True Martial World บทที่ 54 ไม่สมัครใจอยู่อย่่างสามัญ

เมื่อเห็นศีรษะ รูม่านตาของอี้หยุนบีบแคบลง ศีรษะนี้เต็มไปด้วยเกล็ดสีแดง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดเกล็ดอันงดงามกลับดำเมี่ยม มันมีเขา 3 เขา ที่แหลมคมราวกับดาบ มีเขี้ยวที่แหลมคมและหนวดเรียวยาวสองเส้น มันไม่ได้ดูน่าเกลียด และดูเหมือนมีความสง่างามอยู่ แม้ว่ามันจะตายไปแล้วก็ตาม ดวงตาสีเขียวทั้งสองข้าง ยังคงแสดงให้เห็นเจตนาฆ่าอันเยียบเย็น ให้ความรู้สึกที่หนาวเหน็บ "นี่คือ…" อี้หยุนไม่รู้ว่าทำไม นอกเหนือจากเจตนาฆ่าจากดวงตาสัตว์อสูรดุร้ายแล้ว เขายังรู้สึกถึงกระแสเจือจางของความขัดแย้ง “นี่คือ สัตว์อสูร-กิเลน” เสียงพูดแผ่วเบา ไม่ได้มาจากผู้อาวุโสร่างอ้วนแต่มาจากหลินซินถง เสียงของนางนุ่มนวลอ่อนโยนราวกับดอกแปรงไข่มุก อี้หยุนตะลึงเล็กน้อย ขณะที่มองไปที่หลินซินถง นับตั้งแต่ได้พบพวกเขา นางสงบเงียบมาก ยกเว้นตอนประลอง นางไม่เคยตัดบทสนทนาของเขากับผู้อาวุโสร่างอ้วน หลินซินถงพูดต่อไป “กิเลนเป็นสัตว์อสูรรกร้าง แม้ว่า กระดูกเดียวดายจะมีคุณภาพไม่ต่ำ แต่ในหมู่สัตว์อสูรรกร้างแล้ว กิเลน ค่อนข้างอ่อนแอ สัตว์อสูรกิเลนมีความพิเศษเป็นมรดกเล็กๆจากการตายอย่างฉับพลันอันสำคัญยิ่งในชีวิตพวกมัน” อี้หยุนงงไปชั่วขณะ ฆ่าตัวตาย? หลินซินถง พูดต่อไปอีก “มีคำร่ำลือว่า สัตว์อสูรกิเลน มีเลือดของกิเลนไฟ หากปะทุขึ้นในเส้นลมปราณของร่างกาย พวกมันสามารถแปลงร่างเป็นกิเลนไฟกลางเปลวเพลิงที่แท้จริงได้” “แต่ในปัจจุบันจำนวนของสัตว์อสูรกิเลนได้ลดจำนวนลง จนไม่อาจรู้ถึงจำนวนที่มีอยู่ ถึงแม้ว่าพวกมันจะสืบเชื้อสายมาจากกิเลนไฟโบราณ พวกมันก็ยังหายากมาก สัตว์อสูรกิเลนโดยมาก จะดำเนินชีวิตอย่างปกติธรรมดา เพียงไม่กี่ร้อยปีก่อนที่จะหมดอายุขัย” “แต่… ก็มีบางตัวที่ไม่อาจรับความคิดแบบนี้ได้ นับตั้งแต่วินาทีที่มันเกิด พวกมันจะค้นหาและกลืนกินทุกสิ่งที่มีพลังของธาตุไฟ พวกมันกลืนกินไฟ และรวบรวมพลังงานไฟจำนวนมากไว้ในร่างกายของพวกมันจนร่างกายไม่สามารถรับไว้ได้อีก จนพวกมันระเบิดเปลวไฟกิเลนออกมา!” “สัตว์อสูรกิเลนก็จะได้รับประสบการณ์ครั้งแรก ภายในกองเพลิงที่พวกมันค้นหาจากสายเลือดของกิเลนไฟโบราณ” “แต่...พวกมันจะทำได้เพียงครั้งเดียว จากนั้นมันจะถูกเผาจนตายโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ” “บางครั้งข้าเดาว่า พวกมันอาจรู้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปลุกสายเลือดโบราณ ภายในตัวเอง แต่พวกมันก็ยังทำโดยไม่ลังเล เพราะแม้ว่าพวกมันจะสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสงบได้อีกหลายร้อยปี พวกมันก็ยังจุดประกายไฟกิเลนภายในตัว ที่นำไปสู่ความตายที่สำคัญยิ่งในกองเพลิง” น้ำเสียงของหลินซินถงแผ่วเบา สัตว์อสูรกิเลน เป็นสัตว์อสูรรกร้างที่ นางรู้จักมานานมากแล้ว นางก็เป็นเช่นสัตว์อสูรกิเลน เกิดมาพร้อมกับเส้นลมปราณหยิน ไม่สามารถที่จะทำลายคำสาป เชื่อมต่อเส้นลมปราณที่เสียหาย นางก็เป็นเช่นสัตว์อสูรกิเลนที่มีจุดประสงค์เพื่อปลุกสายเลือดกิเลนไฟโบราณ แม้เป็นเรื่องยากราวปีนป่ายสู่สวรรค์ และอาจนำไปสู่การทำลายตนเอง นางจะเลือกชีวิตปกติของสัตว์อสูรกิเลนมีชีวิตอยู่อย่างปกติสามัญหลายร้อยปีก่อนจะตาย หรือจะเลือกที่จะเป็นหนึ่งในผู้กล้าในหมู่สัตว์อสูรกิเลนที่พยายามเขาชนะโชคชะตาของพวกมัน โดยไม่ลังเลต่อการสละชีวิต? ความจริง หลินซินถง ได้ตัดสินใจด้วยหัวใจของนางเรียบร้อยแล้ว…. ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของหลินซินถง อี้หยุนก็นิ่งเงียบ กำเนิดมาเพื่อค้นหาเปลวเพลิง เลือกสิ่งที่มีธาตุไฟร้อนแรงที่สุด ใช้เป็นอาหารจนกว่าจะเผาร่างกายของตนเองให้ตายอยู่กลางเปลวเพลิง แม้พวกมันจะรู้ว่ามันไม่มีโอกาสที่จะกลายเป็นกิเลนไฟ พวกมันก็เต็มใจที่จะไล่ล่า เงาแห่งความฝันที่ต้องจ่ายด้วยชีวิต เพราะพวกมันไม่สมัครใจที่จะมีชีวิตอยู่ในหมู่ผู้อ่อนแอ อาจสรุปได้ด้วยวลี “ไม่สมัครใจจะอยู่อย่างสามัญ!” ใช่ ไม่สมัครใจที่จะอยู่อย่างสามัญ อี้หยุนเป็นยิ่งกว่าไม่สมัครใจจะอยู่อย่างสามัญ แต่เขาก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นความอ่อนโยนหรือความอ่อนแอ หลินซินถงที่อยู่ตรงหน้าเขาก็มีความคิดที่คล้ายกัน “ผู้อาวุโส ท่านจะใช้สัตว์อสูรกิเลนส่งเสริมคนรุ่นใหม่ หรือจะใช้มันให้คำชี้แนะต่อคนรุ่นใหม่ ไม่ให้ไปสู่จุดที่จะทำลายตนเอง?” อี้หยุนถามขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้อาวุโสร่างอ้วนพ่นลมออกทางจมูกเป็นการตอบรับ “เจ้าคิดมากเกินไป อะไรคือจุดที่จะส่งเสริมเจ้าด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้? อย่าเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ในโลกนี้มีผู้ฝึกยุทธมากมาย หลายคนได้นำมาซึ่งการทำลายตนเอง เพื่อให้ได้ทรัพยากรมากขึ้น พวกเขาออกไปสู่ดินแดนรอบนอกด้วยตัวเอง โดยไม่รู้ว่าได้นำตัวเองไปสิ้นสุดลงในท้องของสัตว์อสูร!” แม้ว่าผู้อาวุโสร่างอ้วนจะพูดเล่นลิ้น แต่เขาก็ให้คำแนะนำอย่างจริงใจ อี้หยุนพูดอย่างเจียมตนว่า “ข้าขอรับคำสั่งสอน” “อืม...” เมื่อเห็นอี้หยุนมีทัศนคติเช่นนั้น ผู้อาวุโสร่างอ้วนมีความพึงพอใจมาก “หนังสือของซินถง มันดีเกินไปสำหรับเจ้า อ่านมันให้ดี แม้ข้าจะคิดว่า เจ้ามีสภาพร่างกายไม่ดี แต่การรับรู้ของเจ้ายังพอคาดหวังได้ แล้ว ‘หมัดซี่โครงมังกรกระดูกพยัคฆ์’ ของเจ้า มันก็พอดูได้ อ่านหนังสือของซินถง แล้วความแข็งแกร่งของเจ้าก็น่าจะพัฒนา” ในระหว่างประโยคคำพูด ผู้อาวุโสร่างอ้วนยังคงกล่าวดูหมิ่นอี้หยุนต่อไป แต่อี้หยุนก็สามารถบอกได้ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นการให้กำลังใจ เพื่อให้เขายอมรับคำชี้แนะอย่างนอบน้อม “อา..น่าสงสาร” ผู้อาวุโสร่างอ้วนส่ายศีรษะ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “โอ้ เจ้าหนู เจ้าอาจไม่รู้ หากเจ้าขายหนังสือเล่มนี้ให้ตระกูลเก่าแก่ แล้วบอกว่ามันมีบันทึกของซินถง ข้าคิดว่ามีนายน้อยมากมายยินดีที่จะเสนอราคาสำหรับมันสูงมาก สำหรับนายน้อยเหล่านี้ ซินถงเป็น...” “อาจารย์!” หลินซินถง ขัดจังหวะผู้อาวุโสร่างอ้วนอย่างไม่สบอารมณ์โดยเฉพาะเหตุผลที่ นางเป็นที่ติดตามของเหล่าลูกหลานครอบครัวใหญ่จากหลายตระกูลเก่าแก่ หากไม่แล้วอาจารย์ของนางคงต้องบอกเรื่องที่ศิษย์อย่างนางได้หมั้นหมายแล้วเป็นแน่ หลังจากที่ทุกคนเห็นว่า แม้หลินซินถงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่เนื่องจากมีเส้นลมปราณหยิน ทำให้พลังของนางมีขีดจำกัด ดังนั้นนางจึงมีชีวิตได้เพียงไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ครอบครัวตระกูลใหญ่ที่เห็นผลประโยชน์เป็นเรื่องสำคัญมากทุกสิ่งที่ทำเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว จึงเห็นได้ชัดว่า การหมั้นหมายของนางจะเป็นไปเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวอื่น ซึ่งต่อไปจะผลักดันผลประโยชน์ให้กับตระกูล “ลืมมันซะ ลืมมันซะ” ผู้อาวุโสร่างอ้วนโบกมือ แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เฮ้เจ้าหนู ศีรษะของสัตว์อสูรกิเลนนี้เป็นของเจ้า สัตว์อสูรกิเลนมีความพิเศษเล็กน้อย หลังจากที่มันตาย ลมปราณในร่างของมันจะค่อยๆออกมา และจะเป็นเช่นนั้นนับสิบปี ดังนั้นหากเจ้าซ่อนศีรษะนี้ให้ดี เจ้าสามารถดูดซับลมปราณได้โดยไม่ต้องกลั่น ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถดูดซับมันได้แค่ไหน” จากมุมมองของผู้อาวุโสร่างอ้วน อี้หยุนไม่มีความสามารถในการสกัดกลั่นกระดูกเดียวดาย นอกจากนี้ พื้นฐานของอี้หยุน ก็ไม่น่าจะมีความสามารถในการย่อยศีรษะสัตว์อสูรกิเลน การปล่อยให้พลังงานออกมาแล้วดูดซับถึงจะช้าแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด แน่นอนว่าวิธีนี้ช้าเกินไป หากเป็นบุตรจากครอบครัวตระกูลใหญ่จะสามารถ รอเป็นสิบปี? “เจ้าหนู แม้ว่าข้าจะบอกเจ้าแล้ว ข้าก็เดาได้ว่า เจ้าคงต้องการที่จะเอามันไป จากประสบการณ์ที่ไม่มากมายในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ ข้าจะเขียนวิธีใช้พลังป้องกันให้ เมื่อเจ้าเข้าสู่จุดสูงสุดของลมปราณรวบรวม พลังป้องกันนี้จึงจะใช้งานได้ มันจะสามารถใช้ปกป้องชีวิตของเจ้าได้ครั้งหนึ่ง หากวันหนึ่งเราโชคดีได้พบกันอีกแล้วเจ้าไม่ได้ใช้พลังป้องกันนี้ เจ้าสามารถใช้มันเป็นของกำนัลให้กับข้า” “เฮ้ ทำไมมองข้าแบบนั้น?” ผู้อาวุโสร่างอ้วนถามเมื่อสังเกตเห็นดวงตาของอี้หยุนที่เต็มไปด้วยความสงสัย อี้หยุนไม่ได้คาดคิดว่าชายชราจะเสนอให้ผลประโยชน์บางอย่างแก่เขา ดวงอาทิตย์ต้องขึ้นจากทิศตะวันตกแน่ๆ ที่เขาเสนอบางสิ่งให้ มันน่าเชื่อถือ?

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้