True Martial World บทที่ 69 แผนภาพ

ในลานบ้านอันงดงาม มีชายชราสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆนั่งเล่นหมากรุกกับหญิงสาวในชุดขาว “อาจารย์ตาท่านแล้ว” หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้ม นางคือหลินซินถงที่อี้หยุนเคยพบปะ และแน่นอนว่าอาจารย์ ของนางก็คือ ผู้เฒ่าซู “เอ๊ะ…” ผู้เฒ่าซูขมวดคิ้วแน่น นิ้วมือที่เต็มไปด้วยไขมันจับตัวหมากรุกบีบแน่น ลังเลที่จะเดินตาต่อไป เขาใช้ข้อแก้ตัวต่างๆหลบเลี่ยงการพ่ายแพ้มาแปดตาแล้ว และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ถูกบังคับให้จนมุม เมื่อเห็นว่ากำลังถูกรุกฆาต และไม่มีวิธีการใดๆแก้ไขสถานการณ์ได้ “เหอะ เหอะ… ซินถง ทักษะการเล่นหมากรุกของเจ้าดีขึ้นมาก เหมือนข้าตอนหนุ่มๆ ดูท่าข้าต้องเอาจริงซะแล้ว…” ผู้เฒ่าซูโพล่งออกมาอย่างไร้ยางอาย ทำให้หลินซินถงลอบหัวเราะในใจ แต่ทุกอย่างที่ทำก็คือกระตุ้นเตือนให้อาจารย์ของนางเดินตาต่อไป หลินซินถงไม่ค่อยจะยิ้มนัก นอกจากตอนอยู่กับอาจารย์ นางจึงจะแสดงความมีชีวิตชีวาเล็กๆของหญิงสาวปกติในใจของนางผู้เฒ่าซูเป็นทั้งอาจารย์และปู่ของนาง ขณะนั้นมีเสียงดังมาจากประตู “องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้นำจดหมายมาส่งให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่ซู!” “เอ๋? มีแขก” ผู้เฒ่าซูพูดขึ้นราวกับว่าผู้ช่วยชีวิตได้เดินทางมาถึง “ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว มีแขกมา ซินถงไปชงน้ำชามานี่” ขณะที่พูด ผู้เฒ่าซูใช้แขนที่เต็มไปด้วยไขมันกวาดกระดานหมากรุก ล้มตัวหมากทุกตัว บนนั้น “เอ๊ะ…” หลินซินถงถึงกับอึ้ง แล้วก็พูดด้วยความขบขันว่า “ชาของท่านชงเสร็จแล้ว อาจารย์ท่านตั้งใจเล่นหมากรุกมากเกินไปจึงไม่ได้ดื่มมัน” “เอ๋?” ผู้เฒ่าซูมองไปที่กาน้ำชาบนโต๊ะและกระพริบตาอย่างหมดคำพูด โชคดีที่ผู้บังคับบัญชาพันครัวเรือนจาง จากจินหลงเหว่ย เดินเข้ามาในลาน ป้องหมัดของเขาทำความเคารพผู้เฒ่าซู “ข้าได้รับพระบัญชาจากองค์จักรพรรดิให้นำจดหมายมาส่งให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่ซูได้โปรดรับไว้ด้วยขอรับ” จางตันกล่าวพร้อมกับวางจดหมายไว้บนโต๊ะหมากรุกอย่างสุภาพ มันเป็นจดหมายสีแดงปิดผนึกมีตราประทับอยู่บนผนึกนั้น เหตุผลหลักที่ผู้เฒ่าซูมาที่เผ่าเทา ก็คือมารอจดหมายที่จางตันจะมาส่งให้นั่นเอง เขาหยิบจดหมายและมองอย่างเคร่งเครียด แล้วพูดขึ้นว่า “จางตันใช่มั้ย? เจ้าทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย เอาชาไปดื่มซิ” จางตันชะงักไปชั่วครู่ เหลือบมองไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะ เขาเป็นคนละเอียดรอบคอบ จึงเห็นได้ว่าชาถูกดื่มไปแล้ว ในขณะที่ผู้เฒ่าซูกับหลินซินถงเล่นหมากรุก และมีความเป็นไปได้สูงที่ชานี้จะถูกชงโดยหลินซินถง หลินซินถงเป็นผู้มีสถานะภาพสูงส่ง ผู้มีความสามารถมากมายจากตระกูลใหญ่ต่างไล่ติดพันนาง วันหนึ่งหากนางได้หมั้นหมายกับองค์ชายของอาณาจักรไทอา กลายเป็นพระชายา และอาจกลายเป็นจักรพรรดินี ด้วยฐานะของผู้บัญชาการพันครัวเรือนของจินหลงเหว่ย จางตันอาจ ติดคอตายหากดื่มชาที่ชงโดยจักรพรรดินีในอนาคต! จางตันพิจารณาภาพรวม ด้วยการเป็นผู้บัญชาการพันครัวเรือน ต้องจัดการกับบุคคลทุกประเภท เขาจึงตอบกลับในทันที “ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแต่ข้ายังต้องกลับไปรายงาน จึงไม่อาจดื่มได้ขอรับ” จางตันกล่าวตอบไปตามมารยาทและความเหมาะสม ผู้เฒ่าซูเป็นผู้ที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แม้แต่เชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพ เขาไม่คิดมากเรื่องมารยาทของโลก และก็ไม่ได้สนใจมัน “งั้น เจ้าก็ไปได้แล้ว” ผู้เฒ่าซูโบกมือ และรอจนจางตันจากไป เขาฉีกตราครั่งออก แล้วหยิบสิ่งที่อยู่ในซอง จดหมายออกมาดูในจดหมายไม่ได้เป็นข้อความ แต่เป็นแผนภาพ เมื่อผู้เฒ่าซูนำแผนภาพออกมา ปรากฏเงาร่างวิญญาณของสัตว์อสูรโบราณขึ้นก่อนจะจางหายไปราวเกลียวควัน เมื่อเห็นแผนภาพนั้น ผู้เฒ่าซูตาลุกโพลง ราวกับเขาเป็นคนเฝ้าสมบัติผู้ยากไร้มองเห็นสมบัติเขาพูดกับตัวเองว่า “ดินแดนเมฆาเลือนเร้นมีสมบัติบางอย่างจริงๆ! หากแต่มหาเสนาบดีเหวิ่นหวิน ไม่อาจทำมันได้ด้วยตัวเองจึงมาขอความช่วยเหลือจากข้า.. ดูเหมือนว่าการค้นหาสมบัติของอาณาจักรจะไม่ได้เป็น เรื่องไร้สาระ!” “อาจารย์ มันคือแผนภาพอะไร?” หลินซินถงถามขึ้น หลังจากขบคิดอยู่ที่ด้านข้าง ขณะที่มองดูเงาร่างวิญญาณของสัตว์ อสูรโบราณจางหายไป นางไม่อาจบอกได้ถึงความลึกลับของแผนภาพ แต่รู้สึกว่ามันมีเวทย์มนต์ผู้เฒ่าซูพูดขึ้นว่า “แผนภาพนี้เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ข้าไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกับการกำเนิดเมฆาม่วงหรือไม่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวก็ไม่เป็นไร มันเป็นบางสิ่งที่ดีมาก! ซินถง เจ้าไม่ต้องกังวลข้าจะค้นหาจนสุดขอบโลกเพื่อหาทางเชื่อมเส้นลมปราณที่เสียหายของเจ้าให้ได้” ——————————— นับตั้งแต่เหลียนเฉิงอยู่ก้าวผ่านสู่ขอบเขตโลหิตม่วงล้มเหลว เผ่าเหลียนก็เงียบสงบลงไม่มีฉากยิ่งใหญ่ของผู้คนหลายร้อยคน ขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนภูเขา หรือชายฉกรรจ์แข็งแรงพัดไฟบนลานตากเมล็ดธัญพืช ข่าวที่ว่าเหลียนเฉิงอยู่ได้รับบาดเจ็บถูกปกปิดไว้ ทุกคนมีความเชื่อว่าเหลียนเฉิงอยู่ได้ก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วง และได้เพิ่มความ แข็งแกร่งของเขาขึ้นอย่างรวดเร็ว! ตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาทำคือ รอการคัดเลือกของอาณาจักร เหลียนเฉิงอยู่จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักร นำพาชนเผ่าเหลียนไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น วันนี้ท้องฟ้าแต่งแต้มไปด้วยหิมะ เมฆลอยต่ำมีนกอินทรีขนาดใหญ่กำลังบินอยู่เหนือ ท้องฟ้าของเผ่าเหลียน ปีกของมันกางเต็มที่กว้างกว่า 10 เมตร ยามขยับปีกบินทำให้เกิดลมพัดหิมะฟุ้งกระจาย “นั่นมันอะไร?” ผู้ยากไร้ของเผ่าเหลียน จะเคยเห็นนกอินทรีขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร? “มันเป็นสัตว์อสูรดุร้าย? หรืออาจเป็น….สัตว์อสูรเดียวดาย!?” ผู้คนต่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นนกอินทรีขนาดใหญ่ โดยปกติภายใต้การคุ้มครองของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สัตว์อสูรดุร้ายธรรมดาหรือสัตว์อสูรเดียวดาย แทบจะไม่ล่วงล้ำเข้ามาในบริเวณใกล้เคียง แต่นั่นหมายถึงภายใต้เงื่อนไข “ปกติ” มันก็อาจมีกรณีที่สัตว์อสูรดุร้ายหรือสัตว์อสูร เดียวดายผ่านเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนอาศัยอยู่ ทำให้เกิดการสังหารหมู่ ที่มีความหมายเช่นเดียวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้น มีชนเผ่าเล็กๆมากมายในดินแดนเมฆาเลือนเร้น มันไม่นับเป็นอะไรได้ หากชนเผ่าเล็กๆจะถูกทำลาย หากนี่เป็นการโจมตีจากสัตว์อสูรเดียวดายจริงๆ มันก็จะเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับเผ่าเหลียน ในขณะที่ผู้คนต่างตื่นตระหนก นกอินทรีขนาดใหญ่ก็ร่อนลงมาต่ำอย่างกะทันหัน และ เริ่มเผาไหม้ในท้องฟ้า “ปัง!” เสียงระเบิดขนาดใหญ่ส่งผลให้มีแถวข้อความปรากฏอยู่บนท้องฟ้า แต่ละอักษรกินเนื้อที่นับครึ่งไร่หากนำมันมาวางไว้บนพื้นดิน ทุกคนในเผ่าเหลียนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน “ตอนเที่ยงของวันที่สาม จินหลงเหว่ยจะส่งทูตมาที่เผ่าเหลียน นำตัวผู้ฝึกยุทธสิบคนไปเผ่าเทา สำหรับการคัดเลือก ผู้ผ่านการคัดเลือกจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักร และสมาชิกของจินหลงเหว่ย! สิบคน ต้องมีอายุต่ำกว่า 28 ปีและต้องผ่านการคัดเลือกขั้นแรก แล้วถึงจะตัดสินใจโดยเผ่า!” ทุกๆคนหยุดชะงัก เมื่อเห็นแถวข้อความขนาดใหญ่ การคัดเลือกของอาณาจักร ในที่สุดการคัดเลือกของอาณาจักรก็เริ่มต้น! หลังจากวันเวลาแห่งการรอคอย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เสียสละ มันมาถึงแล้ว วันที่รอคอยมันมาถึงแล้ว!

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้