ในลานบ้านอันงดงาม มีชายชราสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆนั่งเล่นหมากรุกกับหญิงสาวในชุดขาว
“อาจารย์ตาท่านแล้ว”
หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้ม นางคือหลินซินถงที่อี้หยุนเคยพบปะ และแน่นอนว่าอาจารย์
ของนางก็คือ ผู้เฒ่าซู
“เอ๊ะ…”
ผู้เฒ่าซูขมวดคิ้วแน่น นิ้วมือที่เต็มไปด้วยไขมันจับตัวหมากรุกบีบแน่น ลังเลที่จะเดินตาต่อไป เขาใช้ข้อแก้ตัวต่างๆหลบเลี่ยงการพ่ายแพ้มาแปดตาแล้ว และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ถูกบังคับให้จนมุม เมื่อเห็นว่ากำลังถูกรุกฆาต และไม่มีวิธีการใดๆแก้ไขสถานการณ์ได้
“เหอะ เหอะ… ซินถง ทักษะการเล่นหมากรุกของเจ้าดีขึ้นมาก เหมือนข้าตอนหนุ่มๆ ดูท่าข้าต้องเอาจริงซะแล้ว…”
ผู้เฒ่าซูโพล่งออกมาอย่างไร้ยางอาย ทำให้หลินซินถงลอบหัวเราะในใจ แต่ทุกอย่างที่ทำก็คือกระตุ้นเตือนให้อาจารย์ของนางเดินตาต่อไป
หลินซินถงไม่ค่อยจะยิ้มนัก นอกจากตอนอยู่กับอาจารย์ นางจึงจะแสดงความมีชีวิตชีวาเล็กๆของหญิงสาวปกติในใจของนางผู้เฒ่าซูเป็นทั้งอาจารย์และปู่ของนาง
ขณะนั้นมีเสียงดังมาจากประตู
“องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้นำจดหมายมาส่งให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่ซู!”
“เอ๋? มีแขก” ผู้เฒ่าซูพูดขึ้นราวกับว่าผู้ช่วยชีวิตได้เดินทางมาถึง
“ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว มีแขกมา ซินถงไปชงน้ำชามานี่”
ขณะที่พูด ผู้เฒ่าซูใช้แขนที่เต็มไปด้วยไขมันกวาดกระดานหมากรุก ล้มตัวหมากทุกตัว
บนนั้น
“เอ๊ะ…” หลินซินถงถึงกับอึ้ง แล้วก็พูดด้วยความขบขันว่า
“ชาของท่านชงเสร็จแล้ว อาจารย์ท่านตั้งใจเล่นหมากรุกมากเกินไปจึงไม่ได้ดื่มมัน”
“เอ๋?” ผู้เฒ่าซูมองไปที่กาน้ำชาบนโต๊ะและกระพริบตาอย่างหมดคำพูด
โชคดีที่ผู้บังคับบัญชาพันครัวเรือนจาง จากจินหลงเหว่ย เดินเข้ามาในลาน ป้องหมัดของเขาทำความเคารพผู้เฒ่าซู
“ข้าได้รับพระบัญชาจากองค์จักรพรรดิให้นำจดหมายมาส่งให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่ซูได้โปรดรับไว้ด้วยขอรับ”
จางตันกล่าวพร้อมกับวางจดหมายไว้บนโต๊ะหมากรุกอย่างสุภาพ มันเป็นจดหมายสีแดงปิดผนึกมีตราประทับอยู่บนผนึกนั้น
เหตุผลหลักที่ผู้เฒ่าซูมาที่เผ่าเทา ก็คือมารอจดหมายที่จางตันจะมาส่งให้นั่นเอง
เขาหยิบจดหมายและมองอย่างเคร่งเครียด แล้วพูดขึ้นว่า
“จางตันใช่มั้ย? เจ้าทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย เอาชาไปดื่มซิ”
จางตันชะงักไปชั่วครู่ เหลือบมองไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะ เขาเป็นคนละเอียดรอบคอบ จึงเห็นได้ว่าชาถูกดื่มไปแล้ว ในขณะที่ผู้เฒ่าซูกับหลินซินถงเล่นหมากรุก และมีความเป็นไปได้สูงที่ชานี้จะถูกชงโดยหลินซินถง
หลินซินถงเป็นผู้มีสถานะภาพสูงส่ง ผู้มีความสามารถมากมายจากตระกูลใหญ่ต่างไล่ติดพันนาง
วันหนึ่งหากนางได้หมั้นหมายกับองค์ชายของอาณาจักรไทอา กลายเป็นพระชายา และอาจกลายเป็นจักรพรรดินี ด้วยฐานะของผู้บัญชาการพันครัวเรือนของจินหลงเหว่ย จางตันอาจ ติดคอตายหากดื่มชาที่ชงโดยจักรพรรดินีในอนาคต!
จางตันพิจารณาภาพรวม ด้วยการเป็นผู้บัญชาการพันครัวเรือน ต้องจัดการกับบุคคลทุกประเภท เขาจึงตอบกลับในทันที
“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแต่ข้ายังต้องกลับไปรายงาน จึงไม่อาจดื่มได้ขอรับ”
จางตันกล่าวตอบไปตามมารยาทและความเหมาะสม
ผู้เฒ่าซูเป็นผู้ที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แม้แต่เชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพ เขาไม่คิดมากเรื่องมารยาทของโลก และก็ไม่ได้สนใจมัน
“งั้น เจ้าก็ไปได้แล้ว”
ผู้เฒ่าซูโบกมือ และรอจนจางตันจากไป เขาฉีกตราครั่งออก แล้วหยิบสิ่งที่อยู่ในซอง
จดหมายออกมาดูในจดหมายไม่ได้เป็นข้อความ แต่เป็นแผนภาพ
เมื่อผู้เฒ่าซูนำแผนภาพออกมา ปรากฏเงาร่างวิญญาณของสัตว์อสูรโบราณขึ้นก่อนจะจางหายไปราวเกลียวควัน เมื่อเห็นแผนภาพนั้น ผู้เฒ่าซูตาลุกโพลง ราวกับเขาเป็นคนเฝ้าสมบัติผู้ยากไร้มองเห็นสมบัติเขาพูดกับตัวเองว่า
“ดินแดนเมฆาเลือนเร้นมีสมบัติบางอย่างจริงๆ! หากแต่มหาเสนาบดีเหวิ่นหวิน ไม่อาจทำมันได้ด้วยตัวเองจึงมาขอความช่วยเหลือจากข้า.. ดูเหมือนว่าการค้นหาสมบัติของอาณาจักรจะไม่ได้เป็น เรื่องไร้สาระ!”
“อาจารย์ มันคือแผนภาพอะไร?”
หลินซินถงถามขึ้น หลังจากขบคิดอยู่ที่ด้านข้าง ขณะที่มองดูเงาร่างวิญญาณของสัตว์
อสูรโบราณจางหายไป นางไม่อาจบอกได้ถึงความลึกลับของแผนภาพ แต่รู้สึกว่ามันมีเวทย์มนต์ผู้เฒ่าซูพูดขึ้นว่า
“แผนภาพนี้เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ข้าไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกับการกำเนิดเมฆาม่วงหรือไม่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวก็ไม่เป็นไร มันเป็นบางสิ่งที่ดีมาก!
ซินถง เจ้าไม่ต้องกังวลข้าจะค้นหาจนสุดขอบโลกเพื่อหาทางเชื่อมเส้นลมปราณที่เสียหายของเจ้าให้ได้”
———————————
นับตั้งแต่เหลียนเฉิงอยู่ก้าวผ่านสู่ขอบเขตโลหิตม่วงล้มเหลว เผ่าเหลียนก็เงียบสงบลงไม่มีฉากยิ่งใหญ่ของผู้คนหลายร้อยคน ขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนภูเขา หรือชายฉกรรจ์แข็งแรงพัดไฟบนลานตากเมล็ดธัญพืช
ข่าวที่ว่าเหลียนเฉิงอยู่ได้รับบาดเจ็บถูกปกปิดไว้
ทุกคนมีความเชื่อว่าเหลียนเฉิงอยู่ได้ก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วง และได้เพิ่มความ
แข็งแกร่งของเขาขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาทำคือ รอการคัดเลือกของอาณาจักร เหลียนเฉิงอยู่จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักร นำพาชนเผ่าเหลียนไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น
วันนี้ท้องฟ้าแต่งแต้มไปด้วยหิมะ เมฆลอยต่ำมีนกอินทรีขนาดใหญ่กำลังบินอยู่เหนือ
ท้องฟ้าของเผ่าเหลียน ปีกของมันกางเต็มที่กว้างกว่า 10 เมตร ยามขยับปีกบินทำให้เกิดลมพัดหิมะฟุ้งกระจาย
“นั่นมันอะไร?” ผู้ยากไร้ของเผ่าเหลียน จะเคยเห็นนกอินทรีขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?
“มันเป็นสัตว์อสูรดุร้าย? หรืออาจเป็น….สัตว์อสูรเดียวดาย!?”
ผู้คนต่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นนกอินทรีขนาดใหญ่ โดยปกติภายใต้การคุ้มครองของ
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สัตว์อสูรดุร้ายธรรมดาหรือสัตว์อสูรเดียวดาย แทบจะไม่ล่วงล้ำเข้ามาในบริเวณใกล้เคียง
แต่นั่นหมายถึงภายใต้เงื่อนไข “ปกติ” มันก็อาจมีกรณีที่สัตว์อสูรดุร้ายหรือสัตว์อสูร
เดียวดายผ่านเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนอาศัยอยู่ ทำให้เกิดการสังหารหมู่ ที่มีความหมายเช่นเดียวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้น
มีชนเผ่าเล็กๆมากมายในดินแดนเมฆาเลือนเร้น มันไม่นับเป็นอะไรได้ หากชนเผ่าเล็กๆจะถูกทำลาย หากนี่เป็นการโจมตีจากสัตว์อสูรเดียวดายจริงๆ มันก็จะเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับเผ่าเหลียน
ในขณะที่ผู้คนต่างตื่นตระหนก นกอินทรีขนาดใหญ่ก็ร่อนลงมาต่ำอย่างกะทันหัน และ
เริ่มเผาไหม้ในท้องฟ้า
“ปัง!”
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ส่งผลให้มีแถวข้อความปรากฏอยู่บนท้องฟ้า แต่ละอักษรกินเนื้อที่นับครึ่งไร่หากนำมันมาวางไว้บนพื้นดิน ทุกคนในเผ่าเหลียนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ตอนเที่ยงของวันที่สาม จินหลงเหว่ยจะส่งทูตมาที่เผ่าเหลียน นำตัวผู้ฝึกยุทธสิบคนไปเผ่าเทา สำหรับการคัดเลือก ผู้ผ่านการคัดเลือกจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักร และสมาชิกของจินหลงเหว่ย! สิบคน ต้องมีอายุต่ำกว่า 28 ปีและต้องผ่านการคัดเลือกขั้นแรก แล้วถึงจะตัดสินใจโดยเผ่า!”
ทุกๆคนหยุดชะงัก เมื่อเห็นแถวข้อความขนาดใหญ่
การคัดเลือกของอาณาจักร ในที่สุดการคัดเลือกของอาณาจักรก็เริ่มต้น!
หลังจากวันเวลาแห่งการรอคอย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เสียสละ มันมาถึงแล้ว วันที่รอคอยมันมาถึงแล้ว!
ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้