Coiling Dragon บทที่ 4 เติบโต (1)

ลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านทำให้ต้นพ็อพใกล้พื้นที่ว่างข้างเมืองอู่ซันกลายเป็นสีเขียว บนพื้นที่ว่างกลุ่มเด็กๆ กำลังฝึกฝนกันอย่างขะมักเขม้น เกือบหนึ่งปีผ่านไปตั้งแต่วันทดสอบเลือดมังกร ตอนนี้ลินลี่ย์อายุแปดขวบแล้วในช่วงเวลาอย่างนี้ ฮิลแมนเห็นชัดว่าลินลี่ย์ฝึกหนักขึ้นเรื่อยๆ “ดีมาก, ลินลี่ย์! ทนไว้, อดทนไว้!” ฮิลแมนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ตอนนี้ลินลี่ย์สวมแค่กางเกงเท่านั้น ร่างกายท่อนบนของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อและร่างของเขานอนลงกับพื้นเหมือนกับธนูที่ง้างเตรียมยิง มือของเขาเกร็งกดอยู่กับพื้นที่ตรงเหมือนท่อนไม้ขณะที่ส่วนที่เหลือของร่างกายของเขานิ่ง เขายันตัวเองขึ้นด้วยมือและปลายเท้าและร่างกายเขาเหยียดตรง เป็นการฝึกเหยียดไม่ขยับ เป็นการฝึกง่ายๆที่มีประสิทธิภาพมาก ถ้ามีผู้ฝึกได้ถึงระดับอยู่ในท่านี้ได้ชั่วโมงหนึ่ง อย่างนั้นร่างของเขาก็จะไม่ต้องกลัวดาบกระบี่ธรรมดาเลย ติ๋ง ติ๋ง เม็ดเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากลินลี่ย์ เหงื่อไหลเข้าไปในตาซ้ายของลินลี่ย์และเขาต้องทนแสบอย่างช่วยไม่ได้ “ลินลี่ย์สุดยอดจริงๆ แค่แปดขวบแต่เขาสามารถเทียบกับเด็กสิบสามขวบในการฝึกท่าเหยียดไม่ขยับได้ เด็กบางส่วนยอมแพ้ไปแล้ว นอนเหยียดยาวคุยกันอยู่บนพื้นขณะมองดูลินลี่ย์ “ลินลี่ย์ ทำต่อไป! ทำต่อไปเผื่อพวกเราด้วยเอาชนะเด็กสิบสามขวบให้ได้” ฮัดลี่ย์เจ้าเด็กผมทองตะโกนจากด้านข้าง “ใช่แล้ว ทนต่อไป ลินลี่ย์!”เด็กคนอื่นก็เริ่มว่าตามเช่นกัน ลินลี่ย์ดีกับเด็กๆอื่นเป็นปกติอยู่แล้ว แม้ว่าลินลี่ย์จะเป็นเด็กของบ้านคนชั้นสูง แต่เขาใจดีกับเด็กๆ สามัญชนและมักช่วยพวกเขาฝึกอยู่บ่อยๆ “ทนเอาไว้ ต้องทนให้ได้” ลินลี่ย์พูดกับตนเองอย่างต่อเนื่อง ในเบื้องหลังจิตใจของลินลี่ย์ คำพูดของบิดาของเขาที่พูดเมื่อปีที่แล้วยังคงก้องอยู่ในหูตลอดเวลา“ลินลี่ย์ เราเป็นตระกูลนักรบเลือดมังกร ในฐานะสมาชิกตระกูลนักรบเลือดมังกร เจ้ามีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง แต่ก็มีข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่ง แม้ว่าเลือดมังกรในสายเลือดของเจ้าจะไม่เข้มข้นเพียงพอ แต่ร่างกายของเจ้ายังคงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก มันอาจจะยากมากสำหรับคนอื่นที่จะกลายเป็นนักรบระดับหกโดยการฝึกลำพัง แต่สำหรับเจ้า มันจะเป็นเรื่องที่ง่าย” “อย่างไรก็ตามข้อเสียเปรียบของเจ้าก็คือเรื่องนี้ ทายาทของตระกูลเลือดมังกรไม่สามารถฝึกพลังภายในเหมือนกับคนธรรมดาได้ ทั้งนี้เป็นเพราะเลือดในตัวของพวกเราแค่เหมาะกับการฝึกโดยวิธีที่เขียนไว้ในคัมภีร์ลับเลือดมังกร” มันขัดแย้งกับวิธีการฝึกพลังภายในรูปแบบอื่นทุกอย่าง แต่น่าเสียดายผู้ที่มีความเข้มข้นพอถึงจะสามารถฝึกใช้วิธีที่ระบุในคัมภีร์ลับเลือดมังกร แน่นอนว่าเจ้าก็ไม่สามารถฝึกพลังยุทธนั้นได้” “อีกอย่างหนึ่ง แม้ว่าตามทฤษฎี คนเราฝึกฝนร่างกายจนถึงระดับหกได้ แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงทฤษฎี ในทางปฏิบัติจำนวนคนที่ทำได้สำเร็จกลับมีน้อยมากแต่สำหรับเราแตกต่างออกไป แม้ว่าความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวเราจะต่ำ แต่ระดับความแข็งแกร่งของเรายังสูงกว่าคนอื่น แค่ฝึกฝนเพียงอย่างเดียวเราก็สามารถกลายเป็นนักรบระดับหกได้ ปู่ทวดแค่ฝึกเพียงอย่างเดียวก็กลายเป็นนักรบระดับเจ็ดได้ ลินลี่ย์จำคำพูดของบิดาได้ชัดเจน ลินลี่ย์พึมพำกับตัวเอง“ข้าจะแข็งแกร่งกว่าทุกคนให้ได้ เพียงเพราะมีเลือดมังกรในตัวข้า แต่เนื่องจากข้าไม่สามารถฝึกพลังภายในได้ เงื่อนไขของข้าคือต้องฝึกหนักฝึกให้หนักขึ้น เนื่องจากท่านปู่ทวดของเราสามารถเป็นนักรบระดับเจ็ดได้ อย่างนั้นข้าจะ...ข้าจะกลายเป็นนักรบระดับแปดให้ได้ หรือแม้แต่ระดับเก้า ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ นักรบระดับแปด นักรบระดับเก้าจัดได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในประเทศฟินเลย์ นักรบระดับแปดแม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นคืนตระกูลบาลุคให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนเก่าได้แต่ก็สามารถช่วยยกฐานะของตระกูลได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ต้องอดทน!” ลินลี่ย์กัดฟัน ถึงตอนนี้กล้ามเนื้อของเขารู้สึกเหมือนถูกมดนับไม่ถ้วนกัด เขากำลังสั่นไปทั้งตัวและกล้ามเนื้อทั่วร่างของเขาสั่นไปหมดกล้ามเนื้อแต่ละส่วนสามารถมองเห็นจากภายนอกได้ หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุด ตุ้บ! ลินลี่ย์หมดแรงร่วงลงกับพื้น “มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ” พอนอนราบลงกับพื้นทั้งตัวเขาก็ผ่อนคลาย ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดว่าชาไปทั้งตัวอย่างไร กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายเขาหลังจากฝึกหนักก็ค่อยๆ โต แม้ว่าจะไม่สังเกตเห็นจากการออกกำลังครั้งหรือสองครั้ง แต่หลังจากผ่านเวลายาวนานผลของมันก็ปรากฏให้เห็น ฮิลแมนอยู่ข้างๆพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นใบหน้าฮิลแมนกลับคืนสู่ความเย็นชาขณะที่เขาหันไปทางเด็กสิบสี่และสิบห้าปี“พวกเจ้าทุกคน อดทนให้ได้จะดีกว่า ลินลี่ย์อายุแค่เพียงแปดขวบ ขณะที่พวกเจ้าทุกคนเกือบเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าให้เด็กแปดขวบทำอะไรได้ดีกว่าพวกเจ้าสิ” ……………. หลังจากฝึกในช่วงเช้าแล้วลินลี่ย์กล่าวอำลากลุ่มเพื่อนๆ และตรงไปที่คฤหาสน์บาลุค ถ้าคนแปลกหน้าเห็นเขา คงจะคิดว่าลินลี่ย์วัยแปดขวบมีอายุสิบหรือสิบสองขวบแน่เพราะดูไม่เหมือนเด็กวัยแปดขวบ ทายาทตระกูลบาลุคแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ “พี่ลินลี่ย์”พอเห็นลินลี่ย์วอร์ตันที่ดูสุขภาพดีแข็งแรงก็วิ่งเข้ามา “พอแค่นั้นแหละวอร์ตัน ทั้งตัวข้ามีแต่เหงื่อให้ข้าล้างเนื้อล้างตัวก่อน” วอร์ตันบ่นพึมพำ“ข้ารู้ว่าทันทีที่พี่อาบน้ำเสร็จ ก็จะต้องไปเรียนกับท่านพ่ออีก” ในฐานะเป็นบ้านของชนชั้นสูง ลินลี่ย์ต้องเริ่มเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย ตระกูลบาลุคที่มีประวัติศาสตร์ห้าพันปีเข้มงวดเรื่องการศึกษายิ่งกว่าในราชตระกูลเสียอีก “พอแล้ว, วอร์ตัน ข้าค่อยเล่นกับเจ้าตอนบ่ายก็แล้วกัน” ลินลี่ย์หัวเราะ วอร์ตันเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ขณะที่ลินลี่ย์เป็นผู้ใหญ่มากกว่า หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนชุดที่สดชื่นแล้ว ลินลี่ย์จึงเข้าไปเรียน ช่วงเวลานี้บิดาของเขา ฮ็อกบาลุคกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะ หลังของเขายืดตรง ข้างหน้าวางไว้ด้วยหนังสือหนาสามเล่ม “ท่านพ่อ!”ลินลี่ย์ค้อมหัวแสดงความเคารพ ฮ็อกพยักหน้าอย่างเยือกเย็นลินลี่ย์รีบเดินมานั่งข้างๆ เขา “เมื่อวานนี้ ข้าได้อธิบายประวัติศาสตร์ของประเทศในทวีปยูลานให้เจ้าฟังทบทวนให้ข้าฟังซิ” ฮ็อกพูดอย่างใจเย็น นี่คือฮ็อกตามปกติ ตอนช่วงเวลาเมื่อเขากอดลินลี่ย์ร้องไห้เป็นเวลาที่เกิดได้ยากมาก โดยทั่วไป ฮ็อคจะแสดงออกต่อลินลี่ย์ด้วยความเข้มงวด ฮ็อกมุ่งมั่นเพื่อให้สมบูรณ์แบบในทุกอย่าง เขาไม่ต้องการให้ลินลี่ย์เดินทางผิด “ได้ขอรับ ท่านพ่อ” ลินลี่ย์ตอบรับอย่างสงบ ในทวีปยูลานมีพื้นที่อันตรายอยู่สามแห่งแห่งแรกก็คือเทือกเขาที่มีนามว่า เทือกเขาสัตว์วิเศษ แห่งที่สองคือเทือกเขาตะวันลับฟ้า และแห่งสุดท้ายเป็นป่า เรียกว่าป่าอันธการ พื้นที่อันตรายทั้งสามนี้กินพื้นที่กว้างขวาง เทือกเขาสัตว์วิเศษทอดตัวยาวตลอดทวีปตั้งแต่ทิศเหนือครอบคลุมพื้นที่หมื่นกิโลเมตร ในนั้นมีสัตว์เวทนับไม่ถ้วนรวมทั้งอสูรระดับเซียนซึ่งมีพลานุภาพถล่มฟ้าทลายพื้นปฐพีได้ เพราะเทือกเขาสัตว์วิเศษทำให้ทวีปยูลานแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ต่างกัน” “ทิศตะวันตกของเทือกเขาสัตว์วิเศษมี 12อาณาจักรและเมืองน้อยอีก 32 เมือง ภายในอาณาจักรและหัวเมืองเหล่านี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ พวกแรก สหภาพศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วยอาณาจักรฟินเลย์เป็นอาณาจักรหลัก กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มพันธมิตรมืดมีอาณาจักรแบล็คไลออนเป็นประธาน ทั้งสองสหพันธ์นี้เป็นอริต่อกันและมีการรบกันอยู่บ่อยๆเพราะอีกฝ่ายถูกควบคุมโดยวิหารเจิดจรัส ขณะที่อีกฝ่ายเป็นพวกกลุ่มลัทธิเงา “ทางตะวันออกของเทือกเขาสัตว์วิเศษมีสี่จักรวรรดิ หกอาณาจักใหญ่และเมืองน้อยอีกนับไม่ถ้วนสี่จักรวรรดิเหล่านี้ยิ่งใหญ่และไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพศักดิ์สิทธิ์หรือพันธมิตรมืด ในสี่จักรวรรดิเหล่านี้ กฎของจักรพรรดิถือเป็นที่สุด แค่หนึ่งในสี่จักรวรรดิก็เทียบได้กับสหภาพศักดิ์สิทธิ์แล้ว” “สี่จักรวรรดิคือ จักรวรรดิยูลานอยู่ตรงกลาง,ทางทิศอาคเนย์เป็นจักรวรรดิไรน์ ทิศบูรพาเป็นจักรวรรดิโรอาและทิศเหนือเป็นจักรวรรดิโอเบรียน” หลังจากว่ายาวมาถึงตอนนี้ลินลี่ย์หยุดพักเล็กน้อย “แค่นี่หรือ?” ฮ็อกเลิกคิ้ว ลินลี่ย์ว่าต่อไปทันทีแต่ฮ็อกตัดบท “ข้าจะถามเจ้า ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของเรามีอาณาจักรอยู่เท่าไหร่และเมืองน้อยอีกเท่าไหร่?” “ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของเรามีหกอาณาจักรและสิบห้า..สิบเจ็ด...” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันที สหภาพศักดิ์สิทธิ์มีเมืองน้อยอยู่เท่าไหร่?ความทรงจำของลินลี่ย์สับสนเล็กน้อย เขาไม่แน่ใจว่าสิบห้าหรือสิบเจ็ด เขาไม่มั่นใจ “ฮืมมม!” ฮ็อกทำหน้าเย็นชาและดุดึงไม้เรียวออกมา ลินลี่ย์ยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย เขาหรี่นัยน์ตาพร้อมกับเสียง “ควับ” ฮ็อคหวดไม้เรียวเข้าที่มือลินลี่ย์ รอยผื่นแดงปรากฏขึ้นที่มือของลินลี่ย์ทันที แต่ลินลี่ย์ทำได้เพียงขบกรามแน่นไม่ได้ส่งเสียงอะไร “ลินลี่ย์! เจ้าต้องจำไว้ว่าปัจจุบันนี้เราอาศัยอยู่ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสหภาพศักดิ์สิทธิ์” ฮ็อกมองดูบุตรชายอย่างเย็นชา“ในทวีปยูลานทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดคือสี่จักรวรรดิและพันธมิตรอีกสองกลุ่ม ลินลี่ย์พยักหน้า แม้ว่าคำพูดของบิดาจะง่าย แต่ลินลี่ย์ก็เข้าใจความหมายได้ชัดเจน.. “ไกลออกไปทางเหนือ สหภาพศักดิ์สิทธิ์แบ่งเขตแดนกับจักรวรรดิโอเบรียน ขณะที่ใต้สุดเป็นเจ้าพวกแมลงพันธมิตรมืดกับจักรวรรดิยูลาน ภายใต้การนำของวิหารเจิดจรัสความสามัคคีของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรวรรดิพวกนั้นเลย พอได้ฟังคำบิดาของเขา ลินลี่ย์ก็เห็นด้วย เมื่อวานนี้เขาอ่านหนังสือหลายเล่ม เห็นได้ชัดว่าสหภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมสำหรับทั่วทั้งแผ่นดินยูลาน ขณะเดียวกัน ในเรื่องความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจก็พอๆ กับจักรวรรดิยูลาน ทำให้ทั้งสองนั้นมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากวิหารเจิดจรัสอีกด้วย สหภาพศักดิ์น่ากลัวอย่างแท้จริง “วันนี้ เราจะเรียนเรื่องศิลปะ” ฮ็อคพูดต่อ“ในฐานะที่เป็นทายาทของตระกูลชนชั้นสูง เจ้าต้องมีความเข้าใจและเข้าถึงงานศิลปะ ศิลปะคือสิ่งที่ทำให้ชนชั้นสูงดูมีสง่าราศีน่าสนใจ”ฮ็อกดึงหนังสือเล่มหนาเท่ากำปั้นออกมาเปิดทันที “ในปี 3578 ตามปฏิทินยูลาน ปรมาจารย์นักแกะสลักหินพรูกซ์ถือกำเนิด ฮ็อกสอนอย่างจริงจังขณะที่ลินลี่ย์พยายามอย่างหนักที่จะจำไว้ให้ไ เขาต้องการเป็นให้ได้ดังที่บิดาเขาคาดหวังไว้
◀ บทที่เเล้ว หน้าหลัก บทต่อไป ▶

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้