True Martial World บทที่ 13 ผลลัพธ์ไม่คาดฝันจากการเก็บสมุนไพร

แม้ว่าเผ่าเหลียนตั้งอยู่ในดินแดนรอบนอก มีสภาพความเป็นอยู่แร้นแค้น แต่ก็เป็นเผ่าที่เป็นเจ้าของพื้นที่ผลิตสมุนไพร และภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียนเป็นพื้นที่ๆมีพลังลมปราณสูง เอื้อประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของสมุนไพร มันถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้จะกล่าวว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเพียงสถานที่ๆเรียกขานโดยผู้ยากไร้ในเผ่าเหลียน ในสายตาชนเผ่าใหญ่ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน ไม่นับว่าเป็นอะไรได้ โดยรวมแล้ว ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ต่างเต็มไปด้วย สถานที่อันอุดมสมบูรณ์หนาแน่นไปด้วยพลังลมปราณ เผ่าชนขนาดใหญ่ต่างเลือกดินแดนที่อุดมไปด้วยพลังมหัศจรรย์เช่นนี้ลงหลักปักฐาน โดยเฉพาะสถานที่ ที่ให้ผลผลิตมากและมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ ที่สำคัญคือ ไม่ทราบด้วยสาเหตุใด สัตว์อสูรรกร้างที่แข็งแกร่งและสัตว์อสูรต่างหลีกเลี่ยง “สถานที่ศักดิ์สิทธ์” เหล่านี้ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดทำให้มั่นใจ ในความปลอดภัยของชนเผ่า แน่นอน มันยากที่จะเกิดการบาดเจ็บจากสัตว์อสูรรกร้างที่หลงพลัดเข้ามาทำลายหมู่บ้านเล็กๆ และก็แน่นอนทุกอย่างมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ขณะที่ป้องกันสัตว์อสูรรกร้างจำนวนมากได้ และก็เป็นเหตุทำให้จำนวนสัตว์ในบริเวณใกล้เคียงลดน้อยลง กระต่ายและกวางถูกล่าเป็นรายการต้นๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น มีเพียง ยอดยุทธโลหิตม่วงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่เพื่อล่าสัตว์ได้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรอบนอกอันกว้างใหญ่ จึงเป็นสถานที่ๆต่างเสาะหา ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียน ได้รับการพิจารณาว่าเป็นของคุณภาพต่ำมาก หากไม่แล้ว เผ่าตระกูลเหลียนจะยึดครองมันไว้ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าภูเขาสมุนไพรเป็นของคุณภาพต่ำ แต่สำหรับเผ่าเหลียนมันเป็นสมบัติล้ำค่า มันเป็นเหตุให้เผ่าตระกูลเหลียนตั้งอยู่ที่นี่ ทุกๆครั้งที่ชาวบ้านถูกส่งให้มาเก็บสมุนไพร พวกเขาจะได้รับการตรวจค้นอย่างเข้มงวดมิให้ผู้ใดแอบซ่อนเอาไปได้ อี้หยุนแบกตะกร้าสมุนไพรเดินเคียงข้าง เจียงเเสี่ยวโหรว เขาถามเรื่องเกี่ยวกับระดับของผู้ฝึกยุทธในโลกนี้ ขั้นต่ำสุดของผู้ฝึกยุทธ เรียกว่า โลหิตมนุษย์ ผู้ฝึกยุทธ ที่อยู่ในขอบเขตโลหิตมนุษย์ เรียกว่า นักสู้ไร้นิรันดร์ หรือ ผู้ฝึกยุทธโลหิตมนุษย์ โลหิตมนุษย์ไม่มีขอบเขตชัดเจน แต่เป็นเพียงคำที่ใช้ทั่วไปในหมู่ของผู้ฝึกยุทธ โลหิตมนุษย์ เป็นคำเรียก จากความเป็นจริงที่ว่า พวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีโลหิตสีแดงปกติ นักสู้ไร้นิรันดร์ หรือผู้ฝึกยุทธโลหิตมนุษย์ เป็นเพียงแค่ ผู้ฝึกยุทธปกติ แม้ว่าพวกเขาจะฝึกวิชายุทธ พวกเขาไม่สามารถที่จะแยกตัวเองออกจากคนธรรมดาอื่นๆได้ พวกเขาหนีไม่พ้นความจริงที่ว่า พวกเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา เพียงแต่ นักสู้ไร้นิรันดร์ มีความแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป พวกเขาสามารถฉีกเสือออกจากกันและวิ่งเร็วเหมือนม้า ขอบเขตของ โลหิตมนุษย์ แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ระดับ 1 แข็งแกร่ง ระดับ 2 ประกาศศักดา ระดับ 3 ฟ้าคำราม ระดับ 4 ชีพจรสัมพันธ์ ระดับ 5 ลมปราณรวบรวม ระดับแรก แข็งแกร่ง ต้องผ่านการยกน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง วิ่ง ตอกเสา มวยปล้ำ และบำรุงด้วยโสม เนื้อสัตว์และอาหารอันทรงคุณค่าต่างๆ โดยจะปรับปรุงสภาพร่างกายอย่างช้าๆ ความแข็งแรงและความเร็ว จะถูกพัฒนาอย่างมาก! ปัจจุบัน อี้หยุนอยู่ในระดับนี้ ความแข็งแรงของเขาเพิ่มขึ้น ยกลูกกลิ้งหินได้ 300 จิน ความเร็วเหนือกว่า จ้าวเทียจู่ สองเท่า แต่เขาจะได้รับพิจารณาว่า แข็งแกร่งกว่า ผู้ฝึกยุทธในระดับ แข็งแกร่ง ทั้งหมด เพราะเขาอายุเพียง 12 ปี และ มีสภาพร่างกายเทียบได้กับ บุรุษรูปร่างปกติ พูดอย่างเคร่งครัด แข็งแกร่ง ก็ไม่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นขั้นแรกของระดับวิชายุทธ สำหรับ โลหิตมนุษย์ ระดับที่สอง ประกาศศักดา จะอ้างอิงถึงวิชายุทธ การออกกำลังกายที่ปรับให้ดีขึ้น และลมหายใจที่ยาวมากขึ้น การฝึกระดับ ประกาศศักดา เป็นอย่างดี สามารถสร้างลูกศรอากาศ จากลมหายใจ จะรู้จักกันว่า “ หายใจเหมือนอสรพิษ ออกมาเหมือนลูกศร” มันเห็นได้ชัดในฤดูหนาว และลูกศรอากาศสามารถยิงได้ไกลถึง 5 ฟุต เจาะผ่านกระดาษได้! ผู้อยู่ในระดับ ประกาศศักดา 1 ใน 3 ของอัตราการเต้นของหัวใจเหมือนบุคคลปกติ แต่การไหลเวียนของเลือด จะมีผลกระทบอย่างเชื่องช้า ผู้ฝึกยุทธสามารถวิ่งได้เร็วเท่าม้า เป็นชั่วโมง โดยไม่หอบหรืออัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ระดับสาม ฟ้าคำราม หมายถึง ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย การไหลเวียนเลือด กล้ามเนื้อ พังผืด และกระดูก ทุกส่วนของร่างกาย มีการประสานงานอย่างดีเลิศ “หนึ่งสามารถอยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังคงโจมตีเหมือนสิงโต” ผู้ฝึกยุทธระดับ ฟ้าคำราม มีร่างกายสมบูรณ์แบบ ร่างกายของเขา จะส่งเสียงเหมือนฟ้าร้องออกจากข้อต่อ เมื่อเขาออกแรงอย่างแข็งกล้า เป็นที่มาของชื่อ ระดับสี่ ชีพจรสัมพันธ์ หมายถึง การชำระล้าง(กรุย)เส้นลมปราณทั้งสิบสอง ควบคุมและปรับสมดุลของเลือดและพลัง เป็นความสมบูรณ์แบบของการไหลเวียนลมปราณ เมื่อมาถึงระดับนี้ ผู้ฝึกยุทธ จะรับรู้ถึงโลกของลมปราณ ระดับที่ห้า ลมปราณรวบรวม เป็นการเสริมระดับสี่ ชีพจรสัมพันธ์ ผู้ฝึกยุทธสามารถรับรู้โลกของลมปราณและดูดซับเข้าสู่ร่างกายของเขา ที่จุดสูงสุดของลมปราณรวบรวม โลกของลมปราณจะเปลี่ยนแปลงร่างกาย ฟื้นคืนพลัง ส่งผลให้ก้าวผ่านสู่ขอบเขตใหม่ โลหิตม่วง พูดอย่างเคร่งครัดแล้ว ขอบเขตโลหิตม่วง เป็นเพียง จุดเริ่มต้น ของการฝึกวิชายุทธ เมื่อผู้ฝึกยุทธ บ่มเพาะ ร่างกายตัวเองจนถึงขั้นนี้ ร่างกายจะได้รับการเปลี่ยนแปลง ช่วงเวลาที่ข้ามขีดจำกัดเข้าสู่การเป็น ยอดยุทธโลหิตม่วง เลือดของเขาจะหนักเท่ากับปรอท (หนักกว่าน้ำ 13.5 เท่า) เลือดนี้จะปรากฏสีม่วงอมทองใต้แสงตะวัน เป็นที่มาของชื่อ! ผู้ฝึกยุทธที่เข้าสู่ขอบเขต โลหิตม่วง จะมีความแข็งแกร่งมาก สามารถรองรับ(พิทักษ์ดูแล)เผ่าชนเล็กๆได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยอดยุทธโลหิตม่วง ก็สามารถมีความสุขกับ สถานะภาพอันสูงส่งในดินแดนรอบนอก ยอดยุทธโลหิตม่วงจะได้รับการปฏิบัติราวกับจักรพรรดิในเผ่าชนขนาดเล็ก-ขนาดกลาง สมาชิกในเผ่าทุกคน ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเขา เป็นผู้ควบคุมกำหนดชีวิต ความเป็นตายของชนเผ่า สาวงามทั้งหมดในเผ่า เป็นแค่ตัวเลือกของ ยอดยุทธโลหิตม่วง เหล่าสตรีที่ได้รับความสนใจจาก ยอดยุทธโลหิตม่วง ถือว่าได้รับเกียรติ ดังนั้น แม้ว่านางจะเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่า นางก็ยินดีปีนขึ้นเตียงของเขา นี่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เหล่าสตรีที่มีชีวิตอยู่ด้วยอาหารจำนวนเล็กน้อย มีหรือจะไม่โอบกอดการปรากฏตัวของวีรบุรุษที่จะทำให้ชีวิตพวกนางดีขึ้น ในยุคนี้ ผู้คนยกย่องความแข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรี!……. “หยุนเอ๋อร์ ข้าจะปีนขึ้นไปเก็บสมุนไพร แล้วโยนลงมาให้เจ้ารับ” เจียงเเสี่ยวโหรว พูดขี้นขณะพยายามปีนพะอง (ดูคำอธิบายท้ายบท) ภูเขาสมุนไพรเผ่าเหลียนครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ และก็เป็นภูเขาที่อันตรายมาก! ส่วนใหญ่ของสมุนไพรเติบโตขึ้นบนหน้าผา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขึ้นไปเก็บ การปีนหน้าผาเพื่อเก็บสมุนไพรเป็นงานอันตรายอย่างยิ่ง นำไปสู่การสูญเสียชีวิตจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ อี้หยุนก็ตกลงมาตาย เมื่อฟื้นขึ้นมา เจียงเเสี่ยวโหรว ยืนกรานไม่ให้เขาปีนหน้าผาอีก แต่เขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้นางเสี่ยงภัย เขาพูดว่า “พี่ ท่านเก็บสมุนไพรที่ด้านล่าง ปล่อยด้านบนเป็นหน้าที่ข้า!” “หยุนเอ๋อร์ หยุดเหลวไหลได้แล้ว! เจ้าเพิ่งหายดี จะมีกำลังปีนขึ้นไป….” เจียงเเสี่ยวโหรวพูดไม่ทันขาดคำ นางก็เห็นอี้หยุน คว้าพะอง แล้วปีนขึ้นไป ราวกับลิง “หวิน หยุนเอ๋อร์...” เจียงเเสี่ยวโหรว จ้องมองอี้หยุนปีนขึ้นไป เขาปีนหน้าผาที่เป็นแนวตั้งและราบเรียบ เมื่อไหรกันที่อี้หยุนคล่องแคล่วปราดเปรียว? การเก็บสมุนไพรบนหน้าผา ไม่เพียงเกี่ยวกับการปีนผาสูง นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีประสบการณ์และความคุ้นเคยกับสมุนไพรและสถานที่ ที่พวกมันส่วนใหญ่เจริญเติบโต ยกตัวอย่างเช่น สมุนไพรบางชนิดต้องการร่มเงา ขณะที่ชนิดอื่น ต้องการแสงอาทิตย์ สมุนไพรบางชนิดต้องการที่แห้ง และบางชนิดต้องการที่ชุ่มชื้น อี้หยุนจมอยู่กับความรู้เรื่องสมุนไพรที่เรียนรู้เมื่อวันก่อน แต่ความรู้ของเขามีจำกัด เขาวางแผนที่จะใช้ความว่องไว ชดเชยการขาดความรู้ แต่ก็เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า ไม่จำเป็น แค่ปีนขึ้นมาสูง 8 เมตร เขาก็เห็นจุดแสง สว่างขึ้นจากหินที่อยู่ใกล้ๆ จุดแสงคงอยู่ในอากาศ ไม่กี่วินาที ก่อนจะลอยตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขา ต่อจากนั้น ผลึกม่วงแผ่กระแสความเย็นที่สดใสมากขึ้น พลังงานไหลผ่านเส้นเลือด ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างมาก ไม่ต้องมีคำถาม ผลึกม่วงกำลังดูดซับพลังงาน “มันอาจจะเป็น…” อี้หยุนปีนไปดูที่ใต้ก้อนหินอย่างง่ายดาย และเห็นผลไม้สีแดง ขนาดเท่ากำปั้น! ตังกวอ เป็นสมุนไพรโลหิตม่วงคุณภาพต่ำ มองจากสีของมัน เป็นสมุนไพรอายุมากกว่า 20 ปี อี้หยุนยินดีอย่างยิ่ง แค่เขาต้องการเก็บมัน จุดแสงก็ลอยออกมาจากตังกวอ แล้วเข้าไปที่หน้าอกของเขา ไม่กี่วินาทีต่อมา จุดแสงที่สามก็ตามมา แล้ว ตามด้วยสี่ จำนวนจุดแสงเพิ่มขึ้น ผิวของตังกวอมีเงาเล็กน้อย หากไม่ตรวจสอบอย่างรอบคอบก็อาจผิดพลาดได้ ผลึกม่วงสามารถดูดซับแก่นพลังของตังกวอ!
◀ บทที่เเล้ว หน้าหลัก บทต่อไป ▶

ไฟล์เสียหรือถูกลบบอกด้วยนะครับ เดียวจะเเก้ให้ สวนมีความเห็นอะไรหรืออย่าดูเรื่องไรก็โพทย์บอกได้