True Martial World บทที่ 12 ท่านรู้เกี่ยวกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ไทอาหรือไม่

วันรุ่งขึ้น อี้หยุนตี่นแต่เช้าเพื่อไปเก็บสมุนไพร ขณะเดินผ่านลานฝึกยุทธ อี้หยุนเห็นสมาชิกเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธรวมตัวกันอยู่ ด้านหน้าหม้อใบใหญ่ที่กำลังส่งกลิ่นน่าอร่อยออกมา! นี่มันกลิ่นเนื้อ! อี้หยุนยอมรับ ทันทีที่ได้กลิ่น เขาหิวไปได้ทั้งวัน หลังการชำระเส้นเอ็นผลัดเปลี่ยนไขกระดูก เขาตระหนักว่า ความต้องการอาหารกลายเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ โจ๊กข้าวย่อยหมดทันทีที่เข้าไปอยู่ในท้อง เขาเข้าใจ ตอนนี้ร่างกายกระหายพลังงานอย่างมหาศาล เมื่อบุคคลอยู่ในจุดเริ่มต้นของการฝึกยุทธ เขาไม่มีความสามารถในการดูดซับ “พลังจักรวาล” เขาพึ่งพาเพียงพลังงานจากอาหาร แต่ด้วยปริมาณอันน่าสงสารของโจ๊กข้าวที่เขากินทุกวัน มันไม่อาจเติมเต็มความต้องการพลังงานของเขา! ไร้ซึ่งอาหาร แล้วจะเติบโตแข็งแรงได้อย่างไร? เหล่าชนชั้นสูงในเผ่า กินเนื้อสัตว์อสูรรกร้างเป็นอาหารประจำวัน มันให้พลังงานมาก มีคุณภาพสูง เป็นคนละโลกกับโจ๊กข้าวที่เขากิน อี้หยุนรู้ว่าหากปล่อยให้ตัวเองหิวโหยเป็นระยะเวลานาน จะก่อให้เกิดอันตรายที่ไม่พึงประสงค์ต่อร่างกาย เขายังอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต ได้รับเพียงแค่การฟื้นฟูจากการชำระเส้นเอ็นผลัดเปลี่ยนไขกระดูกเท่านั้น เช่นเดียวกับ การเติบโตแทงยอดของหน่อไม้ น้ำน้อยก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ มันจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างมาก! ความจริงแล้ว ความสามารถของอี้หยุนขณะนี้ ง่ายต่อการเข้าร่วมในเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ ที่ซึ่งเขาจะได้รับการดูแลที่ดีกว่า หากเป็นแบบนั้นความลับของผลึกม่วง จะถูกเปิดเผย พลังชั่วข้ามคืน ไม่อาจอธิบายได้ นอกจากนี้อี้หยุนไม่ได้เป็นมิตรกับเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ หรือ เหลียนเฉิงอยู่ เขาจึงไม่มีแผนจะเข้าเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธ “ต้องเป็นเนื้อสัตว์อสูรที่พวกเขาล่ามา” เจียงเเสี่ยวโหรวพูดด้วยความริษยา โดยพื้นฐานคนธรรมดาสามัญในโลกนี้ กินอาหารสองมื้อต่อวัน พวกเขาไม่ได้กินตอนตื่นนอน 5 โมงเช้า แต่กินตอน 9 โมงเช้า เฉพาะผู้ฝึกยุทธ และผู้กำลังฝึกฝน เท่านั้นที่กินอาหารสามมื้อต่อวัน พวกเขากินตั้งแต่ตอนตื่นนอน พวกเขาจำเป็นต้องใช้พลังงานในการฝึก และด้วยเหตุว่า สมาชิกของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธจำเป็นต้องฝึกฝน พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตอาหาร พวกเขาล่าสัตว์ เนื่องจากดินแดนรอบนอกเปี่ยมอันตราย ผู้ฝึกยุทธจึงได้รับการฝึกเล็กๆ น้อยๆจากการล่า อาหารที่ได้จำนวนเล็กน้อยนี้ พวกเขาจึงเก็บไว้กินเฉพาะพวกตนโดยไม่ต้องแบ่งปันผู้ใด เหตุผลที่พวกเขาต้องการกินเนื้อสัตว์ ก็เพื่อการฝีกฝน และเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง สำหรับเหล่าผู้ยากไร้ งานที่ทำทั้งหมดก็แค่งานฝีมือ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน แค่เมล็ดข้าวก็เพียงพอแล้ว เมื่ออี้หยุนกับเจียงเเสี่ยวโหรวเดินผ่านไป เหล่าบุรุษจากเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธก็มองไปที่พวกเขา จ้าวเทียจู่ผิวปาก ขณะเอาชิ้นเนื้อติดกระดูกออกมาเคี้ยว ต่อหน้า อี้หยุนกับเจียงเเสี่ยวโหรว “เนื้อกวางนี่ หอมชะมัด ฮ่าๆๆ!” จ้าวเทียจู่ หัวเราะอย่างมีชัย เนื้อย่างปรุงด้วยเกลือและเครื่องเทศ น้ำเนื้อที่ซึมออกมาส่งกลิ่นหอม! จ้าวเทียจู่กัดกินอย่างมูมมาม ราวกับกำลังจะกลืนลิ้นตัวเอง พร้อมกับเลียริมฝีปากและนิ้วมือ นอกจากนี้เขาเอาถุงหนังแพะที่ซ่อนไว้ออกมาดื่มของที่อยู่ภายในเป็นระยะๆ มันคือ เหล้า! ในชนเผ่าเหลียน เหล้าเป็นของฟุ่มเฟือย ด้วยอาหารที่ขาดแคลน เป็นไปได้อย่างไรที่นำเมล็ดข้าวไปกลั่นเหล้า? สมาชิกของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธจะได้รับของปันส่วนในปริมาณมาก พวกเขาแบ่งออกมาเล็กน้อยกลั่นเป็นเหล้า พวกเขาใช้เหล้าให้ความอบอุ่นร่างกาย ในยามเช้าของฤดูหนาว เศษที่เหลือจากการกลั่น พวกเขาเอามาให้ผู้ยากไร้ แม้ว่าเศษที่ได้จะเปรี้ยว ก็ยังดีกว่าอดตาย เศษเหล่านั้นไม่เคยถูกทิ้งเสีย เช่นกัน เหล่าผู้อาวุโสในเผ่าไม่เคยห้ามปรามคนของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธที่ลักลอบผลิต “ฮ่าๆๆๆ ดื่มเหล้า กินเนื้อ ความสุขอันยิ่งใหญ่ของชีวิต” จ้าวเทียจู่ หัวเราะเสียงดังไม่เกรงใจใคร มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้น จ้าวเทียจู่มีความสุขกับชีวิต สำหรับผลประโยชน์ของการเป็นสมาชิกของเหล่าผู้ฝึกวิทยายุทธที่มอบให้เขา “ขอทานน้อยสองคนนี่น่าสงสารจริงๆ น้ำแกงที่เหลือไว้ค่อยให้พวกเจ้าทีหลัง” เนื้อกวางย่าง ไม่มีน้ำแกง! เจียงเเสี่ยวโหรว รู้ว่า จ้าวเทียจู่ จงใจล้อพวกนางเล่น นางพ่นลมออกทางจมูก คว้ามืออี้หยุนเลี่ยงออกมา ในขณะนั้นเอง ท้องของนางก็ทรยศ ส่งเสียงร้องคำรามลั่น เพราะจ้าวเทียจู่อยู่ไกลจึงไม่ได้ยิน แต่เขาได้ยินอย่างชัดเจน เจียงเเสี่ยวโหรว หน้าแดงด้วยความลำบากใจ อี้หยุนขบขันต่อท่าทีอันน่ารักของนาง เพื่อเจียงเเสี่ยวโหรว ที่ท้องส่งเสียงร้องคำราม สถานะของนางก็เป็นพี่สาว “พี่เเสี่ยวโหรว ภายหน้าข้าจะหาของอร่อยทุกอย่างที่มีในโลกให้ท่านกินให้ได้!” อี้หยุนพูดอย่างจริงจัง ขณะจ้องไปที่นัยน์ตาของเจียงเเสี่ยวโหรว เจียงเเสี่ยวโหรว ตกใจที่ได้ยินน้องชายพูดแบบนั้น นางปัดมันออกจากความคิด เป็นแค่คำพูดของเด็ก แต่ก็มีความสุขที่อี้หยุนคิดถึงนาง นางลูบศีรษะของอี้หยุน แล้วพูดกับเขาด้วยเสียงพูดที่ใช้กับเด็กทารก “พี่สาว จะคอย!” ถูกกลั่นแกล้งและลูบศีรษะโดยสาวน้อย อี้หยุนถึงกับพูดไม่ออก แต่ช่วยไม่ได้ ก็เขาอายุน้อยกว่านาง “พี่เเสี่ยวโหรว ท่านรู้เรื่องอาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ไหม? เหลียนเฉิงอยู่ พูดว่าจะมีการคัดเลือกผู้ฝึกยุทธของอาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ใน 3 เดือนนี้” การได้รับเลือกจะเปลี่ยนแปลงสถานะของผู้คน เป็นเหตุให้เหลียนเฉิงอยู่ หมดหวังในการบ่มเพาะด้วยตนเอง จนต้องใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อชิ้นส่วนกระดูกเดียวดาย “อาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์….” เจียงเเสี่ยวโหรว ทบทวนความทรงจำ “อาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นอาณาจักรโบราณของเผ่ามนุษย์มีอำนาจเหนือ 108 แว่นแคว้น และ 24 แดนไพร!” “ที่ๆพวกเราอยู่ในปัจจุบันเป็น 1 ใน 24 แดนไพร ชื่อเมฆาเลือนเร้น” “อาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงอำนาจมาก ในเมืองหลวงมีผู้เยี่ยมยุทธอยู่มากมาย ผู้ฝึกยุทธของอาณาจักร โดยมากมาจาก 180 แว่นแคว้น ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ฝึกยุทธแห่งแดนไพรอ่อนแอ แต่เป็นเพราะ ใน 24 แดนไพร มีจำนวนประชากรอยู่น้อย การจัดคัดเลือก ผู้ฝึกยุทธ ต้องการการจัดการและกำลังคนเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต้องประเมินสูง” “สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกจะทำโดยคนที่มาจากอาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ เลือกคนจากชนเผ่า หรือ ผู้ฝึกยุทธรุ่นหนุ่ม ไปสู่การเสียชีวิต ระหว่างข้ามดินแดนรอบนอก” “แต่ครั้งนี้แปลกมาก อาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์กับเลือกที่จะคัดเลือกผู้ฝึกยุทธในแดนรกร้างเมฆา ไม่ต้องคิดเลยว่านี่เป็นโอกาสอันดีของเหล่าชนเผ่าเล็กๆในดินแดนรกร้างเมฆานี้ เหลียนเฉิงอยู่ก็จับตาโอกาสที่จะทะยานขึ้นสู่ความเป็นที่หนึ่ง หนีออกไปจากหมู่บ้านเล็กๆที่น่าสงสารนี้” กับคำอธิบายของเจียงเเสี่ยวโหรว ทำให้อี้หยุนประหลาดใจ “ทำไมท่านถึงรอบรู้มากมายอย่างนี้?” เสียงของเจียงเเสี่ยวโหรว ฟังดูเป็นเด็กๆ แต่ความเข้าใจและความสามารถในการพูดของนางไม่มีอะไรเหมือนเด็ก “ข้าได้ยินสิ่งเหล่านี้ จากมารดาที่กำเนิดข้า เมื่อยังเด็กข้าได้อ่านมากมายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด ดังนั้นจึงรู้ไม่น้อย หยุนเอ๋อร์ ดูเหมือนว่าเจ้าจำสิ่งต่างๆไม่ได้มากมาย ข้าสอนเจ้าอ่านแล้วเช่นกัน” “โอ้...” อี้หยุนลูบศีรษะตัวเอง ยิ้มเจื่อน แท้จริงเด็กน่าสงสารคนนี้ สามารถอ่านออก เป็นความดีความชอบของเจียงเเสี่ยวโหรว ที่เขาสามารถอ่านออก หากสามารถอ่านออกตั้งแต่ยังเด็ก เจียงเเสี่ยวโหรวต้องเกิดมาในครอบครัวมีอันจะกิน “พี่เเสี่ยวโหรว เหลียนเฉิงอยู่ พูดว่า ถ้าเขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาจะนำทั้งเผ่าเข้าไปอยู่ในเมืองได้ จริงหรือ?” “ยากมาก ... ” เจียงเเสี่ยวโหรวส่ายศีรษะ “การคัดเลือกผู้ฝึกยุทธของอาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ มีหลายรอบ มีทั้งการคัดเลือกรอบแรก รอบรองชนะเลิศ ซึ่งส่วนมากจะถูกคัดออกในแต่ละรอบ หากได้รับรางวัลพิเศษ “ปราชญ์แห่งอาณาจักร” นั่นจะมีชื่อเสียงมาก ที่ดีที่สุด ปราชญ์แห่งอาณาจักร สามารถเข้าสู่เมืองหลวง เพลิดเพลินไปกับการใช้ทรัพยากรของอาณาจักรและเรียนรู้ “เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ไทอา!” “ส่วนที่จะนำทั้งเผ่าเข้าเมืองนั้น ไม่เพียงจะต้องผ่านรอบรองชนะเลิศ จะต้องมีผลงานเป็นเลิศด้วย เหลียนเฉิงอยู่ยังไม่ถึงมาตรฐานนั้น แม้เขาจะไปถึงมาตรฐานนั้นได้ในอนาคต แต่โดยบุคลิกของเขา ก็ไม่น่าจะเข้ามาดูแลพวกเรา” “หยุนเอ๋อร์ เจ้าถามทำไม เจ้าไม่คาดหวังว่า เหลียนเฉิงอยู่จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธของอาณาจักรและทำให้ชีวิตพวกเราดีขึ้น ถูกไหม?” “ข้าแค่ถามเท่านั้น” อี้หยุน สัมผัสจมูกของเขา ให้เขาคิดว่าหมูบินได้ ดีกว่าคาดหวังเหลียนเฉิงอยู่ หากเจ้าคนที่กำลังเก็บตัวฝึกอยู่เห็นเขายังมีชีวิตอยู่ ก็อาจฆ่าเขา ในโอกาสแรกที่พบ! อี้หยุนกำลังพนันกับความสามารถในการป้องกันตัวเองในเรื่องนั้น ตัวตนของการทำลายล้างค่อยๆปรากฏขึ้นในอากาศ! “ดูเหมือนหากข้ามีส่วนในการเลือกผู้ฝึกยุทธของอาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ มันจะเป็นวิธีที่รวดเร็วในการทำให้ชีวิตของเราสองคนดีขึ้น!” สำหรับ “เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ไทอา” มันจะต้องเป็นคัมภีร์การบ่มเพาะพลังงานบางอย่าง ต้องเป็นคัมภีร์วิชายุทธของโลกใบนี้ ผลึกม่วงอาจวิเศษ แต่มันแค่ฟื้นฟูพลัง “หากข้าไม่เข้าสู่อาณาจักรไทอาอันศักดิ์สิทธิ์ จะได้คัมภีร์บ่มเพาะจากที่ไหน?” อี้หยุนทำการตัดสินใจขณะที่พึมพำกับตัวเอง เขายังไม่สามารถออกจากเผ่าเหลียนได้ ถึงแม้ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่บ้าบิ่นพอที่จะข้ามดินแดนรอบนอก เขาต้องเพิ่มชื่อของตัวเองเข้าไปในรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกของเผ่าเหลียน นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ตอนนี้!
◀ บทที่เเล้ว หน้าหลัก บทต่อไป ▶

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้