True Martial World บทที่ 6 นักรบโลหิตม่วง

“มีอะไร? คายมา!” บุรุษผู้นั้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“โอ้ ก็เรื่องที่ พี่สาวข้าส่งมอบลูกศรไปสองมัด หากปันส่วนตามกฎตระกูลแล้ว ก็ควรได้รับของปันส่วนมากกว่านี้...”

อี้หยุนชูถุงเมล็ดข้าวบางเบาในอากาศ มองดูอย่างจริงจัง ไร้การบีบคั้นใดๆ

บุรุษผู้นั้นพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“อะไรคือกฎตระกูล? ความแข็งแกร่งคือ กฎ สิ่งที่ข้าพูดคือกฎ!”

บุรุษผู้นั้นพูดอย่างจริงจัง

อี้หยุนยิ้มเยาะในใจ โง่เขลาอะไรอย่างงี้ ส่งตัวเองเข้าสู่กับดัก ด้วยความหยิ่งยโสของตัวเอง

อี้หยุนแสดงท่าทีได้รับความอยุติธรรม พูดขึ้นว่า

“พี่ชาย เจ้าอาจตั้งกฎ แต่ก็ควรจะให้บางสิ่งต่อพวกเราเพื่อการดำรงชีวิตด้วย”

ด้วยคำพูดนี้ อี้หยุนได้รวมทุกคนในที่นั้นเข้าไปด้วย เมื่อบุรุษผู้นั้นพูดว่า “ความแข็งแกร่งคือกฎ สิ่งที่ข้าพูดคือกฎ!” ดังนั้นคำพูดของเขา จึงได้ปลุกเร้ามวลชนขึ้น ในทันทีหลังจากนั้น คำพูดของอี้หยุนก็ส่งผลสะท้อนต่อมวลชนที่ด้านหลัง โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย

“ถูกต้องแล้ว ข้าส่งมอบชิ้นส่วนชุดเกราะ 6 ชิ้น แต่กับได้ของปันส่วนแค่นิดเดียวเท่านั้น ข้าก็ต้องการคำอธิบายเหมือนกัน…..”

“ทำไมของปันส่วนมีน้อยนัก? พวกเราต้องการรู้….”

“บ้านข้ามีคนแก่ที่ต้องเลี้ยง ของปันส่วนแค่นี้มันไม่พอ!”

มวลชนของชนเผ่าตระกูลเหลียนที่ต้องทุกข์เข็ญ ตลอดเวลา

พวกเขาต้องการที่จะต่อต้านเหล่าผู้ปกครอง แต่เนื่องจากความแตกต่างในความแข็งแกร่งและพวกเขาไม่มีใครเริ่มต้นเป็นผู้นำให้ แต่ด้วยการยั่วยุของอี้หยุน พวกเขาไม่อาจนิ่งเฉยต่อไป

สีหน้าของบุรุษผู้นั้นมืดลง เขาคาดไม่ถึงว่าคำพูดของเด็ก จะทำให้ฝูงชนเกิดความวุ่นวายได้ เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มบานปลาย เขาก็เริ่มสูญเสียความควบคุม

“หุบปากให้หมดทุกคน!” บุรุษผู้นั้นคำราม แต่เสียงคำรามของเขา โดนกลบไปสิ้น

“อธิบายแก่พวกเรา พวกเราต้องการคำอธิบาย!”

“ทำไมของปันส่วนน้อยนัก?!”

กฎหมายไม่อาจใช้บังคับเมื่อมีผู้คนมากมายฝ่าฝืน มักเกิดขึ้นเมื่อมีคนแรกที่เรียกร้อง “การดูแลเป็นพิเศษ” จากนั้นทุกคนจะเริ่มร้องขอ สถานการณ์จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

มีเสียงดังกังวานขึ้นว่า

“หากต้องการคำอธิบาย ข้าจะให้!” เป็นเสียงที่เกิดจากพลังกดดันอันไร้รูปร่าง สถานการณ์วุ่นวายเงียบลงทันที

ทุกคนหันไปทางต้นเสียง ก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดเกราะเดินเข้ามา พร้อมดาบยาวในมือ

“นั่นมัน นายน้อย เหลียนเฉิงอยู่ นี่”

“เหลียนเฉิงอยู่!”

ทุกคนประหลาดใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่ม เหลียนเฉิงอยู่เป็นคนในเผ่าที่มีแนวโน้มสูงที่จะกลายเป็น ยอดยุทธโลหิตม่วง

ความสามารถของเหลียนเฉิงอยู่ เป็นที่เด่นชัดเทียบได้กับ เหล่าอัจฉริยะของเผ่าใหญ่ หากชนเผ่าตระกูลเหลียน สร้าง ยอดยุทธโลหิตม่วง ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเปลี่ยนไป เพื่อวันคืนนั้น เหลียนเฉิงอยู่ได้รับการสนับสนุนทั้งหมดของชนเผ่า!

หากเหลียนเฉิงอยู่ ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง และได้รับความสนใจจากชนเผ่าที่มีอำนาจ นั่นหมายถึงเขาจะสามารถนำชนเผ่าเหลียนทั้งหมด เข้าไปในเมืองได้

มีชนเผ่ามากมายสามารถอาศัยอยู่ในเมืองที่เป็นดังสวรรค์

การสร้างเมืองในดินแดนรอบนอก เป็นเรื่องยาก ที่ซึ่งมีมนุษย์อยู่เป็นจำนวนมาก ก็จะมีสัตว์อสูรรกร้างที่ทั้งใหญ่และแข็งแรงเข้าโจมตี หากไม่มี ผู้เยี่ยมยุทธ คอยปกป้อง มันก็ง่ายที่สัตว์อสูรรกร้าง จะถล่มเมืองจนราบคาบ

ส่วนใหญ่ผู้เยี่ยมยุทธ มักอาศัยอยู่ในเมืองอันมากด้วยผู้คน กำแพงสูงหนาอันประกอบด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน สร้างเพื่อปกป้องเมือง เป็นที่อาศัยอย่างปลอดภัยเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เป็นที่ซึ่งมีแหล่งอาหารอย่างเพียงพอ พวกเขาไม่ต้องกลัวอดอยากหรือภัยคุกคามจากสัตว์อสูร ใครบ้างไม่ต้องการความเป็นอยู่เช่นนั้น?

เหลียนเฉิงอยู่ เป็นความหวังของชนเผ่าตระกูลเหลียน ตำแหน่งของเขาในเผ่าอยู่เหนือไปกว่าหัวหน้าเผ่า!

ทุกคนอยู่ในความเงียบ เมื่อ เหลียนเฉิงอยู่ เดินมาถึงด้านหน้า

“ท่านปู่” เขาทักทาย หัวหน้าเผ่า ซึ่งก็คือ บุรุษเสื้อเหลืองนั่นเอง

“อา...เฉิงอยู่ เมื่อเจ้ามาแล้ว ข้าก็จะปล่อยให้เป็นธุระของเจ้า”

ในเผ่าที่บุรุษมักจะแต่งงานเมื่ออายุ 16 หรือไม่ก็ 17 ปี (เป็นผู้ใหญ่) เหลียนเฉิงอยู่ จึงมีคุณสมบัติอย่างดีที่จะดำเนินการเรื่องนี้

ในตอนแรก เหลียนเฉิงอยู่ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่เขายิ้มอย่างมีความหมายให้อี้หยุน

“เจ้าคืออี้หยุน ใช่ไหม?”

อี้หยุนคิ้วกระตุก สิ่งแรกที่เหลียนเฉิงอยู่ ทำคือ ยิ้มและพูดกับเขา เขารู้สึกถึงอันตราย

อี้หยุนปลุกปั่นมวลชน แต่เขาก็พยายามอย่างที่สุดให้มันเกิดขึ้นเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ก็คือผู้นำมวลชน เหลียนเฉิงอยู่มีแนวโน้มสูงที่จะจัดการเขา

“ไม่เลว สำหรับเด็กอายุ 12 ปี เจ้าดูไม่เหมือนเด็ก เจ้าอาจเป็นผู้ทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า!”

เหลียนเฉิงอยู่หัวเราะแล้วตบลงบนไหล่ของอี้หยุนอย่างไม่ใส่ใจ

ผู้คนต่างประหลาดใจว่า ชนชั้นสูงเช่น เหลียนเฉิงอยู่ กลับตบไหล่

คนธรรมดาสามัญได้ นอกจากนี้ ยังมีคำกล่าวชื่นชม! จะเป็นจริงตาม ที่เหลียนเฉิงอยู่พูดหรือ เด็กน้อยน่าสงสารนี้จะทำการบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ในอนาคต มันเป็นไปได้หรือ?

แม้พวกเขาจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อออกมาจากปาก เหลียนเฉิงอยู่ พวกเขาก็ไม่คัดค้าน สำหรับพวกเขา เด็กน้อยสุดจะโชคดีที่ได้รับความชื่นชมจาก นายน้อยเหลียน เขาอาจกลายเป็นลูกน้องของ นายน้อยเหลียน ในอนาคต นั่นเป็นตำแหน่งที่หลายคนฝันถึง!

“นายน้อยเหลียน ชื่นชมเกินไปแล้ว”

อี้หยุนยิ้มแข็งทื่อ พร้อมกับรู้สึกถึงความกดดันที่เกาะกุมหัวใจ สัญชาติญาณเตือนภัยของเขา แจ้งเตือนสูงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วินาทีที่ได้พบเหลียนเฉิงอยู่

เมื่อเหลียนเฉิงอยู่ ตบเขาที่ไหล่ เขารู้สึกชา ตามด้วยความอบอุ่นแพร่กระจายมาตามหัวไหล่ก่อนที่จะหายไปเกือบทันที

หากเขาไม่มีความรู้สึกเตือนภัยอันคมชัดในระดับสูง เขาคงคิดว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกไปเองหรือเป็นเพราะความกังวลใจ

คนแซ่เหลียนต้องการอะไร? วางอุบายอะไรอยู่..?

อี้หยุนไม่เชื่อว่าที่เหลียนเฉิงอยู่ตบไหล่เขานั้น เพียงแค่ชื่นชมเขา เขามองเหลียงเฉิงอยู่อย่างเป็นปฏิปักษ์เต็มที่

“ให้ของปันส่วนบางส่วนแก่พวกเขา” เหลียนเฉิงอยู่หันไปทาง ผู้ที่มีหน้าที่ประกาศและแจกจ่ายอาหาร

“ขอรับ ท่านนายน้อย” คนผู้นั้นกล่าวคำตอบรับ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจลูกเล่นของอี้หยุน เขาก็จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเหลียนเฉิงอยู่

คนผู้นั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนมอบกระสอบข้าวหนัก 50 จิน ให้อี้หยุน

อี้หยุนระวังตัวมากขึ้น แต่ก็แสดงท่าทางดั่งซาบซึ้งพระคุณ เขารับถุงไว้อย่างมีเลศนัย แล้วพูดว่า

“ขอบคุณ นายน้อย”

แม้ว่าเขาจะขอบคุณด้วยวาจา อี้หยุนเก็บกักความรู้สึกอยากโต้คืน เหลียนเฉิงอยู่ ไว้ อาหารนี้เป็นผลของการทำงานอย่างหนักของเจียงเเสี่ยวโหรว ในการทำลูกศร เพื่อที่จะแลกมันเป็นเศษเสี้ยวของเนื้อสัตว์ แต่ที่พวกเขาได้รับมาก็แค่ข้าวถุงนึง แล้วพวกเขายังต้องกล่าวขอบคุณ! มันผิดปกติไปหน่อยแล้ว!

ในโลกนี้ ด้อยความสามารถ คือ ด้อยในทุกสิ่ง ความแข็งแกร่งเท่านั้น คือ ทุกสิ่ง

“อยากชกไอ้หมอนั่นให้ตาเป็นแพนด้าเลย….”

อี้หยุนคิดด้วยใบหน้านิ่งสนิท เขาได้รับอาหารมากขนาดกินได้ 2-3 เดือน

ทุกคนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา แต่เขาได้รับความชื่นชมจากเหลียนเฉิงอยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร ยกเว้น...

“นายน้อยเหลียน ท่านช่วยอธิบายให้พวกเรารู้ด้วยว่าทำไมของปันส่วนวันนี้ถึงน้อยนัก?”

“ใช่แล้ว นายน้อยเหลียนกรุณาตอบพวกเราด้วย!”

เหลียนเฉิงอยู่ ยืนขึ้นบนเวทีและยิ้มให้ทุกๆคน เหมือนกับว่าการที่เขาชมเชยอี้หยุนมันไม่เคยเกิดขึ้นและก็ไม่เป็นที่น่าสนใจ เขาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“เหล่าสมาชิกชนเผ่า ทุกท่านได้ทำงานอย่างหนักตลอดทุกปีที่ผ่านมา!”

เหลียนเฉิงอยู่พูดไม่ตรงประเด็นในประโยคแรก แต่เขาทำเพื่อปรามฝูงชน สำหรับอี้หยุน นี่เป็นแค่ชั้นเชิงอันงุ่มง่าม

แต่สำหรับ เหลียนเฉิงอยู่ผู้สง่างามแล้ว คำพูดเหล่านี้ทำให้เหล่าผู้ยากไร้ชื่นชมสรรเสริญ

“พวกเจ้าต้องการคำอธิบาย ข้าก็จะให้ นำมันขึ้นมา!”

เหลียนเฉิงอยู่โบกมือให้คนของเขาหกคน ยกหีบไม้ขนาดใหญ่ ขึ้นมา

อี้หยุนจำได้ว่า “นายท่านเทา” ทิ้งหีบใบนี้ไว้หลังจากรับอาวุธ และชุดเกราะไป

“เปิดมัน!” เหลียนเฉิงอยู่ ออกคำสั่ง

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดสิ่งที่อยู่ในหีบ เพื่อเปิดมันจำต้องใช้แรงของบุรุษร่างใหญ่สองคนในการงัดฝาหีบออกต่อหน้าทุกคน

เมื่อหีบเปิดออก แสงอันเปล่งประกายงดงามก็ถูกปลดปล่อยออกมา

ฝูงชนต่างอุทานด้วยความพิศวง พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน

เหลียงเฉิงอยู่เดินไปข้างหน้าแล้วใช้ศิลาสีแดงโบกไปมาตามธารแสงอันเรืองรองลำแสงส่ายไหว แล้วค่อยๆหายไป

ทันใดนั้น อากาศเย็นก็แผ่ซ่านออกมา…..
◀ บทที่เเล้ว หน้าหลัก บทต่อไป ▶

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้