True Martial World บทที่ 5 เหลียนเฉิงหยู่

ร่างกายของอี้หยุนผ่ายผอมและอ่อนแอ และยังเตี้ยกว่าเจียงเเสี่ยวโหรว

ในความเป็นจริงเขายังเป็นเด็ก แต่ในใจของเจียงเเสี่ยวโหรวแล้ว อี้หยุนคือ บุรษในบ้านผู้หนึ่ง เป็นบุคคลที่จะดูแลครอบครัวในอนาคต! มือของเจียงเเสี่ยวโหรวจับมือของเขาเอาไว้ อารมณ์อันปั่น ป่วนของนาง เขารู้สึกได้จากความร้อนที่เพิ่มขึ้นของมือน้อยๆ และนิ้วมือที่สั่นระริก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย และความอยุติธรรมที่ได้รับจากชนเผ่า เจียงเเสี่ยวโหรว ไม่คาดหวังว่าจะมีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ นางจะต้องทำด้วยตัวเอง สาวน้อยวัยสิบห้าที่ลุกขึ้นต่อต้านบุรุษร่างกายกำยำ

บรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ ทุกคนมองอี้หยุนกับเจียงเเสี่ยวโหรว ด้วยความงุนงง หลังจากความเงียบสั้นๆผ่านไป เหล่าบุรุษผู้ดูแลการปันส่วนก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

“นี่...เป็นบุรุษในบ้านของเจ้า? ฮ่ะ ฮ่า ๆ ๆ”

“สาวน้อย.. เจ้าคงไม่เคยเจอบุรุษมาก่อนใช่ไหม? ต้องการให้ข้าแสดงให้ดูไหมว่า บุรุษหมายถึงอะไร?” ชายผู้หนี่งกล่าวขึ้นอย่างเสเพล

“เจ้าหนูไร้หนวด ผอมเป็นลิง ข้าอยากถามจริงๆว่า เจ้าเลิกใส่ผ้าอ้อม ให้ไอ้หนูนี่มากี่วันแล้ว?”

เหล่าบุรุษต่างหัวเราะลั่น เจียงเเสี่ยวโหรว หน้าแดงกำหมัดแน่นอย่างอึดอัดใจ ไม่มีใครสักคนเดียวในที่นั้น จะลุกขึ้นช่วยเหลือนาง กฎของเผ่าทุกสิ่งมีไว้สำหรับ ผู้แข็งแรงและผู้ฝึกยุทธ ผู้อ่อนแอไม่อาจต่อต้าน และไร้คนใส่ใจ

สำหรับพวกเขา อาหาร เป็นสิ่งที่ต้องกังวล

“เอ๋...ข้าจำได้ว่า ไอ้เด็กเหลือขอนี่ไม่ใช่ตายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อนหรือ?”

ในชนเผ่าเล็กๆ ความตายไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ยิ่งกว่านั้น การคงอยู่หรือ ตายของอี้หยุน ไม่มีความสำคัญแก่ผู้ใด

“ใช่แล้ว ข้ารู้จักไอ้สารพัดโรคนี่ มันอ่อนแอจนลมพัดมันปลิวได้เลย” คนผู้หนึ่งกล่าวขึ้น

“ใครว่าน้องชายข้าตาย!” เจียงเเสี่ยวโหรว จ้องหน้าชายคนนั้น ราวกับนางเสือดาว

จากขนาดร่างกายที่แตกต่างราวกับ นกกระจอกกับอีแร้ง ดังนั้นแม้ เจียงเเสี่ยวโหรวจะกัดฟัน ยืนหยัดอยู่บนพื้น แววตาดังสัตว์ร้ายจ้องสังหารเหยื่อ ก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อเด็กสาวอ่อนแอคนหนึ่งจะสามารถแสดงออกมาเช่นนั้นได้

เจียงเเสี่ยวโหรวกำบางสิ่งที่เหมือนท่อนไม้เล็กยาวซ่อนไว้ข้างหลัง นางแอบเก็บลูกศรดอกหนึ่งไว้ป้องกันตัว!

เจียงเเสี่ยวโหรวหน้าบึ้งตึงเพราะความโกรธ

ในฐานะหัวหน้าเผ่า และสมาชิกของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ ตำแหน่งของเขาอยู่ในระดับสูงมาก สถานการณ์นี้จึงเหมือนเสือที่ถูกข่มขู่โดยลูกแมว

“นังโง่ มองหน้าข้าหาอะไร เลิกมองไม่งั้นข้าจะควักตาเจ้าออกมา!”

ชายคนนั้นพูดด้วยความโกรธ แต่เจียงเเสี่ยวโหรวกัดฟันยืนหยัดไม่ถอย สำหรับพวกนางแล้ว หากไม่ได้รับของปันส่วนในวันนี้ หรือ พวกนางก็ไม่อาจอยู่รอด ลูกศรในมือถูกกำไว้แน่น เกือบถึงจุดที่นางวาดภาพว่าจะต้องใช้มัน!

“สาวน้อยที่น่าสนใจ!”

มุมปากของเด็กหนุ่มในชุดเกราะเงินยกยิ้มขึ้น ในขณะที่ดูความขัดแย้ง ระหว่างเจียงเเสี่ยวโหรว กับเหล่าบุรุษ ผ่านทางหน้าต่าง

เด็กหนุ่มในชุดเกราะเงิน ให้รูปลักษณ์อันสูงส่ง แค่เสื้อตัวนอก อันสดใสของเขาก็สร้างความแตกต่างระหว่างเขากับสามัญชนผู้ยากไร้

“นางซ่อนลูกศรไว้”

ทั้งหมดของ ลูกศร และวัตถุดิบ หรือแม้จะเป็นเพียงลูกศรที่มีข้อบกพร่องมีการนับ และต้องเก็บคืนอย่างครบถ้วน

“ข้าไม่รู้ว่านางใช้วิธีอะไร ในการซ่อนลูกศรเอาไว้ แต่ดูจากท่าทาง แล้วนางกล้าที่จะใช้มัน”

“หากนางกล้าทำ นางจะต้องได้รับโทษ” ผู้อาวุโสกว่าที่ยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มกล่าวอย่างนอบน้อม

“นั่นก็ถูก แต่หากว่านางไม่ทำ นางก็ต้องอดตาย” เด็กหนุ่มในชุดเกราะสีเงินกล่าวอย่างเฉยชา

“บอกข้าเรื่องนาง”

ผู้อาวุโสกว่าโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า

“เรียนนายน้อย นางชื่อ เจียงเเสี่ยวโหรว เป็นชนชั้นล่างของชนเผ่าตระกูลเหลียน นางกับน้องชายเดิมทีไม่ได้เป็นคนของเผ่านางเป็นผู้อพยพมาตั้งหลักแหล่งที่ชนเผ่าตระกูลเหลียน เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามารดาน้องชายนางอี้หยุน ตายจากไป ทั้งสองพี่น้องจึงเป็นกำพร้า มันเป็นที่คาดหมายได้ว่า เด็กสองคนที่ไร้มารดาต้องตายแน่นอน แต่ในเวลาที่ผ่านมาเจียงเเสี่ยวโหรว กับสามารถดูแลตัวเองกับน้องชายจนรอดมาได้”

ผู้อาวุโสกว่า กล่าวอย่างสุภาพนอบน้อม เขารู้ทุกเรื่องของผู้คนนับพันที่อาศัยอยู่ในชนเผ่าตระกูลเหลียนนี้

ในชนเผ่าขนาดใหญ่มักจะไม่ยอมรับผู้อพยพ แต่สำหรับชนเผ่าเล็กๆ ไม่เป็นเช่นนั้น นี่เป็นวิธีหนึ่งที่ชนเผ่าเล็กๆ จะรักษาจำนวนประชากรของพวกเขาไว้ แต่ผู้อพยพจะมีสถานะต่ำสุด

“นางเป็นสตรีจากที่อื่น” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ขณะยกยิ้มอย่างช้าๆ

จากสถานการณ์ก่อนหน้าเขาตระหนักว่าเจียงเซียงโยรว ให้บรรยากาศแตกต่างที่เขาอธิบายไม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กจากครอบครัวยากไร้พึงมี

นอกจากนี้เจียงเเสี่ยวโหรว ยังมีรูปลักษณ์ที่งดงามสง่า ในชนเผ่าเล็กๆอันยากไร้ขาดแคลนนี้ สาวงามหาได้ยากยิ่ง สาวน้อยอันงดงามมีเสน่ห์ กับท่าทีอันท้าทาย นำความน่าสนใจมาสู่เหลียนเฉิงอยู่

“ท่านนายน้อย ถูกใจนาง?” ผู้อาวุโสกว่าไม่สามารถหักห้ามความสงสัย

นายน้อยเหลียนเฉิงอยู่ มีศักดิ์ศรีสูงส่งอย่างมากในเผ่า ทั้งชนเผ่าตระกูลเหลียน มีผู้เยี่ยมยุทธอยู่น้อย หากจะนับผู้เยี่ยมยุทธผู้ซื่อสัตย์แล้ว มีเพียงสามคน

หนี่งคือ หัวหน้าเผ่า ซึ่งก็คือบุรุษผู้ใส่เสื้อเหลือง

สองคือ เหยาหยวน ผู้ฝึกสอนในเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ

สุดท้ายคือ เหลียนเฉิงอยู่ เขาเป็นหลานของบุรุษเสื้อเหลือง

ตอนนี้ หัวหน้าเผ่า อายุ 60 ปีแล้ว แต่เหลียนเฉิงอยู่เพิ่งจะ 17 มีอนาคตอันสดใส ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหลียนเฉิงอยู่ จะกลายเป็น หัวหน้าเผ่า คนต่อไป เขายังเป็นคนที่มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็น “ยอดยุทธโลหิตม่วง”

ด้วยศักดิ์ศรีอันสูงส่งโดยกำเนิดของเหลียนเฉิงอยู่ เขาไม่สมควรจะแต่งงานกับผู้อพยพชนชั้นล่างสุด

“หากข้าสนใจ? เผ่าเล็กๆนี้รึ จะหยุดข้าได้ ในเวลาอันใกล้ ข้าก็จะออกไปผจญภัย ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ไพศาล เจ้าจะพยายามใช้กฏตระกูล เพื่อหยุดข้า?”

แม้ว่าเหลียนเฉิงอยู่ กล่าวด้วยท่าทางสงบ แต่คำพูดอันเยียบเย็น ทำให้ผู้อาวุโสกว่าถึงกับตัวสั่น รีบกล่าวออกมาว่า

“ข้าน้อย พูดไร้สาระ นายน้อย ข้าน้อยเพียงบังอาจถามไถ่ ข้าน้อยพูดมากเกินไป ได้โปรดอย่าเก็บมาใส่ใจ!”

ผู้อาวุโสกว่า ตบหน้าตัวเองขณะที่เขาพูด ถึงแม้ว่า ชนเผ่าตระกูลเหลียน จะเป็นชนเผ่าเล็กๆ แต่กฎตระกูลเข้มงวดมาก!

ในแดนดินรอบนอก ที่ซึ่ง ผู้แข็งแกร่งอยู่เหนือผู้อ่อนแอ หลายๆ ดินแดนปกครองด้วยกฎทหาร ในชนเผ่าผู้ฝึกยุทธมักมีผู้ถืออำนาจ กฎตระกูลจึงเข้มงวดอย่างมาก!

ชีวิตของผู้อ่อนแออยู่ในกำมือของผู้แข็งแกร่ง เหลียนเฉิงอยู่ เป็นผู้ทรงอำนาจ

ในเผ่าเขามีอำนาจตัดสินชะตากรรมของผู้คน เหลียนเฉิงอยู่ไม่เคยมีความเมตตา ตั้งแต่ยังเด็ก เขาผ่านความยากลำบากและประสบการณ์การต่อสู้อันเลวร้ายในเผ่ามามากมาย

เหลียนเฉิงอยู่ พูดอย่างเย็นชา ขณะมองผู้อาวุโสกว่าตบหน้าตัวเอง

“เอาล่ะ หยุดได้แล้ว นางยังเยาว์วัย ข้าเพียงต้องการให้นางเป็นแค่หญิงรับใช้หรือนางบำเรอ เจ้าไม่ต้องวิตกแค่นี้คงไม่ละเมิดกฏ”

“เป็นความกรุณาที่ให้อภัยขอรับ….นายน้อย” ผู้อาวุโสกว่าผงกศีรษะรับอย่างเร็ว

“อืม...ขอถามเจ้า เจียงเเสี่ยวโหรว ทำไมมีแซ่ต่างจากน้องชาย?”

เหลียนเฉิงอยู่หรี่ตาลง ขณะมองไปยังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในลาน เขาตระหนักว่า เจียงเเสี่ยวโหรว ต้องการแค่ป้องกันน้องชายที่อ่อนแอและเต็มไปด้วยความเจ็บป่วย และดูเหมือนว่า นางจะมีความภาคภูมิใจในน้องชายของนาง

“เรื่องนี้….ข้าได้ยินมาว่า ตอนที่เจียงเเสี่ยวโหรว อยู่ในสภาวะลำบาก มารดาของอี้หยุนรับนางไว้เป็นลูกบุญธรรม ด้วยเหตุนี้ เจียงเเสี่ยวโหรวจึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ มารดาของอี้หยุนอย่างมาก นางจึงดูแลอี้หยุนอย่างดี”

“อา! เช่นนั้นเอง….” เหลียนเฉิงอยู่ ขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นยืน

“ไสหัวไป!” ขณะมองเจียงเเสี่ยวโหรวที่ยืนนิ่ง ราวกับหยั่งรากลงพื้นดิน บุรุษผู้นั้นโกรธจัด ก้าวไปข้างหน้าหมายตบหน้าของนางร่างกายอันอ่อนแอของหญิงสาวไม่อาจเปรียบได้กับ ร่างบุรุษอันใหญ่โต หากโดนตบ ร่างของเจียงเเสี่ยวโหรว คงปลิวไปในอากาศ!

ขณะที่เจียงเเสี่ยวโหรวขยับลูกศร นางรู้สึกว่ามือถูกกดลง อี้หยุน กระซิบอย่างรวดเร็วที่หูของนางว่า

“อย่าวู่วาม!” ขณะที่พูดแค่อึดใจเดียว อี้หยุนก็มายืนอยู่ด้านหน้าของเจียงเเสี่ยวโหรว

“ช้าก่อน!” อี้หยุนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นห้าม

“คิดว่าแกเป็นใคร?” บุรุษผู้กำลังโกรธคิด

เจ้าลิงนี่มันทั้งผอมบางและอ่อนแอ ข้าจะตบมันให้ปลิวเหมือนกัน!

อี้หยุนรู้สึกคันในหัวใจ อยากเตะไข่คนตรงหน้า แต่เขาก็รู้ดีว่า หากรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ คนฉลาดต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เขามีสองชีวิตที่ต้องรักษา เขาต้องสงบ และรู้ว่าความวู่วามจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

“คนจริงไม่ทำร้ายผู้หญิง นอกจากนี้เจ้าไม่ใช่มาจากเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ? เจ้าทั้งแข็งแรงมาก แค่นิ้วเดียวผู้หญิงตัวเล็กๆก็ลงไปกองแล้ว ทำอย่างนี้ แล้วมันจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกของผู้คน?”

ในท่าทีเกรี้ยวกราดของบุรุษผู้นั้น อี้หยุนพูดอย่างรวดเร็วแต่ชัดเจนให้ทุกคนๆได้ยิน

บุรุษผู้นั้นลังเล มองแปลกๆไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ที่กระโดดออกมาตำหนิเขาอย่างแรง มันเด็กอายุสิบสองปีไม่ใช่หรือ? หรือการที่เขาจะตบพี่สาวของไอ้หนูนี่เป็นความงี่เง่า ?

การที่อี้หยุนกระโดดออกมาพูดเช่นนั้น มันเป็นการยั่วยุที่เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพ มือที่ยกค้างกลางอากาศและลังเลที่จะเอาลง

บุรุษผู้นั้นรู้สึกเหมือนชกอากาศ แท้จริงแล้วเขาเป็นสมาชิกของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ ในสายตาคนทั้งหลาย การลงมือทำร้ายเด็กสองคนไม่เป็นสิ่งที่ควรภูมิใจ

นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ระหว่างเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธกับชาวบ้านบางอย่าง จึงเป็นเรื่องง่ายที่หยุดเขาด้วยคำพูดนี้ แม้บุรุษผู้นี้จะหน้าด้าน แต่เขาคงไม่ต้องการถูกนินทาลับหลัง

“ก็ดี ที่รู้จักสถานะของตัวเอง!”

บุรุษผู้นั้นลดมือลง ขณะจ้องไปที่สองพี่น้อง

“วันนี้ข้าอารมณ์ดี ไม่อยากเถียงกับเจ้า ไสหัวไปซะ!”

“หยุนเอ๋อร์” เจียงเเสี่ยวโหรวพูดขณะดึงมือของอี้หยุนไว้ นางทำอะไรไม่ถูก นางรู้ดีว่าจะไม่ได้รับอะไร จากความขัดแย้งนี้ แต่ หากจากไปก็หมายถึงความอดอยากของพวกนาง

“พี่เเสี่ยวโหรว อย่าวิตก”

อี้หยุนจับมือของเจียงเเสี่ยวโหรวไว้จนนางสงบลง

“ข้าจะไป แต่ก่อนจะไปมีบางอย่างที่จะต้องหารือกันเล็กน้อย”
◀ บทที่เเล้ว หน้าหลัก บทต่อไป ▶

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้