด้วยคำกล่าวที่ว่า “มนุษย์ตายเพราะความโลภ นกตายเพราะอาหาร” ผู้คนดังกล่าวก็ล้วนเป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา เจ้าเด็กสิบสองปีผู้นี้ เจ้าเล่ห์เพทุบาย และลื่นไหล แต่ก็ยังรู้จักที่ทางของเขากับความเหมาะสม ไม่ง่ายจริงๆที่จะมีคุณสมบัติอย่างนี้ เจ้าเด็กนี่บอกว่าไม่ได้ต้องการที่จะเป็นศิษย์ แต่ก็ไม่ได้ยืนกราน “เจ้าหนู ขอชมเชย เจ้าเดาถูก ข้าจะไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ แน่นอนว่าข้าสนใจทักษะการทำอาหารของเจ้า ทักษะการทำอาหารเป็นเพียงความสุขของปาก แต่สำหรับข้าการรับศิษย์เป็นเรื่องใหญ่ โดยความสัตย์แล้วข้ามองหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมมาหลายปี แต่เจ้า…. สภาพร่างกายของเจ้าไม่ดี เจ้าจึงขาดคุณสมบัติ แม้ที่พูดมันจะดูรุนแรงแต่มันคือความจริง...” นั่นไม่มีผลอะไรกับอี้หยุน เขากล่าวอย่างใจเย็น “ข้าทราบ” “อ่า….เป็นเรื่องดีที่เจ้าเข้าใจ เจ้าฉลาดมากกว่าเด็กที่อายุเท่ากัน เจ้าไม่ลองสอบเป็นนักวิชาการหรือตำแหน่งทางราชการเล็กๆ เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ในอาณาจักรไทอา แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็เป็นผู้เยี่ยมยุทธอาณาจักรไทอาอยู่ภายใต้การปกครองระบอบทหาร ไม่ว่าพนักงานทั่วไปหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่น แม้ตำแหน่งที่เล็กที่สุด ก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ! ผู้ที่สามารถเล่าเรียน แต่ไม่ได้ศึกษาวิชายุทธ เป็นได้อย่างมากที่สุดคือที่ปรึกษา หรือ เจ้าหน้าที่เล็กๆ เช่นเสมียน เมื่อเห็นอี้หยุนไม่ได้ใส่ใจฟัง ผู้อาวุโสร่างอ้วนพูดต่อไปว่า “ในการฝึกวิชายุทธ จิตใจไม่ใช่สิ่งสำคัญ ที่สำคัญคือความสามารถของบุคคล” “ในโลกนี้ ทรัพยากรมีค่า ทรัพยากรของผู้ฝึกยุทธก็มีสิ่งล้ำค่าหลากหลาย แล้วก็ธาตุกระดูกเดียวดาย! ในเผ่าใหญ่ ธาตุกระดูกเดียวดายก็ยังมีจำกัด มีเพียงคนที่มีความสามารถมากที่สุดเท่านั้น ที่จะได้รับสิทธิพิเศษนี้” “ผู้ที่มีความสามารถจะได้รับการพัฒนาเป็นอย่างมากจากการดูดซับธาตุกระดูกเดียวดาย แต่กับผู้ไร้ความสามารถไม่อาจเป็นเช่นนั้น เช่นเดียวกับธาตุกระดูกเดียวดาย มันเพียงพัฒนาความแข็งแกร่งให้พวกเขาได้เพียงหนึ่งในสิบ และเมื่อให้คนหนึ่งไปแล้ว การจะทำให้อีกคนหนึ่งแข็งแกร่งอีก ก็เป็นเรื่องยาก มันจะมาถึงจุดที่ ไม่มีครอบครัวใดสามารถที่จะจ่ายได้!” หลังจากที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว อี้หยุนเข้าใจมันได้อย่างแม่นยำ เขาคิดเรื่องที่เจียงเเสี่ยวโหรวเคยพูดเกี่ยวกับการบ่มเพาะ และเมื่อได้ฟังชายชราผู้นี้ เขาก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในสถานการณ์ที่ทรัพยากรมีจำกัด ความสามารถเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เหลียนเฉิงอยู่ มีความทะเยอทะยานที่จะก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วง เพราะเขามีความสามารถ หากเขาไร้ความสามารถ แม้เขาจะมีภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน และกระดูกเดียวดาย เขาก็ไม่สามารถก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วงได้ อี้หยุนก็รับรู้เรื่องเงื่อนไขของตัวเขา ด้วยอายุของเขาถือว่ายังเป็นเด็ก เป็นมนุษย์ธรรมดาถึงแก่นกระดูก ครอบครัวก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับวิชายุทธ แล้วเขาจะมีความสามารถในวิชายุทธไปได้อย่างไร? แต่เมื่อคิดดูอีกที เขาดูดซับพลังงานของสมุนไพรและกระดูกเดียวดาย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ด้วยการใช้ผลึกม่วง การบ่มเพาะของเขาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะผลึกม่วงที่อยู่ลึกภายในหัวใจ ทุกๆจังหวะการเต้น มันจะแพร่กระจายพลังงานให้ทุกส่วนในร่างกาย พัฒนาความแข็งแกร่งของเขา นี่เป็นวิธีการดูดซับที่มีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆที่ใช้กระเพาะในการดูดซับพลังงาน หลังจากเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ความคิดของเขาก็แจ่มชัด ในขณะที่เขายกศีรษะขึ้นมองไปที่ผู้อาวุโสร่างอ้วนแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ต้องการให้ท่านรับเป็นลูกศิษย์” นับแต่เขาเห็นสถานะที่เขายืนอยู่แล้ว อี้หยุนก็ยืนกราน ที่จริงแม้ชายชราอยากรับเขาเป็นลูกศิษย์ เขาก็ยังจะต้องคิดหนัก ร่างกายของเขามีความลับมากเกินไป หากเขาไม่คิดอย่างรอบคอบด้วยลักษณะพิเศษของ ผลึกม่วงบรรพชน อาจารย์ของเขาอาจค้นพบความลับ และผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดคิดได้ “สิ่งที่ข้าต้องการจากท่านผู้อาวุโส คือ ยาวิเศษ! ไม่ว่ามันจะเป็นแก่นพลังสัตว์อสูรดุร้าย เนื้อของสัตว์อสูรรกร้าง สมุนไพร หรือแม้กระทั่ง กระดูกเดียวดาย!” หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ผู้อาวุโสร่างอ้วนก็หัวเราะออกมา “เจ้ารู้จักวิธี จับเสือมือเปล่า" (ดูคำชี้แจงตอนท้ายบท) คิดจะแลกธาตุกระดูกเดียวดายของข้ากับไก่ที่ข้าหามาเอง? ธาตุกระดูกเดียวดายที่เก็บอยู่ในแหวนล้วนแต่มีคุณภาพสูง จะเอามันมาแลกกับอาหารไม่กี่จาน มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย “ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ได้ตั้งใจฟังที่ข้าพูด” เขาส่ายศีรษะด้วยความไม่พอใจ เจ้าเด็กที่ไม่มีผู้ใดสอนสั่ง “เจ้ายังคงต้องการที่จะไปสู่เส้นทางของวิชายุทธ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เข้าสู่สภาพร่างกายแสดงอารมณ์ แต่เจ้าไม่เคยมีการบ่มเพาะวิชายุทธที่เหมาะสม เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาการบ่มเพาะ? เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาการต่อสู้? เจ้ามีเคล็ดวิชาบ่มเพาะจิตวิญญาณ? โดยไม่ต้องมีอาจารย์หรือคัมภีร์ใดๆ เจ้าวางแผนจะก้าวผ่านสู่ขอบเขตโลหิตม่วงด้วยการสอนตัวเอง?” จากคำพูดราวเขื่อนแตกของผู้อาวูโสร่างอ้วน อี้หยุนจำได้ทั้งหมด เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ! เคล็ดวิชาการต่อสู้! เคล็ดวิชาบ่มเพาะจิตวิญญาณ! แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจนัก มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ต้องตั้งคำถามใดๆ เขาต้องการจะรับรู้สิ่งเหล่านั้นด้วยตนเอง! สำหรับขอบเขตโลหิตม่วงที่ผู้อาวุโสร่างอ้วนพูดถึง… มันไม่ใช่เป้าหมายของอี้หยุน เขารู้ว่ามีอีกหลายขอบเขตที่สูงเกินกว่าขอบเขตโลหิตม่วง นับตั้งแต่เขาได้รับ ยันต์ผลึกม่วงลึกลับ เขาจะเป็นแค่ยอดยุทธโลหิตม่วง อยู่เหนือผู้คนในเผ่าเล็กๆในดินแดนรกร้างเมฆานี่ได้อย่างไร? แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดถึงเป้าหมายของเขา ผู้คนจะคิดว่าเขาบ้า อี้หยุนพูดขึ้นว่า “ข้าไม่มีเคล็ดวิชาการต่อสู้ และเคล็ดวิชาบ่มเพาะจิตวิญญาณ แต่สำหรับเคล็ดวิชาการบ่มเพาะนั้น ข้าได้ฝึกมาบ้างกับวิชาที่เรียกว่า ‘หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์’!” “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์”! มีประกายสั่นไหวด้วยความประหลาดใจไปทั่วใบหน้าของผู้อาวุโสร่างอ้วน “เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาหมัดนี้จริงๆ? ‘หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์’ ถือเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะชั้นสูงของอาณาจักรไทอา แม้กับข้า ข้าก็คิดว่าเคล็ดวิชาชุดนี้มีคุณค่ามาก มันเป็นต้นแบบเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยม! ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็มีอาจารย์สอนให้สินะ?” ถึงแม้ว่า ‘หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์’ อาณาจักรไทอาจะได้รับการเปิดเผยให้แก่ผู้คนทั่วไป มันก็เป็นเรื่องยากที่เด็กยากไร้ในดินแดนรกร้างเมฆาจะเรียนรู้มัน ผู้อาวุโสร่างอ้วนจึงตกใจที่อี้หยุนรู้วิชา “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” “ข้าไม่มีอาจารย์ ข้าแอบเรียนรู้มัน ตอนคนในเผ่าฝึก!” “แอบเรียนรู้” ชายชรางุนงง หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์อาจจะเป็นแค่พื้นฐาน แต่มันก็ไม่ง่าย สำหรับเด็กที่ขาดพื้นฐาน แม้จะเป็นการเรียนอย่างถูกต้อง ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กนี่จะเรียนรู้ได้ แล้วการแอบเรียนมันจะได้อะไร? การแอบเรียนมีค่าเท่ากับการเลียนแบบ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจประเด็นสำคัญ นอกจากนี้ ยังจะมีอาจารย์ดีๆในหมู่บ้านยากไร้อันเงียบสงบในดินแดนรกร้างเมฆา? คนที่สอนเคล็ดวิชาก็คงจะเป็นเพียงการสอนแบบไม่จริงจัง เขาสามารถใช้ “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” ได้ดีแค่ไหน? อาจารย์ความรู้พื้นๆ กับเด็กที่แอบเรียนรู้ เขาต้องรู้เคล็ดวิชาเพียงผิวเผิน แล้วคิดว่าตัวเองรู้ดี มันไม่ใช่ปัญหาที่ผู้อาวุโสร่างอ้วนมองผู้คนในดินแดนรกร้างเมฆาแบบนั้น แต่คนในดินแดนรกร้างเมฆามีความรู้จำกัด พวกเขาไม่รู้ว่าโลกภายนอกใหญ่เพียงใด หรือ มีผู้เยี่ยมยุทธมากมายเพียงใด “ 'หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์' สามารถแอบเรียนรู้ได้? เจ้ารู้จัก เส้นเอ็นดั่งสายศร? เจ้ารู้จักฟ้าคำรามในกระดูก? เจ้าสามารถออกหมัดด้วย การสั่นของเส้นเอ็น?” ผู้อาวุโสร่างอ้วนตั้งคำถาม คนที่เรียนวิชายุทธขั้นพื้นฐานสามารถจะใช้ “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” แต่พวกเขาจะแสดงออกมากเกินความจำเป็น พวกเขาไม่รู้แก่นแท้ของเคล็ดวิชา “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” อี้หยุนยกมือป้องหมัดแล้วพูดว่า “ข้าทราบดีว่า ข้าขาดพื้นฐาน แต่ก็รู้หนึ่งหรือสองสิ่ง เกี่ยวกับเส้นเอ็นดั่งสายศร และฟ้าคำรามในกระดูก!” ฟ้าคำรามเก้าเมฆา ศรอัศจรรย์ปักษาร่วง เป็นผลสำเร็จสำคัญของชุดวิชา “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” อี้หยุนจะไม่รู้ไปได้อย่างไร? เขาสามารถสร้างเสียงสั่นพลิ้วในเส้นเอ็น และทำให้นกในป่าตื่นตกใจ ได้ก่อนจะก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขต ชีพจรสัมพันธ์! ตอนนี้เขาได้กรุยเส้นลมปราณได้ทั้งหมดแล้ว เส้นลมปราณ เริ่น ตู ทั้งสอง ถูกเปิดและเขาก็มีร่างกายแสดงอารมณ์! อี้หยุนรู้สึกถึงพลังงานภายในที่ไหลทะลักราวกับคลื่นทะเล หากไม่ได้พบกับผู้อาวุโสร่างอ้วนกับหญิงสาวชุดขาวในทันทีที่ลอยขึ้นจากแอ่งน้ำ เขาจะทำ “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” ซักรอบ เพื่อดูความก้าวหน้าของการบ่มเพาะ “ฮ่าฮ่า! รู้ดีหนึ่งหรือสองสิ่งอะไร!” ผู้อาวุโสร่างอ้วนไม่เชื่อในความสำเร็จของอี้หยุนอย่างชัดเจน “ตั้งแต่เจ้าพูด ข้าก็ต้องการเห็นว่าอะไรคือฟ้าคำรามในกระดูกที่เจ้ารู้มา!” ผู้อาวุโสร่างอ้วนหัวเราะ เขามีความสนใจอันร้ายกาจอย่างฉับพลัน ที่ต้องการจะสั่งสอนอี้หยุน เขาหันศีรษะมาพูดกับหลินซินถง “ซินถง ในระหว่างที่ท่องเที่ยวอาณาจักรไทอา ข้าสอน “หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์” ให้เจ้าไปคร่าวๆ สำหรับเคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้ ข้าคิดว่าเจ้าตั้งใจฝึกมันมาแล้วประมาณครึ่งเดือน แม้ว่าจะไม่ได้ฝึกหนัก แต่ก็ต้องมีความสำเร็จบ้างเล็กน้อย” “ทำไมไม่ประลองให้คำชี้แนะเจ้าหนูนี่บ้าง?” “ใช่แล้ว เจ้าควรจะต้องลดระดับของเจ้าลงมากๆ ลดมาอยู่ที่ระดับสามของโลหิตมนุษย์ ฟ้าคำราม แล้วอย่าทำร้ายเด็กนี่ล่ะ”

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้