ในวันต่อมา ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจากเผ่าเล็กๆ ภายในรัศมีพันไมล์ได้มาถึงเผ่าเทาอย่างช้าๆ
หลังจากคืนนี้การคัดเลือกของอาณาจักรก็จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!
สถานที่คัดเลือกคือ พื้นที่ราบเรียบว่างเปล่านอกเมืองของเผ่าเทา
พื้นที่ราบเรียบว่างเปล่านี้กินเนื้อที่กว้างใหญ่ พื้นผิวของมันเกลื่อนกลาดไปด้วยหินเหล็กดำราวกับปูด้วยกระเบื้องพิเศษ ผู้เข้าร่วมมากกว่าพันคนแยกออกตามเผ่าของตน ยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ณ ที่ว่างนี้
ที่อยู่ตรงกลางก็คือ เหล่าคนหนุ่มชั้นยอดของเผ่าเทา พวกเขามีจำนวนประมาณ 600คน
มากกว่าผู้เข้าร่วมจากทุกเผ่าเล็กๆรวมกัน!
ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีจำนวนมาก คุณภาพของการบ่มเพาะของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมแม้
จะดึงออกมาสักคนจากกลุ่ม ความแข็งแกร่งก็ยังมีมากกว่าคนจากค่ายฝึกยุทธของเผ่าเหลียนอี้หยุนสังเกตเห็น เทาอวิ๋นเซียว คุณชายสามของเผ่าเทายืนอยู่ด้านขวาข้างหน้าของผู้คนเหล่านั้น
สำหรับคุณชายใหญ่กับคุณชายรองพวกเขาไม่ได้ปรากฏตัว ตามกฎของการคัดเลือกของอาณาจักร การประเมินครั้งแรก ก็คือการแข่งรอบแรก มันใช้กำจัดผู้ซึ่งขาดความแข็งแกร่งสำหรับผู้ที่อยู่ในขอบเขตโลหิตม่วง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีส่วนร่วมในการแข่งรอบแรก พวกเขาก็สามารถเข้าร่วมในรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายได้เลย
ความจริงการก้าวผ่านเข้าสู่ขอบเขตโลหิตม่วง ก็คือจุดรับประกันของจินหลงเหว่ย การ
คัดเลือกในรอบสุดท้ายก็แค่ไปเคลื่อนไหวเล็กน้อย
การเป็นยอดยุทธโลหิตม่วงก่อนอายุยี่สิบแปด แม้ว่าจะอยู่ในขั้นเริ่มต้นของขอบเขตโลหิตม่วง ความสามารถของพวกเขาก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีคุณสมบัติที่ดีที่จะได้เป็นสมาชิกของจินหลงเหว่ย
ในเผ่าเทานอกจากคุณชายใหญ่กับคุณชายรองแล้ว ยังมีอีกเจ็ดคนที่เป็นยอดยุทธโลหิตม่วง ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบแปด ดังนั้นที่ว่างในการคัดเลือกของอาณาจักรทั้งยี่สิบ เก้าที่ถูกสงวนไว้สำหรับคนเหล่านี้คนกว่าพันจะต้องแย่งชิงที่ว่างที่หลือเพียงสิบเอ็ดที่!
กลุ่มของทหารม้าควบขับมาข้างหน้า นำโดยผู้บังคับบัญชาพันครัวเรือนของจินหลงเหว่ยจางตัน เขาเป็นเจ้าหน้าที่ทดสอบของการคัดเลือกในเผ่าเทา
จางตันโคลงตัวเบาๆขณะกำลังกุมบังเหียน และลงจากหลังม้า
“ตอนนี้ข้าขอประกาศกฎของการคัดเลือกรอบแรก!”
จางตันกล่าวอย่างตรงไปตรงมาโดยไร้ซึ่งทัศนคติส่วนตัว เขาไม่ได้แนะนำตัวเองก่อนที่จะเริ่มต้น
“การคัดเลือกรอบแรกนี้คือการทดสอบวิญญาณ!”
“วิญญาณ?” ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต่างตะลึงงัน
พวกเขาเดาว่าการรอบแรกนี้ จะเป็นการทดสอบความแข็งแกร่ง หรือไม่ก็เป็นบางสิ่ง
ทำนองเดียวกัน ที่มันเรียบง่ายที่สุดและง่ายดายที่สุด แต่กลับเป็นการทดสอบวิญญาณ? อะไรคือวิญญาณ? แล้วจะทดสอบมันได้อย่างไร?
“วิญญาณคือขวัญกำลังใจ และมันยังเป็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว! คนที่มีวิญญาณที่ดี
จะมีความสามารถที่จะจัดการเรื่องราวได้อย่างเด็ดขาด มีความกล้าหาญ และไม่หลบหนีจากการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ พวกเขาจะมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น ไม่คำนึงถึงสิ่งล่อใจใดๆ!”
“บนเส้นทางของการเรียนวิชายุทธ มีอุปสรรคมากมาย! มีพื้นที่ลึกลับมากมายที่เป็น
อันตรายถึงชีวิต หากไร้ซึ่งวิญญาณและความกล้าหาญ ก็จะไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้น”
“เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเดียวดายที่แข็งแกร่งในการต่อสู้ วิญญาณเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ปกป้องเมืองของมนุษย์ถึงจะไม่เพียงพอแต่ก็มีพลัง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเดียวดายดึกดำบรรพ์ในการต่อสู้ หากขลาดเกรง ก็จะไม่อาจแสดงความแข็งแกร่งแท้จริงได้แม้เพียงครึ่งเดียวแล้วจะต่อสู้ได้อย่างไร?”
“ในขั้นตอนของเส้นทางไปสู่การก้าวผ่านขอบเขต คือการเอาชนะปีศาจภายในตนเอง
จำเป็นต้องมีแรงผลักดันและความปรารถนาที่ก้าวผ่านทุกๆสิ่ง บนเส้นทางที่จะกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ ก็จะต้องเผชิญกับสิ่งล่อใจไม่มีที่สิ้นสุด กองกำลังมากมายจะพยายามดึงให้ไปเข้าเป็นพวกโดยให้ความมั่งคั่ง สมบัติและความงามเป็นสินบน และในท้ายที่สุดก็จะได้ใช้ประโยชน์จากเจ้า! หากหลงระเริงในสิ่งล่อลวงเหล่านี้ ไร้ซึ่งความแน่วแน่ ก็จะเป็นจุดจบของเส้นทางวิชายุทธของเจ้า!”
“ดังนั้น อนาคตของผู้ฝึกยุทธจึงไม่ใช่ความสามารถ แต่เป็นวิญญาณ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นของจางตัน อี้หยุนเข้าใจมันได้อย่างลึกล้ำการมีคุณภาพของ
วิญญาณที่ดีก็คือความสำเร็จทุกสิ่งของบุคคลที่พึงมี!
วีรบุรุษของจีนโบราณทุกคนต่างมุ่งเน้นไปที่จุดหมาย พวกเขาผ่านอุปสรรคนานา ความทุกข์ยาก สิ่งล่อใจ ความล้มเหลว ทั้งหมดที่มาขัดขวาง!
วิญญาณนี้เป็นที่รู้จักในประเทศจีนโบราณว่า “กลิ่นอาย/รัศมี”!
ผู้คนที่สามารถอ่านกลิ่นอายของบุคคลได้ จะได้เห็นรัศมีสีม่วงเหนือศีรษะของผู้ที่ประสบความสำเร็จ คนที่มีรัศมีนี้เป็นที่รู้จักกันว่ามีกลิ่นอายของบุตรแห่งสวรรค์ ในนิยายเป็นที่รู้จักกันว่ามีกลิ่นอาย/รัศมีของผู้พิชิต โดยสรุปแล้ว การมีกลิ่นอายของบุตรแห่งสวรรค์ หมายถึงการมีพลังที่จะประสบความสำเร็จในการกระทำสิ่งดี!
จางตันพูดต่อไป
“การตรวจสอบวิญญาณ จะเป็นการทดสอบแบบองค์รวม การทดสอบแบบง่ายๆไม่
สามารถที่จะประเมินพวกเจ้าได้อย่างถูกต้อง ตอนนี้ขอให้ทุกคนเข้ามาล้อมรอบตัวข้าเป็นวงกลมห่างจากข้าห้าสิบก้าว”
เมื่อได้ยินดังนั้นฝูงชนเริ่มเคลื่อนย้าย ฝูงชนนับพันคนเคลื่อนย้ายกันอย่างไม่เป็นระเบียบทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น หลายคนรวมทั้งเทาอวิ๋นเซียว และเหลียนเฉิงอยู่ ก็เริ่ม
แสดงความเป็นผู้นำของพวกเขา
“คนของเผ่าเทาจงฟังคำสั่งข้า พวกเราจับมือกันเป็นวงกลมรอบๆ พันครัวเรือนจางแล้ว
ขยายออกไป”
สำหรับเผ่าเทามีจำนวนคนมากที่สุด การจับมือกันเป็นวงกลม ทำให้สามารถหลีกเลี่ยง
ความสับสน ชนเผ่าอื่นๆก็เริ่มทำตาม
“อี้หยุน มัวทำอะไรอยู่? ข้ามไปโน่น เจ้าไม่เห็นพวกนั้นรึ?”
เหลียนเฉิงอยู่ตะโกนใส่อี้หยุน เขามีความรู้สึกว่าการรักษาความสงบเรียบร้อยในความ
สับสนวุ่นวายเป็นวิธีที่จะแสดงวิญญาณของเขา หากเขาทำมันได้ดีก็จะได้รับความสนใจจากบุคคลระดับบนของจินหลงเหว่ย
นี่คือโอกาสสำหรับเขา
อี้หยุนนั้นก็นับเป็นสมาชิกของเผ่าเหลียน หากอี้หยุนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเขาแล้ววิ่ง
พล่านไปมา มันจะทำให้เขาเสียหน้า และจะทำให้เขากลายเป็นคนไร้ความสามารถ
อี้หยุนมองอย่างเย็นชามาที่เหลียนเฉิงอยู่แล้วพูดว่า
“แค่ดูแลลูกสมุนของเจ้าเถอะ”
คำพูดของอี้หยุนทำให้เหลียงเชิงอวี๋เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ข้าจะดูว่าเจ้าจะโอหังได้นานแค่ไหน เจ้าอาจมีความสามารถในวิชายุทธ แต่นี่เป็นการ
ทดสอบวิญญาณ ผู้ติดตามอย่างเจ้าจะทำอย่างไร ผู้หิวโหยยากไร้มาตลอดจะมีมันหรือ?”
วิญญาณเป็นความสามารถในการบรรลุความสำเร็จในสิ่งที่ดี มีเพียงบุคคลที่มีคุณภาพ
ความเป็นผู้นำเท่านั้นจึงจะสามารถครอบครองมัน สำหรับเผ่าเหลียน ใครคือผู้นำ? มันก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว!
“ก็ลองดูว่าระหว่างเราใครจะมีวิญญาณมากกว่ากัน” อี้หยุนยักไหล่
“นอกจากนี้นายน้อยเหลียนอาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไร? จะไม่ส่งผลกระทบต่อ
การทดสอบวิญญาณในภายหลังใช่ไหม?”
อี้หยุนกำหนดเป้าไปที่จุดอ่อนที่สุดของผู้คน และเย้ยหยันจุดอ่อนนั้น
ความล้มเหลวในการก้าวผ่านไปสู่ขอบเขตโลหิตม่วงของเหลียนเฉิงอยู่ และความโกรธนั้นทำให้เขาต้องกระอักเลือด เป็นความทรงจำที่ย่ำแย่และ น่าอับอายของเขา
เหลียนเฉิงอยู่หน้าเสียเมื่อได้ยินคำพูดของอี้หยุน
“เจ้าสารเลวน้อย ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะโอหังต่อไปได้นานแค่ไหน! หากเจ้าตกอยู่ในกำมือของข้า นั่นหมายถึงเจ้าต้องตาย!”
หลังจากพูดมันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เหลียนเฉิงอยู่หันกลับและเดินจากไป…
อี้หยุนหัวเราะเบาๆอย่างไม่ใส่ใจกับเหลียนเฉิงอยู่ เขาเคลื่อนย้ายไปกับฝูงชนและบางทีก็เหลือบมองไปที่จางตัน เขาเห็นจางตันนำกล่องสีดำยาวเกินกว่าสามเมตรออกมาจากแหวนมิติกล่องดำนี้ทำจากเหล็กสีดำพื้นผิวดูโบราณปกคลุมไปด้วยจารึกลึกลับ
เมื่อทุกคนล้อมรอบจางตันเป็นวงกลมเรียบร้อยแล้ว เขาก็พูดกับฝูงชนอย่างเย็นชาว่า
“รอบคัดเลือกรอบแรกกำลังจะเริ่มต้น ข้าจะให้คำแนะนำว่าอย่าฝืน หากคิดว่าขาดซึ่ง
วิญญาณ ก็ให้ถอยห่างออกไปเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ”
แต่ก็ไม่มีผู้ใดเคลื่อนย้ายหลังจากได้ยินคำพูดของจางตัน ความจริงมีไม่กี่คนทั้ง
เทาอวิ๋นเซียวและเหลียนเฉิงอยู่ กลับเคลื่อนย้ายไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว เพื่อแสดงให้เห็นวิญญาณของพวกเขา
จางตันยิ้มแล้วเปิดกล่องนำวัตถุสีดำยาวสามฟุตออกมา มันเป็นสันโค้งแหลม สันแหลมนี้ขดเป็นเกลียวแลดูคล้ายดาบสั้น อี้หยุนสามารถบอกได้ว่าวัตถุสีดำนี้คือเขาสัตว์อสูรขนาดใหญ่หลังจากที่จางตันนำเขาสัตว์ออกมา มันก็เริ่มลอยตัวอย่างช้าๆท้าทายแรงโน้มถ่วงนี่คือวัตถุที่ใช้ทดสอบวิญญาณอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนสับสนและไม่แน่ใจ ว่าวิธีการประเมินจะดำเนินการอย่างไร?
วิจิตรพิสดารนัก พวกเขารู้สึกไม่สบายใจในขณะที่อยู่ตรงหน้าเขาสัตว์นั้น ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ฝังเข้าไปในหัวใจของพวกเขา…
“ข้าจะพูดอีกครั้ง คนที่ขาดความมั่นใจ ถอยไปยืนข้างหลัง ไม่เช่นนั้นการทดสอบนี้จะฆ่าความเชื่อมั่นทำให้เจ้าไม่อาจฝึกวิชายุทธได้อีก”
จางตันกล่าวอย่างเคร่งขรึม สมาชิกของจินหลงเหว่ยถอยออกไปอยู่ด้านข้าง และปล่อย
ให้จางตันยืนอยู่เพียงคนเดียวเพียงพริบตาเดียวก็มีเส้นแสงปรากฏขึ้นรอบๆเขาสัตว์นั้น!
ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้