True Martial World บทที่ 67 ปกปิดความลับ

ผู้ดูแลเผ่าไม่สนใจคำพูดของจ้าวเทียจู่ เขาอยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว สามารถบอกได้ด้วยความสามารถของตนเอง “หมอ เขาเป็นอย่างไร?” ผู้ดูแลเผ่าถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ด้วยความรู้เดิมอันจำกัดของหมอตีนเปล่าประจำเผ่าเหลียน เขาไม่สามารถบอกอะไรได้หมอเถื่อนจึงเริ่มหวาดกลัว และตกอยู่ในสภาพอ้าปากค้าง ด้วยความตกใจอย่างที่สุดจากคำถามของผู้ดูแลเผ่า มันจะมีอะไรที่เขารู้? “สถานการณ์แบบนี้….ข้าไม่อาจบอกได้จริงๆ ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้กับนายน้อย พื้นฐานของนายน้อยแข็งแรงและแข็งแกร่ง เขา…เขาควรจะไม่เป็นไร…” “เจ้าแน่ใจว่าเขาจะไม่เป็นไร? มันอาจจะเป็นเพราะนายน้อยก้าวผ่านขอบเขตปราณชีวันสะท้อนกลับอย่างรุนแรงข้างในอวัยวะภายในเป็นเหตุให้ร่างกายของเขาอ่อนแอ? เช่นนั้นเขาจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ใช่มั้ย?” “เรื่องนี้…” หมอเถื่อนไม่กล้ารับประกัน เหงื่อออกเต็มหน้าผากของเขา แต่เขาก็ทอดถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอาการของนายน้อย ให้ยาตามใบสั่งนี้ จะทำให้เขานอนหลับสนิท ตลอดคืน พรุ่งนี้เราควรจะบอกได้ว่าเป็นอย่างไร พรุ่งนี้” หมอเถื่อนเพียงพูดวาจาไร้สาระออกไป มันดีกว่าไม่มีอะไรจะพูด เหยาหยวนขมวดคิ้ว แล้วเดินไปที่ด้านข้างของผู้ดูแลเผ่า แล้วกระซิบบางอย่างที่ข้างหู “เจ้าว่าอะไรนะ!?” เมื่อได้ยินคำพูดของเหยาหยวน หัวใจของเขาถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ “เจ้าบอกว่า เชิงอวี๋ก้าวผ่านล้มเหลว!?” ผู้ดูแลเผ่าลดเสียงเบาลง เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ากังวลมาก เขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป “อืม… มันควรจะเป็นความล้มเหลวในการก้าวผ่านทำให้เกิดพลังงานตีกลับ มันอาจจะเป็นเพราะความโกรธที่เกิดขึ้นส่งผลให้เป็นเช่นนี้…” เหยาหยวนเลือกใช้คำพูดอย่างชาญฉลาดเพื่อไม่ให้ผู้ดูแลเผ่าเป็นกังวล แต่คำพูดเหล่านั้น ยังคงทำให้ผู้ดูแลเผ่าหน้ามืดตาลาย “เป็นไปได้อย่างไร?” จ้าวเทียจู่ที่นิ่งสงบอย่างมาก เปลี่ยนเป็นวิตกกังวล ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเหยาหยวน เหยาหยวนหันมามองอย่างเข้มงวด ทำให้จ้าวเทียจู่รีบหุบปากแน่น เขารู้ว่าเหยาหยวนมี ประสบการณ์เกินธรรมดาเคยอยู่ในขอบเขตโลหิตม่วงมาก่อน ดังนั้นสิ่งที่พูดจึงไม่ใช่สิ่งไร้สาระมันเป็นความจริง! นายน้อยเหลียนก้าวผ่านล้มเหลวจริงๆใช่ไหม? เมื่อเห็นเหลียนเฉิงอยู่ที่นอนหมดสติแน่นิ่ง จ้าวเทียจู่ก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ “เชิงอวี๋อา…” ผู้ดูแลเผ่าจู่ๆดูราวกับแก่ลง 8 ปีเขาเดินโซเซเข้าไปประคองเหลียนเฉิงอยู่ เมื่อเห็นฝูงชนเข้ามาใกล้ผู้ดูแลเผ่ารีบพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากับคนที่อยู่รอบๆ “ความล้มเหลวในการก้าวผ่านของเชิงอวี๋ต้องเก็บไว้เป็นความลับ… ไม่อาจแพร่งพรายออกไป…” เสียงของผู้ดูแลเผ่าอ่อนแรง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นกระดูกเดียวดาย หรือการก้าวผ่าน ขอบเขตของเหลียนเฉิงอยู่ล้วนเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดสูงและเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ทั้งหมดมีความสำคัญมาก ผูกติดอย่างลึกล้ำกับความเคารพนับถือและเกียรติภูมิความเป็นผู้นำหากชนเผ่าล่วงรู้ว่าเหลียนเฉิงอยู่ล้มเหลวในการก้าวผ่าน ทั้งๆที่ทุกสิ่งทุกอย่างของทุกๆคน รวมทั้งชีวิตของผู้อ่อนแอและผู้ชรา ถูกผูกรวมอยู่ในแก่นกระดูกเดียวดาย ชนเผ่าจะคิดอย่างไร? ความเคารพนับถือจะถูกละทิ้ง แล้วพวกเขาจะปกครองเผ่าได้อย่างไรในอนาคต? นอกจากนี้วัวทั้งหมดที่มีก็ถูกฆ่าจนหมด ภูเขาสมุนไพรก็ถูกเก็บจนหมดเกลี้ยง เสบียงอาหารไม่มีเหลือ ภายใต้สถานการณ์นี้ หากชนเผ่าล่วงรู้ว่าเหลียนเฉิงอยู่ไม่เพียงก้าวผ่านล้มเหลว แต่ยัง อาเจียนเป็นเลือด แล้วพวกเขาจะไม่ก่อจลาจล? พวกเขาทั้งหมดต่างหวังว่า เหลียนเฉิงอยู่จะนำพวกเขาไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า! “นำเชิงอวี๋ไปที่บ้าน ห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าโดยเด็ดขาด!” ผู้ดูแลเผ่าพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ท่าทางบึ้งตึง “แล้ว…แล้ว เราจะบอกพวกชาวบ้านว่าอะไรดี?” จ้าวเทียจู่ถามอย่างสับสนงุนงง “บอกไปว่าเชิงอวี๋ก้าวผ่านสู่ขอบเขตโลหิตม่วงได้แล้ว แต่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากพลังอันรุนแรงของกระดูกเดียวดาย จึงต้องพักฟื้นดูแลสุขภาพอีกไม่กี่วัน!” ผู้ดูแลเผ่าตัดสินใจปกปิดความลับและทุกๆอย่าง รอจนกว่าเหลียนเฉิงอยู่จะหายดี —————————– ขณะที่ชนชั้นสูงของเผ่าเหลียนตกอยู่ในความตื่นเต้นสับสน ผู้ต้องหาคนสำคัญ อี้หยุน กำลังก่อกองไฟอยู่ด้านหลังภูเขาโอ้เขากำลังย่างปีกไก่ อี้หยุนกำลังร้องเพลงขณะย่างไก่ มันเป็นเพลงตลกๆในภาพยนตร์เรื่อง “ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ(1993)” ของโจวซิงฉือ ในฉากที่กำลังกินปีกไก่ตอนที่สมควรนอนใกล้ตาย “ข้ารักปีกไก่ข้ารักปีกไก่ย่างที่สุด! ข้ารักปีกไก่น้ำแดงที่สุด!” เพลงตลกๆที่ไม่ให้ความรู้สึกและไร้ซึ่งจังหวะใดๆ แต่เขาก็ยังร้องอย่างมีความสุขมาก แม้ว่าการใช้ไม้ฟืนย่างเนื้อสัตว์จะเป็นเรื่องยาก ก็ไม่อาจยับยั้ง ความอยากกินบาร์บีคิวของคนเห็นแก่กินได้ ในไม่ช้าปีกไก่ของเขาก็ส่งกลิ่นหอม ไขมันไก่หยดแล้วหยดเล่าหยดลงในกองไฟจนมีเสียงดัง “เสร็จแล้ว!” อี้หยุนหั่นเนื้อปีกไก่ย่างแล้วโรยผงปรุงรสบางๆ “พี่เซียวโยรว ลองซิ” อี้หยุนนำปีกไก่ชิ้นแรกที่ย่างเสร็จให้เจียงเสี่ยวโหรว “ระวัง มันร้อน” อี้หยุนเตือน สำหรับอี้หยุน เจียงเสี่ยวโหรวคือคนสำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ “เจ้าเด็กน้อย ตอนนี้เริ่มมาเตือนพี่สาวของเจ้าแล้วรึ?” เจียงเสี่ยวโหรวมองไปที่อี้หยุน ในอดีตที่ผ่านมา นางจะทำโจ๊กให้เขา เพราะกลัวว่าเขาจะทำลวกตัวเอง นางมักจะเป่ามันให้เย็นลง และกล่าวเตือนเบาๆ “กินช้าๆ ระวัง มันร้อน” คำพูดที่เรียบง่ายแต่ฟังดูอ่อนหวานมาก อี้หยุนทำให้แน่ใจว่าปีกไก่ย่างของเขากรอบนอกนุ่มใน แม้จะมีจุดไหม้ดำบ้าง มันก็ไม่มีอันตราย เจียงเสี่ยวโหรวเปิดปากแล้วกัดคำเล็กๆ มันนุ่มชุ่มฉ่ำอร่อยอย่างมากจริงๆ “อร่อยมาก!” ใบหน้าของนางเปล่งประกาย จะมีอะไรสุขเท่ากับมีน้องชายอยู่ข้างกาย แบ่งปันปีกไก่ อร่อยๆข้างกองไฟ? “หวินเอ๋อร์เจ้าก็ควรกินด้วย” “โอ้แน่นอน มันทำให้ข้าคิดที่จะทำการค้นคิดหาฟืนที่ไร้ควัน!” เขายิ้ม ความก้าวหน้าของเขาชะลอตัวลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และไม่ได้ก้าวผ่านสู่ขอบเขตใหม่ทุกสองสามวันอีก ขอบเขตปราณชีวันรวบรวมมีขีดจำกัดบางอย่าง ความก้าวหน้าของการบ่มเพาะจึงชะลอตัวลง คนไม่มีความสามารถอาจติดอยู่ที่คอขวดนี้ตลอดชีวิตไม่อาจพัฒนาได้ อี้หยุนทำการดูดซับพลังงานของศีรษะกิเลนไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขาทำความเข้าใจต่อผลึก ม่วงอย่างลึกซึ้ง ตอนนี้เขาสามารถควบคุมความเร็วในการดูดซับพลังงานของผลึกม่วงได้แล้ว เมื่อก่อนตอนที่เขาก้าวผ่านขอบเขตชีพจรสัมพันธ์ ด้วยเส้นลมปราณที่เปิดขึ้น เขาเกือบทำให้ร่างกายระเบิดจากการไหลเข้ามาอย่างไม่จำกัดของพลังงาน ตอนนี้เขาควบคุมมันได้และจะไม่ทำผิดพลาดอีก “พลังงานในศีรษะกิเลนมากกว่า พลังงานในกระดูกเดียวดายของเหลียนเฉิงอยู่ มันควรจะอยู่ได้อีกสิบกว่าวัน จากนั้นก็จะถึงเวลาที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการคัดเลือกของอาณาจักร…” ขณะที่คิด จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบามาจากระยะไกล หลังจากที่เข้าสู่ระดับห้าของโลหิตมนุษย์ความรู้สึกของเขาคมชัด สามารถได้ยินเสียงจากระยะไกลๆได้อย่างสบาย “พี่เซียวโยรว รอข้าสักครู่” อี้หยุนบอก ก่อนที่จะกระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่อย่างง่ายดายสิ่งที่เห็นในระยะไกลทำให้เขาอ้าปากค้าง

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้